“นี่เธอว่าใครเป็นโจร”
สิ้นเสียงกรีดร้องของหญิงสาว นนท์ธิวรรธน์ผู้ไม่เคยยอมให้ใครหน้าไหนมาชี้หน้าด่าร้ายมาก่อนก็ตั้งคำถามย้อนกลับไป เพื่อให้อีกฝ่ายพูดให้กระจ่าง
นี่มันก็บ้านของเขา ห้องนอนนี้ เตียงนอนนั้น ก็ล้วนเป็นของบ้านเขาทั้งนั้น เธอนั่นแหละที่เป็นโจรห้าร้อยที่ไหนก็ไม่รู้ ถึงได้มาอยู่ในบ้านของเขาได้
แต่
หน้าตาเธอช่างสวยเกินโจรไปมาก แม้มีสภาพเหมือนเพิ่งจะตื่นนอนยังสวยสะกดสายตาให้เขามองอยู่ได้ตั้งนานสองนาน
ถ้าไม่ได้เจอกันในสถานการณ์แบบนี้ เขาอาจเดินเข้าไปจีบเธอแทนการจะต่อว่าเธอก็เป็นได้
“ใจเย็นๆก่อนนะ ฟังแม่พูดก่อน”
คุณหญิงวรรณวิภาเข้าแทรกกลางระหว่างคู่สนทนาทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะกำลังวางมวยกันมากกว่าที่จะพูดคุยทักทายทำความรู้จักกันอย่างที่เธออยากจะให้เป็น
ออกโรงปกป้องฝ่ายหญิงเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นแล้วอีกฝ่ายหนีกลับบ้านไปก่อนที่จะได้ทำความรู้จักกับลูกชายของเธอ
“นี่มันธุรกิจครอบครัวหรือไง เป็นโจรกันทั้งบ้านเลยสินะ”
ไอ้คนหน้าหล่อผิวขาวๆนั้นคงเป็นลูก ป้าคนทำผมราวกับคุณหญิงคุณนายนี้คงเป็นแม่ นี่เธอถูกไอ้หนุ่มโฮสมันจับตัวมาเรียกค่าไถ่
แล้วทำไมเมื่อคืนนี้เธอถึงไม่เห็นหน้าไอ้หนุ่มโฮสรูปหล่อคนนี้เลย ไม่อย่างนั้นก็คงเปลี่ยนใจจากไอ้คนเก่าที่ขยันดูดเงินเธอเป็นเลือกคนนี้ไปแล้ว ไปแอบอยู่ตรงไหนถึงได้โผล่มาจับตัวเธอเอาไว้ได้แบบนี้กัน
นี่เธอพลาดตรงไหน ขนาดระวังตัวเป็นอย่างดีแล้วนะเนี้ย
“นี่เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าแม่ฉันห๊ะ”
“ก็พวกโจร ทำไมคนอย่างฉันจะพูดไม่ได้ห๊ะ”
“นี่เธอ”
ร่างหนาที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงกางเกงสแล็คสีดำเดินหน้าเข้าไปหาหญิงสาวที่กล้าปากดีใส่เขา ว่าเขายังไม่พอลามปามว่าไปถึงแม่ของเขาอีก
ช่างทำตัวไร้ยางอายซะจริงๆ ผิดกับหน้าตาสวยๆที่ชวนให้มองแล้วมองอีกนั้น
“ทำไมไอ้โจรห้าร้อย”
เห็นว่าเป็นผู้ชายตัวสูงๆผิวขาวๆแล้วกล้าเดินเข้ามาท้าทายเธองั้นเหรอ ร่างเล็กก็รีบกระโดดลงจากเตียงไปยืนประจันหน้าอีกฝ่ายในทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ แม่บอกให้หยุดไง ทั้งคู่เลย”
คุณหญิงวรรณวิภาเข้าห้ามทัพพร้อมใช้สายตากวาดมองหาผู้เป็นสามีให้เข้ามาช่วยเธอโดดเร็วก่อนที่การจับคู่ในครั้งนี้ จะกลายเป็นการวางมวย
“ไม่หยุด”
“ไม่หยุด”
สองเสียงเอ่ยประสานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ปฏิเสธเสียงห้ามปรามของคุณหญิงวรรณวิภาจำต้องล่าถอยออกไป
“พ่อกับแม่ และก็คุณยายของหนู พวกเราอยากจะให้หนูกับเจ้านนท์ได้ทำความรู้จักกัน”
นวัตรที่ปล่อยให้ภรรยาออกโรงคนเดียวมาได้สักพักก็เอ่ยช่วย เพราะไม่อยากเห็นภรรยาต้องผิดหวังกับการจับคู่ให้เจ้าลูกชายตัวดีอีก
“ไม่มีทาง”
“ไม่มีทาง”
สองเสียงระหว่างคนแปลกหน้าของกันและกันเอ่ยประสานกันโดยไม่ได้นัดหมายอีกครั้ง เมื่อคนทั้งคู่เกลียดการถูกจับคลุมถุงชนยิ่งกว่าอะไร
“ลูกทั้งสองปฏิเสธไม่ได้หรอก”
คุณหญิงวรรณวิภาเอ่ยอย่างหน้าเศร้าๆ ส่งสายตาน่าสงสารไปหาลูกชายทีสลับกับมองไปยังลูกสะใภ้ป้ายแดง
“ผมจะพาเธอกลับไปส่งบ้านเองครับ บอกมาว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน”
แม่เขาบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาจะมีน้ำใจขับรถไปส่งเธอกลับบ้านเอง เพราะเรื่องแค่นี้เขาจัดการได้
“แม่กับพ่อจ่ายค่าสินสอดไปแล้วร้อยล้านเพื่อจะให้หนูหนมหวานมาเป็นลูกสะใภ้และก็เลขาของนนท์ ลูกจะพาเธอไปส่งบ้านก็ได้นะ แต่บ้านเราก็ไม่น่าจะเหลืออะไร”
คุณหญิงวรรณวิภาเล่นใหญ่ถึงกับประกาศจะยกสินสอดร้อยล้านให้ลูกสะใภ้ที่ไปเลือกหามาด้วยตัวเองเมื่อวานนี้ตอนไปไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้ามา
แต่ในตอนนี้ยังไม่ได้จ่ายค่าสินสอดไปแม้แต่บาทเดียว เพราะทางฝ่ายผู้หญิงนั้นเขายังไม่รีบถ้ายังไม่ได้จัดงานแต่งกันจริงๆ
“กับยายบ้าหน้าขาวเนี้ยนะ พ่อกับแม่ถึงกับจ่ายร้อยล้าน”
นนท์ธิวรรธน์ถึงกับเอ่ยกระซิบข้างหูคนเป็นแม่ เมื่อนักธุรกิจอย่างเขาจะต้องเสียเงินร้อยล้านแลกกับผู้หญิงหนึ่งคนถึงเธอจะสวยก็เถอะ แต่มันก็ดูไม่ค่อยคุ้มค่าไปหน่อยมั้ง
“เดี๋ยวฉันเอาเงินมาคืนเอง ทุกอย่างจะได้จบ”
พราวลลิลเอ่ยตัดจบทุกปัญหา เมื่อฝ่ายเธอรับเงินไปแล้ว เธอก็จะเอามันมาคืนเอง และก็กลับไปใช้ชีวิตอิสระของเธอต่อ ไม่ต้องมาผูกมัดกับใคร ถึงเขาจะหล่อถูกใจเธอตั้งแต่แรกเห็นก็ตาม
“คุณยายของหนูคงไม่ยอมเรื่องนั้นง่ายๆ หนูก็รู้ใช่ไหมว่าคุณยายของหนูนิสัยเป็นยังไง”
คุณหญิงผู้เก่งกาจทางด้านการจัดการวางแผนเอ่ยอย่างรู้ทันจุดอ่อนของลูกสะใภ้ของเธอ เพราะถึงแม้ว่าคุณยายบุหลันจะดูเป็นคนที่แสนดีกับทุกคนแต่ทว่าท่านกับใจแข็งยิ่งกว่าหินถ้าได้เอ่ยปากบอกว่าไม่แล้วก็คือไม่ ไม่มีทางเปลี่ยนใจได้เป็นอันขาด
“โธ่โว้ย”
คำพูดของคนที่แทนตัวเองว่าแม่นั้นทำเอาพราวลลิลถึงกับสบถเสียงดังออกมา ก็มันเป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าถึงคุณยายจะตามใจเธอเอาเสียมากๆ แต่ถ้าท่านเกิดใจแข็งขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วนั้น แม้แต่เธอที่เป็นหลานรักก็ไม่อาจเปลี่ยนใจท่านได้
และนี่รับเงินเขาไปตั้งร้อยล้าน ถ้าคุณยายไม่ยอมยกกลับมาคืน แล้วคนที่ไม่มีแม้แต่งานทำอย่างเธอจะเอาที่ไหนมาคืนเขากันล่ะ
ซวยยิ่งกว่าซวยก็วันนี้แหละ โธ่โว้ย