ฐานะเราช่างต่างกัน

1365 Words
รถคันหรูจอดลงตรงทางขึ้นของบ้านหลังใหญ่ ความงดงามในสายตาที่เห็นทำให้ฉันถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอดัง อึ่ก! บ้านขนาดกว้างสองชั้นสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ช่างใหญ่โตหรูหรา หากจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็คงไม่ผิดนัก เหลือบมองไปทางด้านข้างเป็นโรงจอดรถขนาดกว้างกินพื้นที่ทอดยาวเรียงหายไปด้านใน นับจำนวนรถทั้งหมดด้วยสายตาคงมีประมาณยี่สิบคัน ไหนจะคนงานในสวนตรงกลางนี่ก็มีเกือบสิบคนไปแล้ว ไหนจะพี่ๆ ที่เป็นแม่บ้านล่ะคะ ‘ฉันกับพี่นีมเจ้าของร่าง ชีวิตช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวลึกจริงๆ’ “เดี๋ยวแม่พานีมไปส่งที่ห้องนะลูก อ่อ ส่วนโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าน่ะ มันพังอยู่ในร้านเสริมสวยนั่นแล้ว แต่ช่างมันเถอะ พี่นามเขาจัดการให้ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรเดิม ตัวเครื่องก็เหมือนเดิมหายห่วงจ่ะ” ^^ กัลยาเดินจับมือลูกสาวขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน อาการของนีรญายังคงมึนงง ไม่มั่นใจเหมือนครั้งแรกที่อีกฝ่ายฟื้นคืนสติในโรงพยาบาล ทุกอย่างคงต้องรอเวลาอย่างที่คุณหมอบอกเอาไว้ ซึ่งกัลยารู้ว่ามันคงไม่ใช่วันนี้ “พี่หอม พี่ให้คนมาทำความสะอาดห้องนีมแล้วใช่ไหม” ถามแม่บ้านเก่าแก่ที่เป็นเพื่อนกันมานาน ป้าหอมผู้ตรวจตราความสะอาดบนห้องชั้นสอง ซ้ำยังเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของกัลยาคนที่ได้สามีแสนดี พยักหน้าตอบรับ “เรียบร้อยแล้วกัล กัลพาน้องนีมเข้าไปพักได้เลย” สายตาคนอายุมากกว่ามองตามสองแม่ลูกจนประตูปิดลง ความแปลกใจในตอนนี้คือสีหน้าท่าทางของลูกสาวคนเล็กของบ้าน ที่แต่ก่อนนั้นสนิทสนมกับเธอที่เป็นแม่บ้านบวกกับแม่นมในวัยเด็กจึงมักจะเข้ามาพูดคุยด้วยเสมอต่างกับคนงานในบ้านคนอื่นที่นีรญามักจะทำท่าหยิ่งใส่...แต่วันนี้ แววตาอันคุ้นเคยนั้นเป็นไป น้องนีมทำท่าทางเหมือนไม่รู้จักเธอ &&&& ห้องนอนสีฟ้าอ่อนกว้างขวางจนฉันถึงกับตาโตอีกครั้ง ความเงียบเพราะมัวแต่ชื่นชมสถานที่คงไม่ได้ทำให้คุณแม่กัลยาประหลาดใจเท่าไหร่ คงเป็นเพราะท่านอาจจะคิดว่าฉันยังคงมึน…ใช่แล้ว ฉันมึนกับความร่ำรวยของบ้านนี้ “แม่คะ หนูนอนกับใครรึเปล่าคะ” หากจะให้พูดตามความจริงคือห้องนี้กว้างกว่าบ้านน้อยในสลัมของฉันถึงสองเท่าที่พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอโต๊ะตัวเล็กกับเก้าอี้ มีม่านกั้นสองฝั่งแบ่งเป็นห้องนอนของฉันกับพี่ชาย เดินทะลุไปด้านหลังเป็นครัวเล็กๆ กับห้องน้ำห้องเดียว ดีเท่าไหร่ที่บ้านของฉันยังมีประตูด้านหลังให้พอวิ่งหนีเจ้าหนี้ เรื่องราวน่าสงสารของตัวเองเทียบกับตอนนี้ไม่ได้เลย...แล้วห้องนอนใหญ่โตขนาดนี้ฉันจะนอนหลับสนิทได้จริงเหรอคะ “อะไรนะลูก” คนเป็นแม่ที่เดินไปดูตู้เสื้อผ้าหันกลับมามองลูกสาว เป็นอีกครั้งที่เธอเริ่มกังวลว่าลูกของเธอสติอาจจะเลอะเลือนไป สายตาคนเป็นแม่มองลูกเดินวนอยู่ภายในห้องและดูคล้ายไม่กล้าหยิบจับอะไรทั้งๆ ที่ในห้องนี้ของทุกชิ้นมันเป็นของนีรญาเอง “นีม” เดินไปหาลูกสาวพร้อมกับจับมือบางของลูกทั้งสองข้าง “นีมฟังแม่นะ ห้องนี้เป็นห้องนอนของลูกคนเดียว ของทุกชิ้นในนี้ก็เป็นของของลูกทั้งหมด ลูกจะทำอะไรกับมันก็ได้เหมือนที่ลูกเคยทำเคยใช้มัน มันเป็นของลูก ไม่ใช่ของใครคนอื่น ไหนว่าจะไม่ทำให้แม่กังวลไง” ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาจนถึงหน้าอก คำปลอบนั้นมันดีกับเจ้าของร่างแต่มันไม่ดีกับฉันเลย “ค่ะ แม่” และเพื่อตอบแทนทุกคนนับจากนี้ไปฉันจะพยายามทำให้คนรอบข้างที่ดีกับฉันสบายใจคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด จนกว่าฉันจะได้พบกับวิญญาณของเจ้าของร่างตัวจริงอย่างพี่นีม…เอ๊ะ ฉันมัวพะวงแต่เรื่องการสลับร่างและการใช้ชีวิตของตัวเองจนลืมถามเรื่องนี้ไปเลยค่ะ “แม่คะ ตอนที่หนูประสบอุบัติเหตุ มีคนเจ็บที่เป็นผู้หญิงอยู่ใกล้หนูไหมคะ” นี่คือเรื่องสำคัญที่ฉันลืมถามไป ‘บ้าจริง!’ กัลยาไม่เสียเวลาคิดนานเพราะเธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ร่วมด้วย เธอจึงส่ายหน้า “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ลูกลองไปถามเฮียหยางหรือไม่ก็เฮียหย่งดูสิจ๊ะ พี่เขาไปถึงที่เกิดเหตุก่อน แล้วโทรมาหาแม่ ส่วนเรื่องคดีความก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ได้ข่าวว่ามีคนตายด้วยนะ ดีแล้วที่คนโชคร้ายคนนั้นไม่ได้เป็นลูก” ฉันนิ่งไปกับคำพูดนั้นของคุณแม่ ในใจอดเต้นกระหน่ำไม่ได้ ‘มีคนตายด้วยเหรอ?’ หากคนคนนั้นเป็นฉัน แล้ววิญญาณพี่นีมเจ้าของร่างนี้ล่ะคะ!! จู่ๆ แข้งขาของฉันก็เริ่มอ่อนแรงขึ้นมา จนต้องรีบไปนั่งในจุดที่ใกล้ที่สุดนั่นก็คือเตียงนอน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรหรือถามอะไรเพราะกลัวว่าคำตอบที่ได้คือคำตอบที่ฉันไม่อยากได้ยิน นั่นก็คือ ‘ผู้หญิงที่วิ่งหนีกลุ่มทวงหนี้นั้นตายไปแล้ว’ และฉันหวังว่ามันคงไม่เป็นอย่างนั้น เห็นคุณแม่เดินตรวจดูอะไรๆ ภายในห้องสักพัก ก่อนที่ท่านจะเดินออกไปพร้อมกับปิดประตู ฉันเองจึงถือโอกาสนี้สำรวจความร่ำรวยภายในห้อง ตรงผนังเหนือประตูขึ้นไปมีภาพเจ้าของร่างตัวจริงในชุดราตรีสีแดงเพลิงขับผิวขาวสะอาดเข้ากันกับการแต่งหน้าจนไร้ที่ติปรากฏอยู่ในสายตาฉัน ความรู้สึกผิดและหวาดกลัวว่าร่างตัวเองเละเทะจนต้องตายและพี่นีมจะไม่มีร่างให้อยู่ทำให้ฉันถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมา “ไม่ๆๆ คนที่ตายต้องเป็นคนอื่นสิ หรือถ้าร่างของฉันมันพังไปแล้วล่ะ ต้องไม่เป็นอย่างนั้นนะ” ฉันเฝ้าปลอบตัวเองอย่างนั้นซ้ำๆ จนเผลอหลับไป ภาพฝันในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งนั้น…เพราะครั้งนี้มีแค่เธอ ที่ยืนอยู่ในหมอกควันเพียงคนเดียว เธอที่ชื่อ นีรญา สุดขนาน หรือนุ่ม &&&& เช้าวันต่อมา อาการเมื่อยขบเนื่องจากการนอนผิดท่า บวกกับการนอนหลับอันยาวนานของฉันทำให้หัวสมองได้เริ่มคิดใคร่ครวญถึงสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่จริงอย่างมีสติ นั่นก็คือฉันในตอนนี้ชื่อนีรญา จิระโภคินัยชื่อเล่นว่านีม เป็นลูกสาวของคุณพ่อสิงหาและคุณแม่กัลยา ฉันมีพี่ชายชื่อนากรหรือพี่นามเป็นพ่อม่ายเรือพ่วงวัยยี่สิบแปดปี แถมมีหลานสาวหนึ่งคนชื่อว่าน้องเนย อายุห้าขวบ เท่านี้ที่ฉันรู้ ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิตในร่างคนอื่นไปพร้อมๆ กับตามหาร่างของตัวเองที่อาจจะมีพี่นีมตัวจริงอยู่ในนั้น “เอาล่ะ อย่าเพิ่งทำตัวจิตตกให้คนอื่นคิดว่าเราประสาท เพราะงั้นก็ ฮึ่บ!” ลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินสำรวจห้องอย่างจริงจัง เวลาตรงผนังบ่งบอกได้ว่าตอนนี้คือเจ็ดโมงเช้า อันดับแรกคือฉันต้องอาบน้ำอาบท่าแล้วลงไปข้างล่าง...หากไปไม่ถูก ก็แค่หลงอยู่ในบ้าน ‘ถามว่า ถ้าหากกลับเข้าร่างเดิมไม่ได้จริงๆ จะทำยังไงต่อ...ก็ทำยังไงล่ะ แค่อยู่ในร่างนี้ให้มันดีเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการสลับร่างของฉันนั้นจะบอกใครรึเปล่า มันก็ต้องดูก่อนว่าคนที่ฉันควรบอก เขามีแนวโน้มที่จะเชื่อฉันได้มากแค่ไหน คงต้องดูสถานการณ์กันไปสักระยะค่ะ’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD