ตอนที่2:ชมแสงจันทรา

3042 Words
๒ “มื้อนี้วันดีเหตุใดท่านจึงหงุดหงิดงุ่นง่านไม่สบอารมณ์เช่นนี้เล่า” ผีบรรพบุรุษหมอช้างหลายชั่วรุ่นอาศัยอยู่ในศาลปะกำหลังใหญ่เอ่ยทักพญาคชสารที่ติดตามเอื้อนจันทร์ออกไปด้านนอกตั้งแต่เช้า ทว่าพอกลับเข้ามาในอาณาเขตกลับแสดงใบหน้าบูดบึ้งแก่ผู้พบเห็น “ก็ลูกหลานเจ้ามันออกไปขอผัวอีกแล้วน่ะสิ จะให้ข้าส่งยิ้มพึงใจรึ ตระเวนวัดใดไม่แคล้วบนบานขอผัวอย่างเดียว...” คชคณกระแทกเสียง “หากท่านปล่อยวางยอมให้นางได้ศึกษาชีวิตแต่ละขั้นตอนตามช่วงวัยโดยไม่ยื่นมือก้าวก่ายเช่นนี้ นางคงไม่คิดขวนขวายอยากจะมีถึงเพียงนั้นดอกท่านคชคณ ก็ท่านเล่น...” พ่อเฒ่าบรรพบุรุษกล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะอึกอักเว้นช่วง “พวกเอ็งจะว่าข้าไม่ปล่อยให้นางเรียนรู้งั้นหรือ นางจะเรียนรู้ไปทำไมข้าถามหน่อย มันจะมีผู้ใดยินยอมให้เมียตนคบชู้สู่ชาย” พญาคชสารถอนหายใจพรืดใหญ่คิดรำคาญ “ก็เพราะท่านเป็นแบบนี้ไงเล่า นางจึงได้ตระเวนบนบานขอพรเช่นนั้น” เหล่าผีบรรพบุรุษต่างลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าเป็นเพราะท่านคชคณที่เอาแต่หึงหวงโดยใช่เหตุ นางถือกำเนิดมาเป็นมนุษย์เพศหญิง เป็นสัตว์สังคมแต่กลับถูกเขาจำกัดให้อยู่ในกรอบที่เขาขีดเขียนไว้ นั่นจึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้เอื้อนจันทร์งุนงงว่าทำไมชีวิตนี้จึงไม่เคยมีสหายเพศชายกับคนอื่นเหมือนเขาบ้างเลย “ครั้นนางอยากมีข้าจักเป็นให้ พวกเอ็งคอยดูก็แล้วกันทีนี้อย่ามาขอร้องอ้อนวอนขอส่งคืนก็แล้วกัน” “เฮ้อ...ไปกันใหญ่แล้ว” ภายหลังยี่สกขับรถมาส่งเอื้อนจันทร์ถึงเรือนใหญ่ หลังจากสามสาวที่เลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหารร้านประจำในห้างสรรพสินค้าชื่อดังในตัวเมือง เนื้อหมูสดหลายกิโลที่ยี่สกนำมาแบ่งให้แม่พิไลเพื่อใช้ทำอาหารเลี้ยงฉลองภายในครอบครัว ทางด้านน้ำว้าก็ไม่น้อยหน้าผลหมากรากไม้ที่เอื้อนจันทร์ชอบกินก็ซื้อมาเป็นของขวัญวันเกิด พวกเธอรู้ดีว่าเอื้อนจันทร์ไม่ชอบของขวัญราคาแพง มิหนำซ้ำการให้ของขวัญแบบนี้ก็ถือว่าให้ทุกคนในครอบครัวด้วย “ขับรถดี ๆ นะอย่าขับเร็วถึงแล้วทักบอกในแชทกลุ่มด้วย” เอื้อนจันทร์ว่าพลางโบกมือลาเพื่อน “เคร…เข้าบ้านไปยุงมันเยอะ” น้ำว้ารีบไล่เพื่อนให้เข้าบ้าน ปางช้างรายล้อมด้วยป่าเขาลำเนาไพรไม่ผิดแปลกที่จะมียุงลายชุกชุม แต่ละปีมีคนป่วยด้วยโรคไข้มาลาเรียก็หลายสิบคน “ขอบใจพวกแกมากนะ” หญิงสาวตะโกนไล่หลัง วันเกิดครบยี่สิบขวบปีลูกสาวคนกลางของบ้านจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามคำขอของเอื้อนจันทร์ มีเพียงเค้กหนึ่งก้อน อาหารรสเด็ดฝีมือแม่ และสมาชิกครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อช่วงเช้าเพื่อนสนิททั้งสองคนมารับเธอไปทำบุญไหว้พระขอพรแล้ว ตอนเย็นก็ขอมารับพรจากพระในบ้านอย่างพ่อแม่ก็แล้วกัน เธอไม่ต้องการของขวัญชิ้นใดนอกเสียจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของครอบครัว แต่ดูจะมีเพียงหนึ่งคนที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดี แม้จะพยายามยิ้มกลบเกลื่อน คำพูดของแม่หมอที่คอยย้ำเตือนถึงการกลับมาของท่านผู้นั้นยังคงวนเวียนย้ำเตือนให้เธอตระหนักอยู่ตลอดเวลา ‘ปีนี้เอื้อนจันทร์อายุยี่สิบแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวของอิฉันมั้ยเจ้าคะ’ แม่พิไลได้แต่พึมพำในใจ “สุขสันต์วันเกิดนะลูกพ่อขอให้หนูมีแต่ความสุขความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นเด็กดีของพ่อแบบนี้ไปตลอดนะลูกรัก ของขวัญพ่อเอาวางไว้ในห้องแล้วนะ” พ่อเลี้ยงแม้นเมืองเอ่ยอวยพรเป็นคนแรก ก่อนน้ำเสียงกระจิ๊ดริดของบุหลัน น้องสาววัยห้าขวบช่างพูดช่างเจรจราจะเอ่ยอวยพร “บุหลันขอให้พี่เอื้อนจันทร์สวย ๆ รวย ๆ หาแฟนได้ไว ๆ เพราะถ้ายังหาไม่ได้บุหลันโตมาจะเสร็จบุหลันหมดนะคะบอกไว้ก่อน” เสียงเจื้อยแจ้วแก่แดดแก่ลมของน้องสาวร่างป้อมสั้นเอ่ยขณะนั่งบนตักแกร่งของผู้เป็นพ่อ “จ้าก็รีบโตไว ๆ สิจ๊ะยัยเด็กแก่แดด พี่เอื้อนก็อยากจะเห็นหน้าแฟนของบุหลันเหมือนกัน จะดูสิว่าจะเลี้ยงหมูอ้วนของพี่ไหวหรือเปล่า” เอื้อนจันทร์เอื้อมไปดึงพวงแก้มยุ้ยสองข้างของบุหลันนึกอดหมั่นไส้สาวน้อยช่างเจรจราไม่ได้ แต่ไม่ว่าบุหลันจะแก่แดดแก่ลมเพียงใด เธอก็ยังคงเอ็นดูและชอบเล่นพุงหมาน้อยของน้องสาวอยู่ดี “กำลังรีบโตอยู่ค่า แต่กว่าหนูจะโตก็อีกนานพี่เอื้อนกับพี่เหนือก็แก่พอดี เผลอ ๆ อาจจะเดินตามหลันไม่ทันแล้วก็ได้ ” สาวน้อยร่างท้วมเอ่ยตามความจริง ประโยคนั้นทำเอาพี่ชายอย่างทิศเหนือถึงกับบ้วนน้ำในปากกระเด็นกระดอนจนเปียกโซก “พรวดดด!!!” “บุหลัน...” พ่อเลี้ยงแม้นเมืองเอ่ยน้ำเสียงดุ ทำเอาบุหลันน้อยต้องรีบพนมมือยกธุจ้าขอโทษทั้งพี่ชายและพี่สาว ผู้เป็นพ่อดึงเสื้อลงมาปิดพุงสามชั้นให้ลูกสาวคนเล็กวัยห้าขวบที่ชอบพูดจ้อเหมือนนกแก้วนกขุนทอง “บุหลันธุจ้า” “......” ทิศเหนือและบุหลันได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา พวกเขาชินเสียแล้วล่ะกับฝีปากคมคายของน้องสาวคนเล็กที่ดูจะชอบพูดจาขวานผ่าซากเกินอายุ แต่ด้วยความเป็นน้องเล็กก็อดไม่ได้ที่พวกเธอจะเอ็นดูยัยบุหลัน “หืม...แม่จ๋าแอ๊บอ่องออวันนี้อร่อยมากเลย น้ำพริกอ่องก็อร่อย” เอื้อนจันทร์ทำตาลุกวาวยกนิ้วโป้งชมรสมือของแม่ที่อร่อยเด็ดไม่มีเปลี่ยน “อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลยลูก เหนือเนื้อย่างของที่ลูกชอบก็มีกินเยอะ ๆ นะลูก” แม่พิไลดันจานเนื้อย่างวางตรงหน้าทิศเหนือ “แม่ไม่เห็นบอกให้บุหลันกินเยอะ ๆ เลยอะ” “ถึงแม่ไม่บอกหนูก็กินข้าวเหนียวหลายกำมืออยู่แล้วล่ะลูก” แม่พิไลลอบยิ้มมองลูกสาวคนเล็กที่ดูจะเจริญอาหารกว่าใครเพื่อนในบรรดาสามพี่น้อง ดูจากพุงย้วยที่โผล่พ้นชายเสื้อของเด็กโตเพราะบุหลันไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าของเด็กวัยห้าขวบได้อีกต่อไป งานเลี้ยงฉลองวันเกิดเธอผ่านไปได้โดยดีและใช้เวลาไม่นาน เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกในระดับชั้นปีที่สอง กระนั้นบุหลันไม่ลืมที่จะย่องเบาเข้าไปหยิบไวน์บริเวณตู้เก็บสะสมแอลกอฮอล์ของพี่ชายหนีบเข้าห้องนอนสองขวดตามประสา เอื้อนจันทร์วางไวน์นอกระเบียงบริเวณโต๊ะไม้ที่ประจำที่เธอชอบนั่งดื่ม ก่อนจะหันกลับเข้าไปอาบน้ำให้เรียบร้อย ไม่นานหญิงสาวสวมชุดนอนกระโปรงสีขาวเดินออกมาพร้อมแก้วไวน์ เรียวขาที่เคยย่างก้าวพลันชะงักมองดูพวงมาลัยสีม่วงระเรื่อคล้ายพวงดอกเอื้องไอยเรศที่ถูกทักถอแบบกระด้างกระเดื่อง และก็คงพยายามทำให้ประณีตที่สุดเท่าที่ผู้จัดทำจะทำได้ เอื้อนจันทร์แปลกใจจึงเบนมองซ้ายขวาว่ามีผู้ใดหลบอยู่ระแวกนี้หรือเปล่า “เอื้องไอยเรศ” “ฤดูนี้ไม่ใช่ฤดูที่เอื้องไอยเรศจะออกดอกนี่นา ไปหาจากไหนมาหนอ...” มือเรียวเล็กคว้าพวงดอกขึ้นมาดอมดม กลิ่นหอมอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกล้วยไม้ชนิดนี้ ชวนให้ผู้ดอมดมลุ่มหลงในความงามแลกลิ่นหอมจนยากถอนตัวยิ่งนัก โดยปกติแล้วดอกเอื้องไอยเรศจะผลิดอกช่วงต้นเมษาถึงปลายพฤษภา เรียกได้ว่าเป็นกล้วยไม้ในฤดูร้อนนั่นเอง แต่ต้นฤดูหนาวเช่นนี้หาดอกเอื้องไอยเรศได้นับว่าใส่ใจไม่เบา แต่ดูจากการนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยบิดเบี้ยวแบบนี้คงจะเป็นพ่อหรือไม่ก็พี่ทิศเหนือกระมัง “ขอบคุณนะคะ เอื้อนชอบค่ะ” เอื้อนจันทร์กล่าวคำขอบคุณฝากผ่านสายลมเย็นยะเยือกในช่วงหัวค่ำ ราวกับต้องการฝากคำขอบคุณไปยังผู้ที่ตั้งใจมอบสิ่งนี้เป็นของขวัญเนื่องในวันเกิดครบยี่สิบปีของเธอ หญิงสาวทรุดนั่งลงบนเก้าอี้โยกเยกปูทับด้วยเบาะรองนั่งหนานุ่ม ไวน์แดงคอลเล็กชั่นสะสมของพี่เหนือถูกเทรินลงในแก้วไวน์สีใส ริมฝีปากกระจับจรดเชยชิมแอลกอฮอล์เคลือบลำคออย่างพิธีพิถัน กลิ่นหอมรสหวานระคนร้อนแรงเข้ากันได้อย่างลงตัว ดวงหน้างามสะคราญแหงนมองดวงจันทราที่เปล่งประกายแสงสว่างในยามราตรี รายล้อมด้วยหมู่ดาวสกาวเด่น ร่างอรชรในชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาวนวลนอนตะเเคงทอดกายบนเก้าอี้โยกเยกริมระเบียง มือเล็กถือประคองแก้วไวน์ไว้มั่น เธอดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเงียบสงบอยู่เนิ่นนาน ภายในใจทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมจึงรู้สึกทุกข์ในขณะที่มีความสุข หรือเพราะความฝันที่กัดกินนิทราอันสุขสงบของเธอ การโดนเข่นฆ่าในความฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เริ่มทำให้เธอกลายเป็นคนชินชาเรื่องความเป็นความตาย ลมหายใจอุ่นร้อนเข้าออกเป็นจังหวะ แม้จะมีผู้คนรายล้อมแต่ภายในใจเธอกลับรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเหนือพรรณนา ในขณะที่หญิงสาวกำลังเหม่อลอยไปไกล ร่างมหึมาสีกายาดุจปีกกาดำสนิท คชลักษณ์ห้าวหาญเยี่ยงชายชาตรีย่างก้าวองอาจจากที่ซ่อน เดินทะมัดทะแมงสง่าผ่าเผยตรงมายังริมระเบียงห้องนอนชั้นสองของหญิงสาว วันนี้เป็นวันดีวันคล้ายวันเกิดของนางและก็เป็นวันคล้ายวันมรณาของช่อเอื้องด้วยเช่นกัน เขาไม่มีทางลืม... ‘มาลัยเอื้องไอยฝีมือเขาเอง’ “......” พญาคชสารยืนเหยียดทอดมองหญิงสาวบนเก้าอี้โยกเยกที่ไม่ได้มีอาการตื่นกลัวเขาแต่อย่างใด ความสูงเกือบ ๑๐ เมตรของร่างจำแลงเพียงกึ่งหนึ่งของคชคณยื่นงวงหยาบกร้านสีดำสนิทวางทาบลงบนเรือนร่างอรชร ผิวหนังละเอียดกร้านน้ำเต้าแฝดโขมดสูง นัยน์ตางามใสประดุจแก้วนิลจินดา ทุกสัดส่วนบนร่างกายพญาคชสารตนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก ผิวเนื้อเย็นเยียบจากการตากลมหนาวเป็นเวลานานของนางถูกปลอบประโลมโดยพญาคชสารที่หยิบยื่นบางส่วนของร่างกายแทนผ้าห่มผืนหนาให้นางห่มกาย งาเคลือใหญ่ยาวสองข้างเหลือบดำสนิทสีเสมอลำตัวไม่มีผิดแปลกแตกแยก หากคนโบร่ำโบราณพรรณนาถึงความงดงามของช้างเผือกฉันใด เธอก็อยากพรรณนาความสง่างามของช้างนิลเบื้องหน้าให้ผู้คนรับรู้ถึงความองอาจฉันนั้น “เป็นช้างที่หล่อเหลาดุดันจริงเชียว” “หลงโขลงหรอพ่อเพราะช้างเชือกในปางนี้คงไม่มีเชือกใดองอาจเทียมเท่าพ่อแล้วล่ะ” เอื้อนจันทร์ในท้วงท่านอนตะแคงยกท่อนแขนชันศรีษระเหลือบมองพญาคชสารผู้สง่างามตนนี้ แม้นเป็นสัตว์แต่ท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยออกอาการเจ้าชู้เหลือร้ายของช้างตนนี้กลับทำให้เอื้อนจันทร์นึกขบขัน นัยเนตรประกายเหลือบนิลสนิทฝังอยู่ภายใต้ศรีษระหนามหึมา ดวงตาคู่นั้นจับจ้องแทะโลมหญิงสาวผ่านสีหน้าอันเงียบสงบแฝงแววทะเล้น ปลายช่องวงยาวใหญ่เคลื่อนสัมผัสสะโพกกลมกลึงผ่านสาบชุดนอนสีขาว นางไม่ได้มีอาการหวาดกลัวเขา กลับกันดวงตากลมโตช้อนมองพญาคชสารว่าจะทำอย่างไรกับนาง น้อยนักที่นางจะเห็นทีท่าของคชสารที่มีต่อมนุษย์สาวในลักษณะเชิงชู้สาวแบบนี้ “ใช้สายตาแบบนี้มองสาวหรือจ๊ะพ่อ” “เสียดายที่ฉันไม่ใช่ช้างพังไม่งั้นคงอ่อนระทวยแน่” หญิงสาวกระดกดื่มไวน์สีแดงฉานไม่ยอมหยุดพัก ดวงตากลมโตปรือดวงตาทอดมองดวงจันทราอีกครั้ง สลับกับมองพญาคชสารที่เอาแต่ยืนจ้องเธอเป็นเวลาหลายสิบนาที มุมปากยิ้มกรุ่มกริ่มอีกทั้งยังใจกล้านำช่องวงมหึมาวางพาดลงบนเอวคอดกิ่ว ดูเหมือนพญาคชสารตนนี้จะพึงใจไม่น้อยที่ได้แต๊ะอั๋งเธอ “คงจะฮอตในหมู่ช้างน่าดูท่าทางแพรวพราวใช่เล่นเลยนะ เคยเห็นแต่ผู้ชายเจ้าชู้ไม่คิดว่าจะได้เห็นท่าทางนั้นกับช้าง” หญิงสาวยกยิ้มอ่อน ก็ดูแววตาท่าทางของคชสารตนนี้สิ หากเป็นบุรุษมนุษย์คงไม่แคล้วเป็นเสือผู้หญิงแน่แท้ นับว่าโชคดีที่ฟ้าดินให้เขาเกิดมาเป็นพญาคชสารในดงนางไอยรา มิเช่นนั้นมนุษย์สาวแบบเธอคงน้ำตาเช็ดหัวเข่ากันหลายสิบคน “......” คชคณพอจะเดาออกว่านางคิดกระไร คงคิดว่าเธอโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ส่วนเขานั้นเป็นคชสารกระมัง เธอจะได้ไม่สามารถตกหลุมรักเขาได้โดยใช้ข้ออ้างเรื่องเผ่าพันธุ์ คิดผิดแล้วหนานวลน้อง จะชาติที่แล้วหรือชาตินี้เจ้าก็จักได้คชสารตนนี้ไปครอบครอง เอื้อนจันทร์เอื้อมไปหยิบองุ่นพวงใหญ่ในจานผลไม้ส่งยื่นให้พญาคชสารผู้องอาจ คชคณชำเลืองมองผลไม้พวงใหญ่ในฝ่ามือแน่งน้อย มันทำให้เขารู้สึกว่านางกำลังเห็นเขาเป็นสัตว์เลี้ยงเยี่ยงช้างเชือกในปางช้างแห่งนี้หรอกหรือ พญาคชสารไม่ยอมรับองุ่นพวงนั้นจากหญิงสาว “ทำไม เอื้อนไม่ได้มองพ่อเป็นสัตว์เลี้ยงหรอกน่า ก็แค่ให้เพราะว่ามันอร่อยดี” หญิงสาวยกพวงองุ่นขึ้นมากัดบริเวณลูกใต้พวงฐานสีม่วงเข้มเต่งตึง มันทั้งหวาน หอม กรอบ อร่อย อีกอย่างเป็นองุ่นพันธุ์ไร้เมล็ดอีกต่างหาก เอื้อก! ท่าทางขบเคี้ยวยั่วยวนโดยไม่ได้ตั้งใจของนางทำให้พญาคชสารรู้สึกร้อนลุ่มจนตัวเกร็ง ความไร้เดียงสาและอ่อนต่อเรื่องอย่างว่าไร้การปั้นแต่งของนาง เล่นเอาบุรุษในกายจำแลงต้องอดทนข่มใจเอาไว้เป็นการใหญ่ แม้เสียงเพรียกจะร่ำร้องให้จัดการนางในทันที “......” เอื้อนจันทร์สังเกตุเห็นอาการเก้อเขินของพญาคชสารจึงคิดนึกสนุก นางผุดกายเดินมายังริมระเบียง สองแขนยันระเบียงไม้โน้มดวงหน้าจรดริมฝีปากลงบนเหลี่ยมเพชรของพญาคชสาร เจ้าของกายามหึมานิ่งงันตกอยู่ในภวังค์ รสสัมผัสอันนุ่มนวลชวนลุ่มหลงของนางสัมผัสลงบนเหลี่ยมเพชรของเขาอย่างนั้นหรือ ระบายหูสองข้างของคชสารยกตั้งออกอาการ... “หนีโขลงมาเกี้ยวสาวแบบนี้พ่อเข้มของเราจะไม่โดนขับออกจากโขลงหรอเนี่ย” เอื้อนจันทร์จิ้มนิ้วชี้ลงบนช่องวง ไม่แน่ใจว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือความรู้สึกคุ้นเคยที่ทำให้เธอใจกล้าถึงขั้นหยอกล้อกับพญาคชสารร่างใหญ่ ฉับพลันช่องวงมหึมาฉวยโอกาสโอบร่างอรชรของนางให้ลอยลิ่วออกมานอกริมระเบียง ช่องวงมหึมาโอบรัดร่างของนางแน่น พญาคชสารหมุนกายวิ่งอาด ๆ เข้าพงไพรทำทีคล้ายจะฉุดคร่าลูกสาวชาวบ้าน โดยมีสาวงามเกาะช่องวงสีปีกกาไร้ท่าทีเป็นกังวล เสียงอึกทึกฝีเท้าของพญาคชสารยามเหยียบย่ำลงบนผืนพสุธาสีดินแดง ดังกังวาลจนสัตว์ป่าน้อยใหญ่พากันวิ่งหนีกรูแตกกระเจิง จุดหมายปลายทางของเขาในวันนี้คือทิวเนินสูงบนยอดดอยที่สามารถมองดวงจันทราได้อย่างใกล้ชิด เขามักจะลอบมองนางร่ำสุราใต้แสงจันทราทุกวันเวลาเดิม เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ปีแรกที่มือนางเริ่มจับขวดสุราแทนขวดนม นางยังเป็นคนเดิมไม่มีเปลี่ยน ยังชอบมองจันทราพร่างพราวบนผืนนภาอย่างเงียบสงบ ส่วนตัวเขาก็ยังแอบเชยชมความงามของนางอยู่ในมุมหลืบ แต่วันนี้แตกต่างออกไปตรงที่เขาได้อยู่เคียงคู่นางในวันสำคัญ คชคณวางนางลงบนผืนหญ้าอันอ่อนนุ่มสีเขียวขจี กายมหึมาทรุดย่อเข่าแหงนหน้าชมจันทร์เป็นเพื่อนนาง สิ่งที่ติดไม้ติดมือนางมาคงหนีไม่พ้นสุราสีสวยที่นางชอบดื่ม เอื้อนจันทร์เหยียดกายทิ้งตัวนอนลงบนผืนหญ้า เงยหน้าชมจันทราเต็มดวงในค่ำคืนอันเหน็บหนาว ขนาบข้างพญาคชสารใหญ่ที่พึ่งเคยพบเจอกันเป็นครั้งแรก แต่กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยกันอย่างแปลกประหลาด รอยยิ้มพริ้มเพราผุดพรายไร้ความหวาดกลัว “พาเอื้อนมาชมจันทร์หรอดูท่าพ่อเข้มของเราจะเข้าใจเอาใจสาวใช่เล่น แต่ยังไงก็ขอบใจมากนะพ่อเข้ม...” อาจจะเป็นเพราะเธอเติบโตอาศัยในปางช้างมาตั้งแต่น้อยจึงทำให้มีความคุ้นชินกับช้าง อีกทั้งเธอยังมีช้างสีดอคู่ใจอยู่เชือกหนึ่งที่สนิทสนมกันจนมันยอมให้เธอขึ้นคอโดยไม่ต้องทำพิธีไหว้ใด ๆ ‘หากข้าเปล่งวาจานางคงจะไม่วิ่งหนีตะเลิดเข้าป่าใช่หรือไม่...’ คชคณเบนมองหญิงสาวแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดกระไร เพราะเกรงว่าจะเป็นการทำให้นางตกใจเสียเปล่า เขาเลือกปรากฎกายต่อหน้านางในวันนี้ก็เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของนาง การได้มอบของขวัญเป็นการชมจันทร์ในระยะที่ใกล้ที่สุดแบบนี้คงทำให้นางอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ เขาทำได้เพียงนิ่งเงียบนั่งชมจันทร์เป็นเพื่อนนางเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก่อนจะพานางกลับไปส่งที่เรือนกาแลตามเดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD