เช้าวันต่อมา แสงแดดลอดผ่านช่องไม้เข้ามาในห้อง เมธาวีสะดุ้งตื่นด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงจากฝันเมื่อคืน
เธอจำได้เพียงว่า มีเสียงเด็กผู้หญิงเรียกชื่อเธอซ้ำ ๆ ทั้งที่เธอไม่เคยบอกชื่อให้ใครในละแวกนี้รู้เลย
“ลูก ตื่นหรือยัง ลงมากินข้าวสิ” แม่ตะโกนเรียกจากชั้นล่าง
เมธาวีพยักหน้าทั้งที่แม่มองไม่เห็น “ค่ะ แป๊บนึงค่ะ”
เมื่อเธอเดินลงบันได สายตาเหลือบไปเห็นพื้นไม้ตรงนั้น…
รอยเท้าเปียกเมื่อคืน “หายไปแล้ว” เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
แต่ตรงผนังใกล้บันไดกลับมี “รอยนิ้วมือเล็ก ๆ” ลากยาวเป็นทาง เหมือนใครบางคนเปื้อนน้ำแล้วสัมผัสไว้
“แม่คะ…” เธอชี้ไปที่รอย
แม่หันมามองแล้วหัวเราะเบา ๆ “อาจจะเป็นคราบน้ำเก่ามั้งลูก บ้านนี้ชื้นน่ะ”
“แต่เมื่อคืนหนูได้ยินเสียง—”
“อย่าคิดมากเลยลูก ย้ายบ้านใหม่เดี๋ยวก็ชินเอง”
แม้แม่จะพูดอย่างนั้น แต่เมธาวีกลับรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
คืนนั้น ฝนตกหนัก ลมพัดกระแทกหน้าต่างเสียงดัง ปัง ปัง ปัง
เธอนั่งอ่านหนังสือในห้อง พยายามไม่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
แต่แล้ว เสียง แกร็ก… จากประตูห้องก็ดังขึ้นช้า ๆ
ประตูที่เธอแน่ใจว่าปิดสนิท…ค่อย ๆ แง้มออกเองอย่างช้า ๆ
“แม่เหรอคะ?” เมธาวีเรียก พลางหันไปมองทางประตู
ไม่มีคำตอบ มีเพียงเงาร่างเล็ก ๆ ทอดยาวเข้ามาในห้อง
เงานั้นมี “เปียสองข้าง” และหยุดนิ่งอยู่ตรงปลายเตียง
เมธาวีตัวแข็งทื่อ มือกำไฟฉายแน่น ก่อนจะส่องไปที่เงานั้น —
ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
มีเพียงตุ๊กตาผ้าขาด ๆ ตัวหนึ่งวางอยู่แทน
เธอจำได้…ตุ๊กตานี่อยู่ในห้องใต้บันไดเมื่อวาน
แต่ใครเป็นคนเอามาวางไว้ตรงนี้?
เสียงสายฝนยังคงตกหนัก เมธาวีค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะตุ๊กตา
ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัส — เสียงเด็กผู้หญิงกระซิบชิดหู
“อย่าทิ้งฉันไว้อีกนะ…”
ไฟในห้องกระพริบวูบ ก่อนดับวูบลงอย่างกะทันหัน
เมธาวีร้องลั่น รีบวิ่งออกจากห้อง
แต่เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้ง…ที่ปลายทางเดิน เธอเห็นเด็กหญิงในชุดขาวยืนอยู่จริง ๆ
ผมเปียเปียกชื้น ใบหน้าซีดเผือด และดวงตาเศร้าที่มองตรงมาทางเธออย่างเว้าวอน
“พี่…อยู่เหรอ…”
เสียงนั้นดังอีกครั้ง ท่ามกลางความมืดสนิท…