ภรรยาคนงามคือคุณหนูรองผู้เย่อหยิ่ง
writer : เสี่ยวน่วยกั๋ว
หลานหนิงชิงนั่งมองใบหน้าตนเองในกระจก นางอายุยี่สิบห้าปีนับเป็นช่วงเวลาที่ควรเปล่งประกายที่สุด ยามนี้อดีตพระชายาอย่างนางไม่ต่างอะไรกับนักโทษถูกขังอยู่แต่ในตำหนักเย็น นั่งมองรูปสลักพุทธองค์ขนาดหนึ่งฝ่ามือเช้าจรดเย็น
หลานหนิงชิงเคยคิดว่าชีวิตนางจะไม่ปล่อยให้สวรรค์กำหนดให้ ต้องเป็นตัวนางเท่านั้นกำหนดเอง ไหนเลยหลังจากใช้เล่ห์เหลี่ยมเลวร้ายสารพัด จนได้แต่งให้องค์ชายรองเฉินหยวนจี้สมใจ ชีวิตพระชายาอย่างนางกลับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน กลายเป็นนักโทษอยู่ในตำหนัดเย็นโดดเดี่ยวเช่นนี้
เทียบกันกับน้องสาวต่างมารดาอย่างหลานหนิงหยู ยกเว้นชาติกำเนิดต่ำต้อยมารดาเป็นเพียงอนุจวนสกุลหลาน ที่เหลือทุกเรื่องในชีวิตหลานหนิงหยู ราวกับทวยเทพร่วมใจอวยพรให้นางเจริญรุ่งเรืองไม่สิ้นสุด
กลับกันบุตรีภรรยาเอกอย่างหลานหนิงชิง ชีวิตนางทุกอย่างสองมือนี้ไขว้คว้ายากลำบากนัก แม้จะแสดงความจริงใจ ความรักความเมตตามากเท่าใด ก็ไม่อาจเทียบได้แม้แต่เสี้ยวเดียวของหลานหนิงหยู
ทวยเทพไม่ยุติธรรมกับนาง แม้แต่ยามนี้ก็เช่นกัน
“พระชายากองทัพแคว้นเว่ยบุกเข้ากำแพงจูเช่วมาแล้วเพคะ พวกเราจะทำอย่างไรดีเพคะ” หงชุนน้ำตานองหน้า
นางกำนัลข้างกายหลานหนิงชิงยังคงเป็นหงชุน สองนายบ่าวผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันตั้งแต่หลานหนิงชิงยังเป็นคุณหนูรองตระกูลหลาน
“หงชุนเจ้ากลัวหรือไม่”
“จะกลัวหรือไม่กลัวสำหรับหงชุน ชีวิตพระองค์สำคัญที่สุดเสมอ พวกเราหนีกันเถอะเพคะ ที่นี่ห่างไกลหากพวกเราหนีไม่แน่อาจมีชีวิตรอด เชื่อบ่าวสักครั้งเถอะเพคะ”
ชีวิตนางตกต่ำมาถึงขั้นนี้ หลานหนิงชิงไม่หวาดกลัวความตาย นางเหลือก็แต่หงชุน บ่าวรับใช้ผู้นี้จงรักภักดีกับนางมากแม้นางตกต่ำก็ไม่ยอมจากไป หลานหนิงชิงพันหมื่นไม่กลัว แต่จะให้นางเอาเปรียบหงชุนนั่นไม่อาจยอมได้
“บ่าวรู้ว่ามีทางลับออกจากวังหลวงได้ ขอเพียงพระชายายินยอม”
“พอเถอะเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว พวกเรารีบไปกัน”
เห็นดวงตาที่คอยแต่เหม่อลอยของผู้เป็นนายเปล่งประกายขึ้นมา หงชุนยินดียิ่งกว่าได้เห็นพุทธองค์เหาะมาตรงหน้า
หลานหนิงชิงกับหงชุนถอดเสื้อตัวนอกสีขาวสว่างออก เปลี่ยนเป็นเสื้อสีตุ่นแทน ตำหนักเย็นไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อผ้างดงามหรูหรา หลานหนิงชิงยืนกรานร้องขออาภรณ์ขาวสะอาด เป็นการไว้ทุกข์ให้องค์ชายรองอดีตพระสวามี ห้าปีที่ผ่านมานางอดทนมามากเกินพอแล้ว
เสียงคมอาวุธเฆ่นฆ่าสังหารดังเข้ามาใกล้ หลานหนิงชิงเป็นบุตรีจวนแม่ทัพใหญ่ จะไม่รู้จักความเหี้ยมโหดของกองทัพแคว้นเว่ยได้อย่างไร
แต่ก่อนแคว้นเว่ยมีจอมทัพผู้เหี้ยมโหดคือหรงอ๋องเว่ยหวังกู่ บิดาของนางแม่ทัพใหญ่หลานชิวซงสยบเขาลงได้ ร่ำลือกันว่าเว่ยหวังกู่ย่ำเท้าไปที่ใดไม่เคยละเว้นชีวิตเชลย
มาบัดนี้บุตรชายเว่ยหวังกู่นำทัพมาถึงหน้าประตูวัง จะยอมให้หลงเหลือคนแคว้นต้าฉินไว้ดูต่างหน้าหรืออย่างไร
“หงชุนมาทางนี้ เร็วเข้า!!”
สองนายบ่าววิ่งฝ่าความมืด ลัดเลาะมาถึงเขตสระไท่เย่ว พ้นจากตรงนี้ไปจะถึงตำหนักหรงเทียน กำแพงวังจุดนี้มีช่องลับซ่อนเอาไว้ แต่ก่อนองค์หญิงใหญ่เฉินอันเล่อ ใช้ช่องลับนี้พาพี่ใหญ่ของนางเข้ามาในวังบ่อยๆ เรื่องนี้หลานหนิงชิงรู้ดี ขอเพียงช่องลับยังอยู่ไม่แน่พวกนางอาจรอดชีวิต
“ตรงนั้นมีคน รีบตามไป!!”
ทหารแคว้นเว่ยพบเงาคนหน้าประตูตำหนัก ยามนี้ตำหนักหรงเทียนไม่มีเจ้านาย เป็นตำหนักทิ้งร้างตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อน หลานหนิงชิงพาหงชุนวิ่งเข้ามาก่อนลงสลักปิดประตูหน้า
ทหารแคว้นเว่ยพอได้ยินว่าทางนี้มีคน กลิ่นอายล่าสังหารพุ่งกระโจนเข้ามาทันที เสียงของหนักกระแทกประตูดังขึ้นต่อเนื่อง
“พระชายา พวกเรามีทางรอดแล้วเพคะ”
“หงชุนเจ้าออกไปก่อน จำไว้ต้องวิ่งหนีให้เร็วที่สุด”
“ไม่เพคะ พระชายาไปก่อน”
ไม่ใช่ว่าหลานหนิงชิงไม่อยากออกไป หากแต่ช่องลับข้างกำแพงยามนี้ถูกคนเอาดินมาปิด พวกนางสองคนพยายามสุดกำลังหาสิ่งของมากระทุ้งเปิดได้แต่เพียง ช่องขนาดตัวคนเดียวลอดออกได้
“เจ้าผอมกว่าข้ารีบออกไปก่อนเร็วเข้า แล้วเจ้าค่อยดึงข้า”
“พระชายา”
เสียงประดูหน้าตำหนักพังลงมาดังสนั่นหวั่นไหว ไม่ช้าทหารแคว้นเว่ยจะหาพวกนางเจอ หลานหนิงชิงผลักร่างบ่าวรับใช้ผ่านช่องลับออกไปเต็มแรง หงชุนผอมบางกว่านางมาก นั่นไม่เพราะผ่านมาหลายปีเศษอาหารน้อยนิดพวกนั้น หงชุนล้วนยกให้นางกินก่อนจากนั้นจึงจะกินส่วนที่เหลือ ระยะเวลาห้าปีเคี่ยวกรำคน แม้หลานหนิงชิงจะผอม แต่หงชุน กลับผอมจนไม่ต่างอะไรกับโครงกระดูก
“พระชายา อย่าทำอย่างนี้เพคะ”
หลานหนิงชิงหากิ่งไม้มาขัดช่องลับเอาไว้ไม่ให้หงชุนลอดกลับเข้ามาอีก ทั้งยังดึงพุ่มดอกมู่กู่ฮวา(ช่อม่วง)มาบังซ้ำอีก นางรู้ดีวันนี้อดีตพระชายาอย่างนางไม่อาจหนีพ้นวังหลวงแห่งนี้ไปได้
สถานที่นี้เป็นนางดิ้นรนเข้ามาด้วยตัวเอง เรื่องเลวทรามสารพัดเท่าที่หลานหนิงชิงจะทำได้ นางยินดีทำทั้งนั้น หากจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ นั่นย่อมสมควรแล้ว
“หงชุนเชื่อฟังข้า....ใช้ชีวิตให้ดี....”
“พระชายา!!!”
เงาร่างบอบบางวิ่งออกจากมุมกำแพง มาถึงริมสระน้ำกลางตำหนัก ทหารแคว้นเว่ยยามนี้ ไม่ต่างอะไรกับมัจจุราชเอาชีวิต หลานหนิงชิงกลั้นใจวิ่งเข้าใส่คมดาบทหารเลวผู้หนึ่ง กลางทรวงอกนางปรากฏรอยบุปผาโลหิตเบ่งบาน ลมหายใจเฮือกสุดท้ายยังคงไม่หลุดลอย
“หยุดมือก่อน”
“ท่านกุนซือ”
น้ำเสียงเฉียบขาดของบุรุษผู้หนึ่งดังแหวกกลุ่มทหารมาจากด้านหลัง เงาร่างสวมชุดสีอ่อนเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลานหนิงชิง ดวงตานางยามนี้ไม่อาจมองเห็นด้วยซ้ำว่าเป็นผู้ใด
“ท่านกุนซือขอรับ มีคนหนีออกไปได้ขอรับ”
ไร้เสียงตอบกลับจากบุรุษที่ถูกเรียกว่ากุนซือ หากแต่ถ้อยคำนั้นสองหูหลานหนิงชิงได้ยินชัดเจน มือผอมแห้งข้างหนึ่งเอื้อมไปจับชายชุดสีอ่อนคนผู้นั้น
“...ปล่อย....ปล่อยนางไป......” หลานหนิงชิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“เรียนท่านกุนซือ นางกำนัลที่หนีออกไปได้ วิ่งชนกำแพงสิ้นใจไปแล้วขอรับ”
ได้ยินว่าหงชุนคิดสั้นวิ่งชนกำแพงสิ้นใจไปแล้ว ดวงตาหลานหนิงชิงเปื้อนหยาดน้ำตาพร่าเลือน มือผอมบางที่เอื้อมไปขอความเมตตาจากบุรุษผู้นั้นนิ่งค้าง ลมหายใจสุดท้ายหลุดลอยไปเช่นกัน
………………………………………………………..
อย่าลืมกดติดตาม กดหัวใจ เพิ่มเข้าชั้น
เป็นกำลังใจให้กันนะคะ จุ้ฟๆ ❤️