ตั้งแต่วันที่ถูกปล้นจูบไปอย่างป่าเถื่อน วายุก็ไม่ได้พบหน้ามุกดาอีกเลย เวลาเขาไปที่บ้านเพื่อหวังพบหน้าแต่เธอก็ทำเมินและไม่สนใจเขา หลายครั้งที่เขาโกรธแทบบ้าแต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ เขาจะเผยด้านมืดออกมาไม่ได้ มารดาของหญิงสาวและเพื่อนรักยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาต้องใจเย็น ๆ พยายามคิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
แต่ดูเหมือนความพยายามของเขาจะไร้ค่า เพราะสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่กำลังปั่นป่วนหัวใจจนแทบระเบิดออกมาเป็นผุยผง
“มึงว่าไงนะ กูฟังไม่ถนัด” วายุวางกระป๋องเบียร์ที่ดื่มไปครึ่งกระป๋องลงกับโต๊ะทันที เขาถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าได้ยินไม่ผิด
“มุกกลับไปคบกับไอ้ทัศอีกแล้ว” น้ำเสียงเบื่อหน่ายมาพร้อมลมหายใจร้อนระอุไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เมฆากระดกเบียร์ที่เหลือสาดลงคออย่างเดือด ๆ
“กูไม่เข้าใจเลยว่ะ ทำไมมุกไม่เข็ดวะ โดนมันทำร้ายจิตใจขนาดนั้นยังจะกลับไปคบกับมันอีก น้องกูแม่ง!”
เมฆากัดฟันกรอด เขาอยากจับน้องสาวตัวดีมาฟาดก้นให้หายโมโหนักเชียว
“ทำไม” วายุปรับสีหน้าให้เรียบเฉย เขาหยิบกับแกล้มเข้าปากเคี้ยวกลืนราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ขัดกับภายในใจโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ข้างในมันลุกเป็นไฟ ร้อนรุ่มไม่ต่างจากเพลิงโลกันต์
“กูไม่รู้ว่ะ บอกแค่ว่าอยากให้โอกาส” เมฆาตอบตามที่ได้คุยกับน้องสาวมาบ้าง
“หึ ให้โอกาส” คนฟังแสยะยิ้ม เค้นเสียงในลำคอไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน ถ้าจะมีใครสักคนสมควรได้รับโอกาส คน ๆ นั้นควรเป็นเขา ไม่ใช่ไอ้สารเลวนั่น
“กูอยากให้แม่งเลิกกัน” เมฆาพูดจริงจัง จ้องหน้าเพื่อน “จริง ๆ นะไอ้ลม กูอยากให้มุกเลิกยุ่งกับไอ้เวรนั่น”
“ไปบอกน้องมึงสิ เกี่ยวไรกับกู” วายุเก็บอาการซ่อนลึกชนิดที่ว่าเมฆาก็จับพิรุธไม่ได้ เขาวางสีหน้าเรียบเฉยเหมือนนั่งฟังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป ทั้ง ๆ ที่เมฆาออกอาการเครียดและกังวลจนลนลานไปหมด
“เออ กูรู้” แทบจะยกเท้าประเคนใส่หน้าคนหล่อ เขาล่ะเกลียดท่าทางกวนบาทาแบบนิ่ง ๆ ของมันจริง ๆ
“กูก็แค่พูดเพื่อให้ตัวเองคิดออกว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี”
เมฆาครุ่นคิด ยกมือลูบปลายคางขณะทอดสายตามองทีวี หัวสมองกำลังตึงเครียดและวนเวียนอยู่กับเรื่องที่น้องสาวไปคบหากับแฟนเก่าจอมเจ้าชู้ แต่จู่ ๆ ภาพหนังแอคชั่นบู๊ระห่ำกลับกลายเป็นภาพสาวน้อยวัยใสนอนครวญครางอยู่ใต้ร่างฝรั่งกล้ามปูที่จับสองขาเรียวฉีกออกกว้างแทน
“ไอ้เหี้ยลม! มึงเปิดอะไรของมึงเนี่ย”
เมฆาถึงกับร้อนวูบวาบในอก เสียงครางหงิง ๆ ของนางเอกหนังวาบหวิวดังกระหึ่มห้องนั่งเล่น
“แก้เครียด กลัวมึงอกแตกตาย”
มุมปากได้รูปยกยิ้มอวดดี ภาพและเสียงวาบหวิวไม่สามารถปลุกกระตุ้นอารมณ์ดิบของเขาได้ จะเรียกว่าด้านชากับสิ่งเร้าตรงหน้าก็ไม่เชิง เพียงแต่ตอนนี้กระบวนการทางความคิดกำลังหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องของมุกดา
ผู้หญิงที่ทำให้เขาร้อนรนดุจไฟแผดเผา
กลับไปคบกับแฟนเก่างั้นเหรอ?
มุกดาอวดดีกับเขาเกินไปแล้ว!
ปกติวันหยุดมุกดาจะนอนอยู่บ้านเปิดดูซีรีส์เกาหลีพร้อมหาขนมนมเนยกินแก้เบื่อ แต่วันนี้เธอตื่นแต่เช้าแต่งตัวสวยออกจากบ้าน
“สงสัยวันนี้พายุจะเข้ากระมัง ตัวแสบของแม่ถึงตื่นเช้าในวันหยุดแบบนี้ได้” คนเป็นแม่เอ่ยแซวขณะตักผัดกะเพรากุ้งราดบนข้าวสวยร้อน ๆ วางลงบนโต๊ะ
“หอมน่ากินจังเลย”
“ยังไงเรา จะไปเที่ยวไหนหืม นัดเพื่อนไว้เหรอ”
ปราณีนำพริกน้ำปลารสชาติจัดจ้านมาเสิร์ฟต่อเนื่อง มุกดาตักข้าวคำแรกเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ กลืนเสร็จกำลังจะตอบคำถามของแม่ แต่เสียงเข้มห้วนจัดของพี่ชายแทรกขึ้นเสียก่อน
“ไม่ใช่เพื่อนหรอกครับแม่ ไอ้เตี้ยมันนัดแฟนไว้”
เมฆาพับหนังสือพิมพ์รายวันเก็บเข้าลิ้นชักโต๊ะทำงาน ลุกเดินมาในครัวพร้อมกับทำหน้าตึงเครียดจ้องน้องสาว
“แฟน? ทำไมแม่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ปราณีขมวดคิ้ว ลูกสาวมีแฟนทั้งทีคนเป็นแม่กลับไม่รู้อะไรเลย
“มีแฟนแล้วก็พามาแนะนำให้แม่รู้จักหน่อยสิลูก พาเขามากินข้าวที่บ้าน เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวไว้ให้” แม่ไม่เคยต่อว่าหรือห้ามลูก ปราณีถือคติลูกรักใครแม่ก็รักด้วย
ขอเพียงคน ๆ นั้นเป็นคนดี
“แม่รู้จักดีเลยล่ะครับ แฟนคนนี้” สายตาตำหนิจ้องมองน้องสาวตัวดีตลอดเวลา “ทัศนัยไงครับ”
“…”
“ไอ้ทัศที่มันเคยทิ้งลูกสาวแม่ไปมั่วกับคนอื่น”
“พี่เมฆ มันจะเกินไปแล้วนะ” มุกดาเริ่มหงุดหงิด ลุกยืนประจันหน้ากับพี่ชายที่หาเรื่องเธอแต่เช้า
“นี่เรากลับไปคบกับเขาอีกแล้วเหรอ” ปราณีคาดไม่ถึงว่าจะเป็นทัศนัย ผู้ชายที่ทำให้ลูกสาวสุดที่รักต้องเสียน้ำตาในอดีต
“แค่ลองให้โอกาสเขาแก้ตัวค่ะแม่ ยังไม่ได้ตกลงคบ”
มุกดาตอบตามความเป็นจริง เธอแค่ให้โอกาสทัศนัยแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด ดูพฤติกรรมของเขาไปเรื่อย ๆ ก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะคบหรือไม่คบ
“พี่เมฆก็ตีโพยตีพายไปได้ น้องพูดสักคำแล้วเหรอว่าจะกลับไปคบกับเขาน่ะ” มุกดาช้อนสายตาโกรธจัดมองเมฆา คนเป็นพี่ไหวไหล่นิด ๆ แบบไม่แคร์ แต่ในใจแอบรู้สึกดีที่รู้ว่าน้องสาวยังไม่ตกลงปลงใจซะทีเดียว แสดงว่าเขายังมีโอกาสแยกสองคนนี้ออกจากกัน เขาไม่ยอมให้น้องสาวกลับไปคบกับทัศนัยแน่ หมอนั่นทั้งเจ้าชู้และเห็นแก่ตัวขั้นเทพ ไม่รู้ว่าตอนนั้นน้องโดนเสน่ห์ยาแฝดตัวไหนเข้าไป ถึงได้รักได้หลงจนยอมคบหามันเป็นแฟน
สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด น้ำตาเช็ดหัวเข่ากลับบ้านมานอนร้องไห้ให้แม่ปลอบ
“เอาล่ะ ๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว กินข้าวดีกว่าเดี๋ยวจะเย็นแล้วไม่อร่อย” ปราณียกมือห้ามศึกระหว่างพี่น้อง
“ขอไข่ดาวด้วยครับแม่” เมฆาบอกแม่ที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ในครัว ไม่วายใช้หางตามองน้องสาวที่วันนี้แต่งตัวสวยหวานเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยในเทพนิยาย
“ไปไหนกันล่ะวันนี้”
น้ำเสียงของเขาอ่อนลงกว่าตอนแรก
“ไปดูหนังค่ะ”
ถามมาตอบไปไม่มีอะไรต้องปิดบัง การกลับมาเจอทัศนัยในรอบสามปีอาจเป็นเรื่องบังเอิญที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะรู้มาว่าครอบครัวของเขาย้ายไปเปิดธุรกิจร้านอาหารที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวเขาเองก็ย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่ช่วยงานที่นู่น เพิ่งจะได้กลับมาเมืองไทยเมื่อไม่นานมานี้
“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ อย่าให้มันจับมือถือแขนเด็ดขาด!”
คนหวงน้องบอกเสียงเข้ม มุกดาไม่โกรธหรือเบื่อหน่ายกับความเข้มงวดของพี่ชาย เธอรู้ว่าเมฆารักเธอมาก ที่พูดที่บอกก็เพราะว่าเขาเป็นห่วงเธอ
“จ้า น้องจะดูแลตัวเองดี ๆ จะไม่ให้มือของผู้ชายคนไหนมาแตะเนื้อต้องตัวแม้แต่ปลายนิ้วก้อย โอเคไหมคะพี่ชาย”
หญิงสาวทำหน้าทะเล้น ปราณีเห็นแล้วได้แต่อมยิ้ม
“ให้มันจริงเถอะ”
“จริงไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องรีบไปแล้วค่ะ” มุกดาดูเวลาบนหน้าปัดนาฬกาเรือนหรูที่สวมใส่บนข้อมือข้างซ้าย
“ขับรถไปหรือลูก”
“เปล่าจ้ะแม่ เดี๋ยวพี่ทัศมารับที่หน้าหมู่บ้านค่ะ”
“เหอะ” น้ำเสียงขึ้นจมูกจะเป็นของใครไปไม่ได้เลยนอกจากเมฆา “ทำไมไม่บอกให้มันขับรถมารับเราที่หน้าบ้านล่ะ”
จะว่าไปเขาก็อยากเห็นหน้ามันอีกสักครั้ง ตอนนั้นเห็นไม่ชัด รู้แต่ว่ามันหน้าตาดีและร่ำรวย เลยไม่แปลกใจที่มันเจ้าชู้ ผู้ชายหล่อรวยใคร ๆ ก็อยากได้
“หนูไปก่อนนะคะแม่” มุกดายกมือไหว้มารดา สบตากับเมฆาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนรีบเดินออกจากบ้านไป ไม่อยากให้
ทัศนัยรอนาน เธอเป็นคนรักษาคำพูดและตรงต่อเวลาเสมอ
“เอาน่าลูก น้องมันโตแล้ว ดูแลตัวเองได้” ปราณีแตะไหล่บุตรชายเบา ๆ เมฆาสบตากับแม่แล้วได้แต่ยิ้ม