เหมือนกันกับเธอที่ยิ้มกว้าง “อื้ม!!”
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มพัฒนาขึ้นไปเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก…สนิทจนจีนเอ่ยความลับสุดแสนสำคัญว่าตัวเองเป็น ‘กะเทย’
๑---------------------------------๑
สี่ปีต่อมา
ปิ่นมองตัวเองในกระจกสะท้อนภาพผู้หญิงผมบ็อบสั้นแค่ปลายคางตอกย้ำชัดเจนว่าเธออกหักมานานถึงสี่ปีแล้วและเธอก็ไม่คิดจะปล่อยให้มันยาวอีกต่อไป ไม่เหมือนจีนที่ตอนนี้ผมยาวสลวยงดงามและเขาคงจะไม่มีวันรู้เรื่องทั้งหมดที่อยู่ในใจของปิ่นคนนี้ เรื่องราวในวันวานไม่เคยหวนกลับนั่นคือเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้ว ‘แต่ใจคนเรานี่ก็แปลกเรื่องที่อยากลืมกลับจำ’
ก่อกๆๆ เสียงเคาะประตูห้องที่ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใครเรียกสติให้เธอต้องรีบทาลิปกลอสสีชมพูอ่อนแล้วลุกขึ้นยืนสำรวจชุดนักศึกษาของตัวเอง วันนี้เป็นวันฝึกงานวันแรกในร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงราย เธอกับจีนฝึกงานกันคนละที่แต่ว่าร้านไม่ได้ห่างกันมากนักและเธอก็คิดว่าดีแล้ว ‘ห่างกันบ้าง’ จะได้ตัดใจได้…เฮ้อออ เธอแค่ถอนใจแล้วเดินไปเปิดประตูห้อง “มาไวจังวะ”
“ก็ฉันตื่นเต้นนี่ยะ” จีนตอบด้วยท่าทางกรีดกรายจัดเต็ม
ปิ่นมองเพื่อนสนิทในชุดกระโปรง ผมยาวสลวยคลอเคลียหน้าอกอวบ ‘ใช่!!’ ทุกคนฟังไม่ผิด หน้าอกอวบของจีนใหญ่พอๆกันกับของเธอ คิ้วเข้มถูกกันสวยเป็นแนว ปากบางทาลิปมันออกแดงไม่น่าเกลียด ทุกอย่างของคนตรงหน้าดูดีไม่ต่างจากวันแรกที่เจอกัน…ถ้าไม่ติดตรงที่ ‘หัวใจปิ่นมันอ่อนแอลงเรื่อยๆ’ สองปีก่อนหน้านี้ปิ่นจำได้ว่าเธอแอบน้ำตาไหลอยู่หน้าห้องผ่าตัดเสริมหน้าอก ไหลจนล้นไปหมดก่อนจะกลับมาทำหน้าเสแสร้งว่าดีใจไปกับเพื่อนสนิททั้งๆที่ความจริงมันไม่ใช่เลย “ถ้าตื่นเต้น ตอนแรกแกไม่เลือกไปฝึกงานที่ร้านของม๊าหงษ์ล่ะฉันจะได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย” ปิดประตูห้องแล้วพากันเดินลงบันไดจากชั้นสามเพื่อไปยังชั้นหนึ่ง
“ไม่ล่ะ ม๊าชอบบ่น ไว้เรียนจบถ้าเบื่องานประจำฉันก็กลับไปซ้อมขัดทองเก่า” ยักไหล่ไม่สนใจเพราะยังไงๆก็มีงานที่บ้านคอยรองรับ
ฟังไม่ผิดอีกหรอกว่า ‘ขัดทอง’ บ้านจีนเป็นเจ้าของกิจการร้านทองอยู่ห้าสาขาทั่วจังหวัดเชียงราย…ไม่แปลกที่จีนจะดูรวยและดูแพงมาก จีนเป็นลูกคนที่สามของบ้าน ป๊าและม๊ารักเขามาก จีนอยากได้อะไรก็หามาให้ทั้งหมดจนหนึ่งปีให้หลังจีนเข้าไปสารภาพกับพวกท่านว่าจีนอยากจะเป็นผู้หญิง พวกท่านขอเวลาทำใจอยู่หนึ่งเดือนแล้วก็ค่อยๆยอมรับมันไปทีละนิดๆ จนวันนั้นปิ่นจำได้ ในตอนที่ไปส่งจีนกลับบ้านในสภาพเสริมหน้าอกเรียบร้อย ป่ะป๊าของจีนถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลย เรื่องใหญ่แบบนี้กว่าทั้งครอบครัวจะปรับจูนเข้าหากันได้ก็เกือบจะครึ่งปี ในช่วงปิดเทอมครั้งนั้นจีนต้องย้ายมาพักที่บ้านสวนของปิ่นและกลายเป็นลูกสาวอีกคนของบ้าน นอนห้องเดียวกัน ตัวติดกันไปไหนมาไหนด้วยกัน…แม้จีนจะเสริมหน้าอกแต่ปิ่นก็ไม่เคยลืมเลยว่า ‘รักจีน’
๑--------------------------------๑
ร้านเฟอร์นิเจอร์นิวเดลี่
“สวัสดีค่ะหนูมาฝึกงานตามที่เคยยื่นเรื่องไว้น่ะค่ะ”
“ที่มายื่นเรื่องเมื่อสองเดือนก่อนใช่มั้ยคะ” พี่ฝ่ายบุคคลก้มมองเอกสารฝึกงาน ตรงตามที่น้องผมบ็อบน่ารักมายื่นเรื่องไว้ ก่อนที่เธอจะกดสปีกโฟนหาเจ้าของร้านแล้วหันมาบอกว่า “ตอนนี้เลขาของผู้จัดการลาคลอดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วน่ะค่ะ ทางคุณเอนกเจ้าของร้านจึงอยากจะให้น้องพิมรดาไปเป็นเลขาของผู้จัดการก่อนได้รึเปล่าคะ แน่นอนว่าทางเราจะเซ็นต์เอกสารให้ผ่านการฝึกงานแน่นอนค่ะ”
“แต่ปิ่นไม่ได้เรียนมาทางนั้นนะคะ คือเกรงว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวคุณจอมจะสอนน้องเอง” เธอหมายถึงผู้จัดการคนนั้นที่เป็นลูกชายของคุณเอนก
“ก็ได้ค่ะ” ปิ่นตอบรับอย่างว่าง่ายเพราะได้ลายเซ็นต์ผ่านงานเหมือนกันจึงไม่อยากค้านให้เป็นเรื่อง
ห้านาทีต่อมาพี่พนักงานที่มารู้ทีหลังว่าชื่อพี่เทียนเดินนำไปยังห้องของผู้จัดการแล้วบอกว่า “ปิ่นรออีกครึ่งชั่วโมงนะ คุณจอมแกจะเข้างานตอนเก้าโมง”
“ได้ค่ะ” ปิ่นเดินไปนั่งตรงข้ามกับเจ้าของโต๊ะที่มีป้ายชื่อติดไว้ ‘จอมพล วิฤทธิ์ชัย’ หรือที่พี่เทียนเรียกว่าคุณจอมคนนั้น ไม่รู้ว่าจะหนุ่ม จะแก่หรือจะอะไร แต่ในเมื่อเธอมาฝึกงานแล้วก็ต้องทำ ห้องแอร์เย็นสบายพาให้สมองน้อยๆนึกไปถึงจีนที่ตอนนี้คงทำอะไรสักอย่างไม่รู้ว่าตรงสาขารึเปล่าในบริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า คนตาโตเริ่มหน้าเศร้าจนป่านนี้จะทำยังไงกับตัวเองดีทั้งๆที่จีนแปลงโฉมไปเป็นสาวแล้วเธอก็ยังตัดอีกฝ่ายไม่ได้ สี่ปีผ่านพ้นคงมีแค่จีนที่พัฒนา ส่วนตัวเองยัง ‘ย่ำอยู่ที่เดิม' “ฉันจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีนะจีน”
“ว่าอะไรนะครับ”
เสียงพูดกับเสียงเดินดังมาพร้อมกันทำให้ปิ่นต้องหันไปมอง…ผู้ชายตัวสูงหล่อเหลาใส่เสื้อคอปกสีน้ำเงินกับกางเกงแสล็กสีดำ ‘ดูดี’ มากอย่างไม่อาจจะละสายตาได้
“น้องครับ” ยิ้ม
“อ่ะ…คะ?” ออกจากภวังค์ “ขอโทษค่ะ” ผงกหัวอายๆ “พี่เทียนให้ปิ่นมาช่วยคุณจอมพลช่วงที่เลขาลาคลอดน่ะค่ะ”
“ครับ พี่รู้แล้ว” เจ้าของห้องเดินมานั่งตรงข้ามสาวน้อยน่ารักจิ้มลิ้ม อวบอิ่มไปทั้งตัวอย่างสนใจ “เรียกพี่จอมก็ได้ครับน้องปิ่น”
“ค่ะ” ก้มหน้าหลบสายตาที่ดูเหมือนจะวิบวับคู่นั้น ถึงปิ่นจะไม่เคยมีแฟนแต่ท่าทางแบบนี้เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะเจ้าชู้ไม่เบา ‘เรื่องนั้นช่างมันก่อนเพราะเธอแค่มาฝึกงาน’
ท่าทางน่ารักของสาวน้อยวัยขบเผาะตรงหน้าทำให้จอมพลถูกใจมาก “มาครับเดี๋ยวพี่สอนงานดีกว่าเราจะได้เป็นเร็วๆ อยู่แค่ช่วงฝึกงานหรือจะบรรจุดีครับ” ☺️ ยิ้มหวานละลายใจหลอกล่อสาวน้อย
คนถูกเต๊าะซึ่งๆหน้าถึงกับไปไม่เป็น เทียบกับในมหาวิทยาลัยเธอยังไม่เคยเจอใครแบบนี้ด้วยซ้ำเพราะว่าอยู่กับจีนตลอดเวลา เพื่อนสนิทคนนั้นขับรถรับส่งเธอมาตลอดสี่ปี่ไม่เว้นแม้แต่ตอนนี้ด้วยซ้ำ “เอ่อ”
“555 ไม่เขินสิครับพี่แซวเล่นแต่ถ้าจริงก็ดี” ขยิบตาหนึ่งข้าง
จะเรียกชีกอได้มั้ยก็ไม่รู้…วันนั้นทั้งวันเธอง่วนอยู่กับการเรียนเอกสารต่อจากพี่เลขาที่ลาคลอดสามเดือน โดยมีพี่จอมพูดแซวให้เธอเขินได้ตลอดเวลาจนถึงห้าโมงเย็นอีกฝ่ายก็เดินมาส่งเธอตรงหน้าร้านเพื่อรอจีนมารับ วันนั้นผ่านไปด้วยดี จีนรู้จักกับพี่จอมและรับรู้ทุกเรื่องที่ปิ่นเล่าให้ฟัง แม้ใจอยากจะค้านเพราะเห็นท่าทางกะลิ้มกะเลี่ยของผู้จัดการแล้วไม่ชอบใจแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ‘มันก็แค่ฝึกงาน’
จนมาวันหนึ่งหลังจากที่ฝึกงานจนจบปิ่นตัดสินใจคบกับพี่จอมและบรรจุเข้าทำงานในร้านขายเฟอร์นิเจอร์จริงๆเมื่อเธอเรียนจบ ในตำแหน่งพนักงานการตลาดไม่ใช่เลขาผู้จัดการของพี่จอมที่ตอนนี้เลขาตัวจริงกลับมาจากการลาคลอดแล้ว