จีนถอนหายใจ “มานี่สิจะแกะชุดให้” ดึงแขนเพื่อนตัวอวบที่สูงเลยปลายคางนิดหน่อยให้นั่งลงแทนที่ตรงหน้ากระจกแล้วถามคำถามที่ติดใจมานานหลายวัน “ฉันปิดโอกาสแกรึเปล่าปิ่น”
“โอกาสอะไร”
“ก็โอกาสที่แกจะหาผู้ชายดีๆ มาแต่งงานด้วยไง”
ปิ่นจ้องเพื่อนชายใจหญิงผ่านกระจกเงา ถ้ามองผ่านๆ อาจจะเหมือนผู้หญิงตัวสูงแต่ถ้าให้มองตรงๆ สักห้านาทีก็รู้ได้ไม่ยากเพราะจีนมีลูกกระเดือกและคิ้วเข้ม “แล้วแกไม่ใช่ผู้ชายดีๆ?”
“หมายถึงผู้ชายจริงๆ ไม่ใช่แบบฉัน” ชี้ตัวเอง
“ก็แกบอกว่าหากเราเจอคนที่ใช่ก็หย่ากันได้” นั่นคือข้อตกลงที่จีนเป็นคนพูดแม้ใจของปิ่นอยากจะคัดค้านแต่เธอก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“อืม…จริงสินะ” ทำไมคำคำนั้นฟังแล้วไม่เข้าหูเมื่อมันออกมาจากปากของปิ่น มันก็ถูกแล้วที่ปิ่นบอกว่าเขาเป็นคนพูดแต่เมื่อเช้าเขากับปิ่นเพิ่งจดทะเบียนสมรสกัน ‘ปิ่นเป็นของเขาครึ่งหนึ่งในทางกฎหมายนี่คือเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ในความรู้สึกของจีน’
๑--------------------------๑
งานเลี้ยงตอนเย็น 18.00
เป็นงานเลี้ยงที่ทุกคนในงานจะเห็นเจ้าสาวเดินอยู่ด้วยกันสองคน คนหนึ่งตัวสูงคนหนึ่งตัวอวบมีน้ำมีนวล ใบหน้าของทั้งสองคนแต่งเป็นโทนเดียวกัน ชุดแต่งงานก็แบบเดียวกันคือเป็นชุดราตรีแบบเรียบหรูสีขาวแม้ตอนแรกปิ่นตั้งใจจะใส่ชุดเจ้าบ่าวแต่เพราะมันไม่ขนาดที่พอดีกับตัวเธอ เธอจึงต้องใส่ชุดแบบเดียวกับจีนซึ่งมันก็ไม่ผิดอะไร (ก็งานมันแปลกอยู่แล้ว) งานในวันนี้มีนักดนตรีมาร้องเพลงสดๆ พร้อมกับพนักงานของร้านอาหารชื่อดังเดินเสิร์ฟอาหารอยู่ตลอดเวลาไม่มีขาดตกบกพร่อง ของชำร่วยถูกแจกจ่ายเมื่อเจ้าบ่าว? และเจ้าสาวเดินผ่านโต๊ะของแขกทุกคน
“เหนื่อยเป็นบ้า” จีนนั่งลงหน้าบ้านแม่ยายโดยไร้ท่าทางเคอะเขิน เขาถอดรองเท้าแตะ (ฟังไม่ผิด) ออกแล้ววางเท้าลงบนหญ้านุ่มๆ ไม่ไกลกันนักเป็นปิ่นกำลังนั่งทานขนมบัวลอยไข่หวานรองท้อง “กินหน่อยสิยะ”
ช้อนเดียวกันจากถ้วยเดียวกันถูกตักขนมมาจ่อตรงปาก “อ่ะ”
จีนอ้าปากรับแล้วหัวเราะ เขากับปิ่นใช้ของส่วนตัวด้วยกันบ่อยๆ ความรังเกียจไม่เคยมีอยู่แล้วจะแปลกอะไรที่จะใช้ช้อนคันเดียวกัน “กี่โมงง่วงแล้วอ่ะ” คนใส่ชุดเกาะอกสองคนถอนหายใจ
“เอ้าๆๆ ลุกได้แล้ว คู่บ่าวสาวมานั่งตรงนี้ได้ยังไงยังไม่ถึงเวลาเข้าหอ” แม่เป้าพูดแหย่เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“จีนเหนื่อยค่ะแม่ ขึ้นห้องเลยไม่ได้เหรอคะ” จีนถามแม่ยาย
“เดี๋ยวม๊าเราจะบ่นน่ะสิ” แม่เป้ามองนาฬิกาข้อมือ “อีกยี่สิบนาที รอให้ป๊าซิมแจกทองก็ได้ขึ้นไปแล้ว มานั่งโต๊ะหน้านี่มาตอนนี้รอฤกษ์อย่างเดียวสามทุ่มสิบเก้านาทีแป๊บเดียวก็ได้พัก ป่ะ” แม่เป้าดึงทั้งสองบ่าวสาวมานั่งโต๊ะ ทานอาหารแม้จะแอบหนักใจและสงสารลูกสาวแต่เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วจะให้แก้ยังไงได้…ไม่แน่หากปิ่นกับจีนต้องเป็นคู่กันมันก็คงไม่แคล้วกันหรอก
๑--------------------------๑
21.19 น.
ในห้องหอเมื่อถูกส่งตัวแล้ว คนสองคนนอนหงายอยู่บนเตียง จีนนอนหลับไปไร้ความกังวลแตกต่างกับ ‘ปิ่น’ ที่ยังคงครุ่นคิดถึงคำพูดของม๊าหงษ์
“ปิ่นพยายามทำให้จีนกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้นะ เพื่อตัวปิ่นเอง” นั่นคือคำพูดของม๊าที่อยากจะเอาใจช่วยเธอ…ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากทำ เธออยากแต่มันไม่ง่าย หันมองคนข้างกายที่เริ่มเป็นผู้หญิงเข้าไปทุกทีๆ ‘นี่คือการเสี่ยงครั้งสำคัญซึ่งมันจะเหลวหรือจะรุ่งเธอก็ไม่อาจรู้ได้’ ลึกๆ ในใจเฝ้าภาวนาให้จีนกลับมาเป็นผู้ชาย แม้มันจะแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์แต่เธอก็จะเสี่ยง
๑--------------------------๑
วันต่อมา 08.30
ปิ่นออกมาจากห้องหอก่อนจีนที่ยังคงหลับอยู่อย่างนั้นและเธอก็ไม่ได้เรียกอีกฝ่ายแต่อย่างใด กลิ่นหอมของอาหารทำให้เธอต้องเดินเลี้ยวเข้าไปในครัวและเจอกับแม่เป้า “แม่คะให้ปิ่นช่วยอะไรมั้ย” มองไปนอกหน้าต่างทั้งโต๊ะและเวทีหายไปแล้วเหลือไว้เพียงเศษซากของงานแต่ง
“เอาไม้กวาดไปกวาดขยะสิลูก”
“ได้ค่ะ” ปิ่นหยิบที่ตักผงติดมือไปพร้อมกับไม้กวาด
แม่เป้ามองอาการของลูกสาว “เมื่อคืนเข้าหอเป็นยังไงบ้าง”
ปิ่นอยากจะบอกแม่เหลือเกินว่ามันไม่มีทางมีอะไรอย่างที่ม๊าหงษ์และแม่คาดหวังแต่เธอก็ไม่ได้พูด “ปิ่นกับจีนเหนื่อยมากจนหลับเป็นตายเลยค่ะ” เธอเดินออกทางประตูหลังแต่ยังอยู่ไม่ไกลจากห้องครัวนัก แซ่กๆๆ แซ่กๆๆ กวาดขยะไปแอบมองแม่ไป เธอแอบเห็นแม่ดูซึมๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ การแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งงานครั้งที่สองแล้วแม้มันจะไม่เรียกว่าล่มก็เหมือนล่มในเมื่อเจ้าบ่าว…ดูไม่เหมือนเจ้าบ่าว “แม่คะ” ปิ่นเดินมาใกล้หน้าต่างแล้วจับมือแม่ไว้ “ปิ่นจะพยายามให้ถึงที่สุด” พยายามในที่นี้ก็คือเรื่องที่ทำยังไงก็ได้ให้จีนกลับมาเป็นผู้ชายเต็มตัว ที่ทำไปครึ่งหนึ่งเพื่อครอบครัวของทั้งสองฝ่ายและอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหัวใจของเธอเอง…ในเมื่อโอกาสมันมากองอยู่ตรงหน้าเธอก็จะทำมันให้ดีที่สุด ‘ทำให้จีนรักและเสียดาย...ซึ่งมันไม่ง่ายเลยสักนิด’
๑--------------------------๑
ยามเย็น 17.00
“ฉันตัดสินใจแล้วนะปิ่น” จีนพูดขึ้นกลางวงเนื้อย่างเกาหลีของสองครอบครัว แน่นอนว่าต้องมีป๊าซิม ม๊าหงษ์ร่วมวงอยู่ด้วยแต่ยกเว้นพี่ชายและพี่สะใภ้ “ฉันจะสร้างบ้านสองชั้นที่นี่ ป๊าว่าไงคะ” หันถามพ่อตัวเอง