"เรามาในวันนี้เพื่อไว้อาลัยให้กับแมดิสัน เธอตายและจากไปอย่างไม่ยุติธรรม และเขา...คือคนที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้"
เสียงประกาศดังก้องไปทั่ว แซมเดินฝ่าฝูงชนมาจนถึงด้านหน้าเวทีโดยมีชายคนหนึ่งยืนพูดอยู่บนเวที ป้ายไว้อาลัยที่มีหน้าของแมดิสัน และรูปของชายปริศนาที่ถูกพ่นสีแดงบนใบหน้าพร้อมข้อความ 'ไปลงนรกซะ' อยู่รอบฝูงชน แซมถามชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างสงสัย
"ขอโทษนะคะ เกิดอะไรขึ้นที่นี่หรอ?"
"งานปราศัยให้แมดิสันน่ะ" เขากล่าวพลางชี้ไปที่ชายบนเวที "นั่นสตีเว่น พี่ชายของแมดิสัน เรื่องเงียบไปตั้งแต่เธอตายเขาเลย...ไม่รู้สิ ขอความเป็นธรรมมั้ง?"
"แล้วเจ้าของบาร์เขาไม่ว่าเอาหรอคะ?"
"เห็นว่ายังไม่ออกมาเลยน่ะ"
แซมพยักหน้าก่อนจะตั้งใจฟังการพูดของสตีเว่นต่อโดยไม่ได้ใส่ใจพยานปากหลักที่เธอต้องมาสอบถามนัก เพราะนี่ถือเป็นเรื่องดีที่ว่าเธออาจจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีกลับไปด้วย แต่ทันใดนั้นเสียงไมค์ก็ถูกตัดลงและแทนที่ด้วยเสียงทุ้มกังวาลของชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทสีดำสนิทที่ยืนอยู่บนชั้นลอย
'ใครอนุญาตให้พวกนายมาใช้บาร์ของฉันทำเหมือนโบสถ์แบบนี้กัน?'
ทุกคนหันไปที่ด้านบน แซมรู้สึกตัวเย็นวาบทันทีที่หันไปเห็นใบหน้าเจ้าของบาร์ เธอจำเขาได้...ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำและปีกเทวทูตสีดำสนิท คืนวันนั้นที่เธอถูกแลกคำสาป
"ลูซิเฟอร์..."
เธอพยายามจ้องไปที่ชายหนุ่มอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาคือ 'ลูซิเฟอร์' ที่เธอรู้จักหรือเปล่า นักล่าอย่างเธอก็เคยศึกษามาว่าร่างที่ถูกสิงนั้นเป็นเพียงอวตารของสิ่งเหนือธรรมชาติเท่านั้น และสามารถย้ายเข้าออกได้ตามที่ต้องการ อาจจะฟังดูแปลกที่เขาไม่แก่ลงเลย แต่แซมคิดว่าการที่ถูกปีศาจหรือสิ่งเหนือธรรมชาติอื่นๆ ใช้ร่างคงเป็นการชะลอเซลล์ไม่ให้แก่ลงตามไปด้วย การปรากฎตัวครั้งนี้ของเขาไร้ปีกสีดำหน้าสะอิดสะเอียนอยู่ด้านหลัง แค่นั้นก็พอทำให้แซมโล่งใจได้ในระดับหนึ่ง แต่นั่นยังไม่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย ลูซิเฟอร์เดินลงมาจากชั้นลอยและหยุดยืนตรงกลางเวที
"เพราะนายไม่ใช่หรอที่ทำให้น้องสาวฉันต้องตาย...นายเป็นคนเรียกเธอมาที่นี่"
"ใช่ แต่ฉันไม่เสียเวลาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องฆ่ากันตายแบบนั้นหรอก ฉะนั้นพวกนายไสหัวออกไปได้แล้ว"
ลูซิเฟอร์กระชากเสื้อก่อนจะผลักสตีเว่นออกจากเวที เมื่อทุกคนยังคงยืนนิ่งลูซิเฟอร์จึงส่งสายตาจ้องไปรอบๆ และยกไมโครโฟนขึ้นพูด
"กลับไปได้แล้ว!"
กลุ่มคนสลายตัวอย่างรวดเร็ว แต่สตีเว่นนั้นไม่พอใจก่อนจะหยิบปืนขึ้นมา เขาเตรียมจะยิงชายหนุ่มเจ้าของบาร์ด้วยความโมโหต่างกับคนที่ถูกปืนเล็งซึ่งไม่ได้ทำหน้าทุกข์ร้อนแต่อย่างใด แซมเห็นดังนั้นจึงค่อยๆ เดินเข้าไปด้านหลังสตีเว่น
"นายไม่อยากทำหรอกสตีเว่น คิดว่าการฆ่าฉันมันคุ้มจริงๆ งั้นหรอ?"
"แกนั่นแหละเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องตาย..."
สตีเว่นเตรียมจะลั่นไก แต่แซมเข้ามาล็อกตัวเขาไว้ได้ทันและจับเขาใส่กุญแจมือทันที ลูซิเฟอร์มองเจ้าหน้าที่สาวด้วยความแปลกใจ
"เธอเป็นตำรวจนี่..." ลูซิเฟอร์ยกยิ้มได้ใจ "คุณผ่านหน้าประตูมาได้ไงกัน?"
"ขนาดเขาพกปืนยังผ่านเข้ามาได้เลย" แซมกล่าวพลางกดแขนสตีเว่นให้อยู่นิ่ง เขาแค่นหัวเราะกับมุขนั้น "ฉันเจ้าหน้าที่แซม ฮันเตอร์ ใครไม่เกี่ยวข้องออกไปจากบาร์เดี๋ยวนี้ก่อนที่ฉันจะแจ้งข้อหาเพิ่ม"
ผู้ที่มาร่วมฟังการไว้อาลัยซึ่งยังมีอยู่น้อยนิดมองแซมก่อนจะรีบเดินออกไปจนเหลือเพียงแค่เธอ ลูซิเฟอร์และสตีเว่น แซมออกแรงล็อกมากขึ้นเมื่อเห็นว่าสตีเว่นพยายามจะขัดขืน
"คุณ อยู่ที่นี่ สตีเว่น นายมากับฉัน"
"อะไรนะ?! ข้อหาอะไร?"
"พยายามฆ่า พกปืนในที่สาธารณะ และฉันต้องคุยกับนายเรื่องแมดิสันเพราะนายไม่ได้ไปให้ปากคำที่สถานี"
แซมพยายามลากสตีเว่นออกไป แต่มือของลูซิเฟอร์ก็ดึงเธอไว้
"อะไร?"
"ไม่เอาน่าคุณเจ้าหน้าที่ เขาก็แค่ทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ปล่อยเขาไปเถอะ"
"ตามขั้นตอนแล้วเกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ เสียใจด้วย" แซมสะบัดมือลูซิเฟอร์ออกและยังคงยืนยันที่จะพาสตีเว่นออกไป
"ถ้าผมบอกว่าผมให้ข้อมูลคุณเรื่องแมดิสันได้คุณจะยอมปล่อยเขาไปมั้ย?" หญิงสาวหันกลับไปหาลูซิเฟอร์ที่ตอนนี้เขาฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ แซมยืนนึกอยูครู่หนึ่งก่อนจะสบถออกมาเบาๆ และยอมคลายกุญแจมือให้สตีเว่น อีกฝ่ายหันมองทั้งสองก่อนจะวิ่งออกไปจากร้าน
"ถ้าข้อมูลที่นายให้ใช้ประโยชน์ไม่ได้ นายถูกใส่กุญแจมือแทนแน่"
"โอ้ว...ผมจะยอมโดยดีเลยคุณเจ้าหน้าที่"
ลูซิเฟอร์พูดหยอกและเดินนำไปที่ลิฟท์ แซมนึกก่นด่าตัวเองก่อนจะยอมเดินตามลูซิเฟอร์ขึ้นมาถึงห้องส่วนตัวในบาร์ของเขา ในใจเธอก็ยังคิดไม่ตกว่าเขาใช่ลูซิเฟอร์คนนั้นที่เธอเคยเจอจริงๆ รึเปล่า ถ้าเรื่องนี้เป็นความทรงจำที่ผ่านไปเหมือนเมื่อวานหรือไม่ได้เกิดขึ้นจากช่วงใกล้ตายเธอก็คงมั่นใจมากกว่านี้ แซมยืนนิ่งอยู่ในลิฟท์ไปครู่หนึ่งจนลูซิเฟอร์ต้องตะโกนเรียก
"คุณนักสืบ!"
"...ทำไมถึงรู้ว่าฉันเป็นนักสืบ?"
"ผมดูคนเก่งนะ" แซมเดินเข้ามาภายในพลางมองลูซิเฟอร์ที่กำลังถอดชุดสูทออก "ถึงจะไม่เชื่อเท่าไหร่ก็เถอะ"
ลูซิเฟอร์หันมายิ้มและให้แซมเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบว๊อดก้าจากในชั้นรินลงแก้วสองใบ ไม่นานลูซิเฟอร์ก็เดินกลับมาและส่งแก้วให้แซม ก่อนจะนั่งอีกฝั่งของโซฟา
"คุณอยากจะรู้เรื่องอะไรล่ะ?"
แซมล้วงสมุดจดและปากกาที่ซ่อนไว้จากหน้าอก ลูซิเฟอร์มองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถูกขัดด้วยสายตาที่เขม่นใส่เขา "คุณเกี่ยวข้องยังไงกับผู้ตาย?"
"เธอเคยเป็นนักร้องของที่นี่ แล้วผมก็เคยจับได้ว่าเธอขโมยของในร้านก็เลยไล่เธอออกไป แต่เธอขอร้องผมบอกว่ามีคนตามทวงหนี้เธออยู่" เขากล่าวและหยุดครู่หนึ่งเพื่อเทว๊อดก้าลงแก้ว แซมยกมือปฏิเสธ "ผมก็เลยให้เธอทำงานต่อสักพักจนกว่าจะเคลียปัญหาของเธอหมด"
"แค่นั้นหรอ?"
"ใช่ แค่นั้น"
"มีเรื่องอะไรที่เป็นประโยชน์ได้มั้ย?"
"ผมนึกว่านั่นจะเป็นประโยชน์แล้วซะอีก"
พอได้ฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแซมก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะรีบปิดสมุดบันทึก ลูซิเฟอร์ยืนขึ้นและดึงมืออีกฝ่ายที่กำลังลุกหนีเขาไป
"ไม่อยากให้ผมช่วยแล้วหรอ?"
"คุณทำฉันเสียเวลา ฉันจะกลับไปที่สถานี"
"ผมรู้แค่เท่านั้น แต่ถ้าอยากไขคดีนี้ผมช่วยคุณได้นะ"
"ยังไง?"
"ผมมีพลังที่สามารถดึงความปราถนาในตัวคนออกมาได้...ด้านมืดในจิตใจของพวกเขา หรือที่พวกคุณเรียกมันว่าคำสารภาพน่ะ"
"หรือที่พวกคลั่งบางคนเรียกว่าอ่านใจได้น่ะหรอ?" ลูซิเฟอร์เดินเข้ามาหาแซมด้วยสายตาน่าขนลุก เขาจับมือเธอไว้แน่นและจ้องตาแซมไม่กะพริบ
"ไม่ๆ แค่ทำให้พวกเขาพูดออกมา อย่างเช่น...อะไรคือสิ่งที่คุณปราถนามากที่สุดคุณนักสืบ?"
หญิงสาวมองตาลูซิเฟอร์และพบว่าในดวงตาของเขาส่องสว่างเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ข้างใน มากขึ้น...พร้อมกับเสียงกรีดร้องของแซมที่เริ่มดังกังวาน เจ้าหน้าที่สาวสะบัดมือเขาออกด้วยความกลัว
"ฉันควรจะกลับ..."
แซมเดินดุ่มออกไปจากห้องโดยไม่คิดจะหันหลังกลับ ลูซิเฟอร์ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ เขาหันมองหญิงสาวลงลิฟท์จนลับตาไป
'ให้ตายเถอะ นายคือลูซิเฟอร์จริงๆ หรอเนี่ย?'
สายตาสีดำคู่นั้นจับจ้องการกระทำของหญิงสาวผ่านกล้องวงจรปิดจนเธอหายออกไป เขายกแก้วจิบพลางพลิกสำรวจสมุดบันทึกของนักสืบสาว
"ไว้เจอกันใหม่นะ คุณนักสืบ"
[จบตอน 3]