หลุมรัก?
ความเดิมสมัยยังเป็นเด็ก
“ไปหาไอ้เด็ก ม.ต้นมาซ้อมมือซักคนสิวะกูคันไม้คันมืออารมณ์เสีย น้องดาวไม่มองกูเลย” นักเรียนนักเลง ม.ห้าสั่งลูกน้อง ม.สามสองคน ในโรงเรียนเอกชนชื่อดังในตัวจังหวัด ‘ฟิล์ม’ หัวโจกรุ่นพี่ผู้เป็นลูกชายของนายธนาคารใหญ่ ขี้อวด ขี้เบ่ง ชอบเก่งแต่กับรุ่นน้อง ห้องปกครองคือที่ๆไปเป็นประจำจนชินชา ฟิล์มคิดเสมอว่า ‘แล้วยังไง’ ในเมื่อพ่อตัวเองเป็นเพื่อนกับ ผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งนี้
แล้วเด็กที่ถึงคราวซวยคนนั้นก็คือ ‘จีน’ นักเรียนตัวผอมตาตี่ ม.สองถูกรุ่นพี่สี่คนยืนล้อมรอบ ความกลัวเกาะกุมเด็กชายจนน้ำตาไหลลงมาเป็นทางจนเสื้อเปียกชุ่ม เด็กชายไม่ได้ร้องไห้อ้อนวอนแต่เขาร้องเพราะถูกต่อยหลายครั้ง
“สู้กูสิวะไอ้อ่อน!!” ผัวะ!! ชกเข้าที่ท้องเด็กชายจนล้ม “ถ้ามึงเป็นผู้หญิงสวยๆมึงคงไม่ซวยโดนพวกกูลากมายำตีนหรอก” ฟิล์มหันหน้าไปทางลูกน้อง ม.สาม “พรุ่งนี้ถ้ามันมาเรียน ตอนเย็นมึงไปลากมันมาอีกไอ้โก้” ถุย!! ถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วเดินออกไปจากหลังโรงยิม
ปล่อยทิ้งเด็กชายนอนตัวงอร้องไห้ ก่อนจะพาตัวเองกลับเข้าห้องเรียนด้วยเนื้อตัวมอมแมม เย็นวันนั้นเฮียจือ พี่ชายคนรองที่เรียนอยู่ ม.สี่เห็นน้องของตัวเองมีรอยฟกช้ำตรงท้องและแก้มเป็นรอยแดงจึงสอบถามแต่คำตอบที่ได้รับคือ ‘มีเรืี่องชกต่อยกันธรรมดา’ แม้พี่ชายจะสงสัยแต่ในเมื่อน้องชายไม่ขอให้ช่วยเขาจึงไม่ได้เข้าไปยุ่ง แต่แล้ววันต่อมาในตอนเย็นจีนกลับร้องไห้วิ่งไปหาเฮียเจ็งพี่คนโตที่เรียนอยู่ ม.หกตรงสนามบาสนั่นทำให้พี่ชายทั้งสองรู้ว่าน้องเล็กถูกทำร้ายอย่างหนัก
“ฮือๆ…เฮียเจ็ง จีนจะย้ายโรงเรียน ฮือๆๆๆ” จีนร้องไห้เสียงดังอย่างทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว
ตรงหน้าพี่ใหญ่คือหน้าตาน้องชายฟกช้ำไปหมด ร่างกายมีแต่ร่องรอยตอกย้ำให้รู้ว่าน้องถูกทำร้าย…และถูกรุม คำเดียวที่เฮียเจ็งถามคือ “ใครทำ”
“พี่ฟิล์ม ม.ห้า” ฮึ่กๆ ฮือๆๆๆ
แล้ววันต่อมา ข่าวดังในตอนเช้าได้แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน ‘กลุ่มพี่ ม.หกรุมกระทืบไอ้ฟิล์มกับลูกกระจ๊อกอีกสามคนสลบคาเท้าข้อหาทำร้ายร่างกายน้องชายสุดที่รัก กลุ่มรุ่นพี่ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรออาจารย์มาเรียกตัวเข้าห้องปกครอง’
หลังจากวันนั้น…จีนก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อขึ้น ม.สาม
ปล.เนื้อเรื่องตอนต้นเป็นแบบวัยรุ่นหน่อยนะคะ
ฤดูร้อนกับเหล่านักเรียน ม.ปลายวัยสิบแปด สิบเก้าปีและความชุลมุนในมหาวิทยาลัยกับวันแรกของการเข้ามอบตัวของเหล่านักศึกษาใหม่ปีหนึ่ง เสียงรุ่นพี่หน้าคณะบริหารธุรกิจร้องเรียกรุ่นน้องผ่านทางไมโครโฟน “ยินดีต้อนรับน้องใหม่ทุกคนนะคะ ใครเข้าไปมอบตัวเรียบร้อยแล้วให้ออกมาทักทายรุ่นพี่ด้านหน้าได้เลยนะคะ” เสียงกลอง เสียงเพลงดังสนั่นหวั่นไหวเด็กหน้าใหม่ใจไม่กล้าได้แต่เดินตัวลีบหนีหายเข้าตึกกันหมด
‘ปิ่น’ สาวน้อยตัวอวบกระทัดรัดกับผมยาวมัดเป็นหางม้า ยิ้มหวานเมื่อเดินออกมาจากตึก วันนี้เธอมามอบตัวที่ตึกบริหารในสาขาการตลาด เมื่อเรียนจบไปแล้วหมายมั่นปั้นมือว่าจะผลิตสินค้าโอทอปในครัวเรือนส่งไปขายยังต่างประเทศ ทุกวันนี้บ้านของเธออยู่ห่างจากที่นี่เกือบยี่สิบกิโลเมตรเป็นสวนผลไม้มากกว่าสิบไร่ พ่อกับแม่ช่วยกันปลูกพืชหมุนเวียนไว้กินไว้ขายตลอดปีแน่นอนว่าลูกสาวอย่างเธอก็ต้องเจริญรอยตามอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะรุ่นพี่” ปิ่นยกมือไว้นักศึกษารุ่นพี่นับสิบที่ยืนร้องยืนเต้นอยู่ด้านหน้าอย่างกล้าหาญ
“ว๊าววว!! สาวน้อยน่ารักมาแล้ว” พูดออกไมโครโฟนจนใครหลายคนหันมามองด้วยความสนใจสาวน้อยในชุดนักเรียน ม.ปลายผู้ใจกล้า “น้องชื่ออะไรและอยู่สาขาไหนเอ่ย สนใจเป็นน้องรหัสพี่มั้ยคะ”
เจ้าตัวยิ้มหวาน “ชื่อปิ่นค่ะพี่สาว หนูอยู่สาขาการตลาดอ่ะค่ะ”
“หวายๆๆๆ สาขาพี่เองจ้า” หันซ้ายหันขวามือถือไมค์ปากก็พูดเสียงดัง “ประธานรุ่น...คนนี้อิเพียวจองได้ยินรึเปล่า” ทำการล็อคคอน้องปิ่นเอาไว้ ตามองประธานรุ่นที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนไม่ไกลยกมือขึ้นทำท่ากากบาท “โว๊ะ” แม้จะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้แต่ก็ทำ “เอาล่ะค่ะไม่ต้องสนใจไอ้ประธาน เกมของเราวันนี้ก็คือให้น้องปิ่นเดินไปหาน้องใหม่คณะบริหารสักคนที่มีลักษณะ ตาตี่ ขับรถสีขาวมาเองใช้ไอโฟนสิบสาม ถ้าน้องหาเจอพี่ให้สิทธิ์น้องเลือกพี่รหัสเองไม่ต้องรันรหัส” ยิ้มแฉ่ง “สนใจป่ะ” ยักคิ้ว
“ไม่ได้โว๊ย!!!” เสียงตะโกนดังเข้ามาไม่ไกลแน่นอนว่าเป็นเสียงของประธานรุ่น
“มันแค่เกมมึงจะอะไรนักหนาไอ้หมอก แล้วคนที่กูว่ามันก็ไม่หากันได้ง่ายๆ มึงโง่จังวะ!!” เพียวด่าประธานรุ่นออกไมค์ให้รุ่นน้องแถวนั้นแอบอมยิ้มกันเป็นแถบๆ เจ้าของข้อเสนอหันมามองสาวน้อยตัวอวบผู้น่ารัก “เล่นป่ะคะ?”
จีนผู้ชอบทำกิจกรรมผงกหัวอย่างไม่ลังเล ดีเสียอีกเธอจะได้รู้จักคนเยอะๆก่อนเข้าเรียน “เล่นค่ะ จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ใช่มั้ยคะ?”
“จ่ะ...ได้หมด”
“พี่ไม่จับเวลาใช่มั้ย แล้วถ้าเกิดปิ่นหาไม่เจอก็ไม่โดนลงโทษอะไรเนอะ” ยิ้มน่ารัก
หมับ!! พี่เพียวหยิกแก้มนิ่ม “ทำไมน่ารักๆ อยากได้ๆ” เธอคิดแบบนั้นจริงๆ “ไม่ทำโทษหรอกมันก็แค่เกมแต่ให้เฉพาะในคณะ” ที่สำคัญกว่าเกมก็คือเธออยากให้รุ่นน้องทำความรู้จักกันในวันแรก เมื่อเข้ามาเรียนจริงๆจะได้มีเพื่อนและไม่เคอะเขิน ก่อนหน้าที่น้องปิ่นจะมาเธอได้ออกคำสั่งแบบนี้กับนักศึกษาเข้าใหม่ไปแล้วกว่าห้าคนแต่ให้หาคนละลักษณะกัน
“งั้น...ปิ่นเริ่มเลยนะคะ”
“เอาเล้ยย บ่ายสามโมงคือจบเกม” เพียวยิ้มพร้อมโบกมือลา
คนชอบสนุกเริ่มออกเดินหาคนตาตี่ ผิวขาวก่อนเป็นอันดับแรกอย่างไม่รีบร้อน ที่เน้นหนักก็คือมองแค่นักเรียน ม.ปลายเท่านั้นแต่ก็อย่างที่พี่เพียวว่า คนลักษณะแบบนี้จะไปหาเจอง่ายๆได้ยังไง
ครึ่งวันผ่านไปกับการรู้จักคนนับสามสิบ ‘ก็ไม่ได้แย่’ แต่ความหิวทำให้ปิ่นเดินเข้าไปในโรงอาหารของคณะเพราะเธอไม่ใช่คนขี้อายจึงทำอะไรได้อย่างเป็นธรรมชาติ สองตากลมโตมองไปรอบๆ วันนี้เป็นวันลงทะเบียนของปีหนึ่งจึงยังไม่มีนักศึกษารุ่นพี่มาที่มหาวิทยาลัยมากเท่าไหร่แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลังจากต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยวได้แล้วเธอจึงเดินไปหาที่นั่งที่สามารถมองเห็นทางเข้าตึกได้เพื่อมองหา ‘เหยืี่อ’ 555 กินไปสอดส่ายสายตามองไป ถ้าเธอหาได้สำเร็จ ‘อ่า…า เอาพี่ที่ถือไมโครโฟนคนนั้นล่ะ’ สวยเฉี่ยว พูดเก่ง ปากร้าย…ดีจังเนอะ คนตัวเล็กอวบอิ่มยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ตอนนี้บ่ายโมงสิบห้านาที คีบก๋วยเตี๋ยวไปมองไปไม่เร่งรีบบวกกับโทรไปบอกพ่อวสีแล้วว่าเธอกำลังเล่นเกมและให้พ่อขับรถมารับตอนสามโมงสิบห้า…โอ๊ะ!! ผู้ชายกางเกงขาสั้นสีดำ ผมรองทรงมองไม่เห็นหน้าและลงมาจากรถหรูคันสีขาว ‘ใช่แล้วรถสีขาวคือเป้าหมาย’ คนขาสั้นลุกขึ้นวิ่งทันที ผมยาวแกว่งไกวไปมา มุ่งตรงไปยังผู้ชาย ม.ปลายที่คงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ตาตี่ ตาตี่ ตาตี่…คำนี้ท่องไว้ในใจ สาธุ
“นายเดี๋ยวก่อน!!” ปิ่นส่งเสียงเรียกก่อนที่คนรุ่นเดียวกันที่เธอแน่ใจว่าต้องตรงปกแน่ๆ จะเดินห่างออกไป