3

1207 Words
พอได้อยู่กันตามลำพังสองพี่น้อง พี่ไมล์เปิดปากเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาก่อนจะรู้จักกับไอ้หน้าแหลมคนนั้น เขาชื่อศิวะ เป็นรุ่นน้องในมอนั่นแหละ แต่ประเด็นความสนิทสนมนั้นมาจากพี่ไมล์ไปตามจีบพี่สาวของเขา ซึ่งครั้งแรกที่พบเจอ สองคนนี้เคยต่อยกันมาแล้ว แบบแรงๆ ด้วยล่ะ เหตุเพราะศิวะเขาหวงพี่สาวเขามาก กลัวว่าพี่ชายฉันจะไปหลอกฟันพี่สาวมัน แต่ความจริงที่พี่ไมล์บอก กลับกลายเป็นว่าพี่ไมล์ต่างหากที่โดนหลอกฟัน พี่เขาชื่อมะลิ นิสัยดีแต่ไม่อ่อนโยนและไม่น่ารักสำหรับบางคน แต่ถึงอย่างนั้นพี่ไมล์ก็บอกว่าคบกับพี่มะลิมาได้สามปีกว่าแล้ว พี่มะลิมีอาชีพเสริมเป็นพริตตี้ตามสนามแข่งรถ เย็นนี้จะพาไปเจอ จะได้ไปกินข้าวพร้อมกันด้วย ถือว่าฝากเนื้อฝากตัวให้ช่วยๆ กันดูแลฉันไป “พี่สาวไม่ปากเหมือนน้องชายใช่ปะ” ฉันควรระวังตัวในเรื่องนี้ที่สุด ก็คนน้องมันปากดี คนพี่ก็เลยนึกระแวง “เหมือนกัน แต่มันไม่กวนตีน” โอเค เข้าใจได้ในทันที พี่ไมล์ชอบผู้หญิงสไตล์นี้นี่เอง “อยู่ให้มีความสุข ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้ อะไรดีไม่ดีก็อยู่มิลจะมองจะเรียนรู้และตัดสินใจ พี่ไม่ห้ามถ้าอยากจะทำอะไร ขอแค่จำไว้ว่าเรามีพี่อยู่” ฉันกอดเอวพี่ไมล์ทันทีที่เขาพูดจบ ซบศรีษะลงกลางอกด้วยความรัก แม้เราจะห่างไกลกันแต่ฉันก็รักพี่ชายคนนี้เสมอ เขาไม่ได้อยู่ด้วยในทุกวันแต่เขาไม่เคยทอดทิ้งกันเมื่อคราวที่ฉันต้องการกำลังใจ ฉันรักพี่ไมล์เหมือนกับที่รักพ่อและรักแม่ “ทำไมไม่ตอบแชท” คำถามที่มาจากเสียงแหลมๆ ของใครสักคนที่ฉันมองไม่เห็น ฉันอยู่กับพี่ไมล์จัดแจงข้าวของจนเวลาล่วงเลยไปถึงหกโมง อาบน้ำเปลี่ยนผ้าชุดใหม่เรียบร้อยพี่ไมล์ก็พาออกมาจากห้อง เพื่อที่พี่จะได้ไปเตรียมตัวพาฉันไปแนะนำให้เพื่อนๆ เขารู้จัก พาไปเจอว่าที่พี่สะใภ้ด้วย แล้วตอนนี้เราก็ออกมาข้างนอกจากที่ฉันเห็นตอนนี้มันคงไม่พ้นคำว่าร้านเหล้าหรอก “ยุ่งอยู่ ช่วยน้องจัดของ” สายตาเหลือบไปเห็นมือเรียวขาวทาเล็บสีแดงสดกำต้นคอพี่ชายมาจากด้านหน้า เพราะฉันเดินตามพี่ไมล์เข้ามา ฉันเลยยืนมองอยู่ด้านหลังอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ขอให้เป็นน้องจริงๆ ถ้ารู้ว่าไปยุ่งกับหญิงที่ไหนกูตัด ค..ย มึงทิ้งนะไมล์” คำขู่นั้นทำเอาฉันสะดุ้งนิดๆ แฟนพี่ไมล์สายโหดขนาดนี้ พี่ฉันมันจะกล้าหือไหม “คำพูดคำจาน่ะ น้องจริงๆ อยู่ข้างหลังเนี่ย” แล้วพี่ไมล์ก็เบี่ยงตัวน้อยๆ ร่างหญิงสาวที่ปรากฏแก่สายตา คือผู้หญิงผอมสูง แต่งหน้าจัดแต่งตัวเซ็กซี่มาก เธอมองฉันตั้งแต่หัวจดเท้า ก่อนจะเหลือบแลไปมองหน้าพี่ไมล์แล้วหันมามองหน้าฉันอีกที “มิลนี่แฟนพี่ ชื่อมะลิ” ฉันยกมือไหว้ก่อนกล่าวทักทายด้วยคำเบสิกทั่วไป “น่ารักดีนิ” พี่มะลิโอบไหล่ฉันเข้าไปข้างในทันที ตรงนี้เป็นโต๊ะแยกออกมาจากข้างหน้า เพราะตรงนั้นเป็นโต๊ะไม้มีเก้าอี้ยกสูง ส่วนตรงนี้คือโต๊ะสี่เหลี่ยมธรรมดามีโซฟาติดกันสามด้าน มีคนนั่งกินเหล้าอยู่หกคน หนึ่งในนั้นมีไอ้หน้าแหลมศิวะด้วย “ใครวะลิ หน้าตาหน้าตำ” พี่ที่นั่งซ้ายสุด พูดออกมาด้วยท่าทีอารมณ์ดี แก๊งนี้ปากงี้ทุกคนแหง “มึงถามพ่อน้องก่อนไหม ดูท่าแล้วมึงน่าจะโดนตำเอง” พี่เขายิ้มร่า ไม่สนคำว่าใดๆ ยกเหล้าขึ้นรวดลงคอแล้วก็หันไปคลอเคลียสาวข้างกายต่อ “นี่มิลลิ น้องสาวกู พึ่งย้ายมาเรียนที่นี่” พี่ไมล์ดันฉันนั่งลงข้างมะลิ ซึ่งฉันได้นั่งใกล้กับไอ้หน้าแหลมศิวะพอดี ซึ่งตอนนี้เขาไม่แม้จะสนใจการมาของฉันด้วยซ้ำ ยังคงคุยกับผู้ชายข้างๆ เขาต่อ “ไม่ยักรู้ว่ามีน้องสาววะไมล์” พี่คนเดิมที่ถามต่อ ส่วนผู้ชายอีกคนนั่งเงียบเหมือนลืมเอาปากมา “ถ้าน้องไม่มาเรียนที่นี่ ชาตินี้มึงก็ไม่รู้หรอก” “อ้าวไอ้หอก... แค่บอกว่ามีน้องสาวมันจะเป็นอะไรไป” “ปล่อยให้น้องกูมีชีวิตที่ดีเถอะ” “แหมๆ น้องสาวสวยขนาดนี้ มึงแม่งขี้หวงว่ะ” พี่ไมล์ตบหัวเขาไปหนึ่งที ก่อนจะชี้นิ้วใส่แต่ละคนพลางแนะนำชื่อกันไป พี่คนนี้ชื่อกี ส่วนสาวข้างกายพี่ไมล์ไม่ได้บอก คนนั่งข้างพี่ไมล์ที่เงียบๆ ชื่อพุธ ผู้หญิงข้างเขาชื่อเตยเป็นเพื่อนพี่มะลิ คนสุดท้ายที่ฉันยังไม่รู้จักคือผู้ชายที่นั่งข้างกันกับไอ้หน้าแหลม พี่ไมล์บอกให้ถามศิวะเอาเอง เพราะพี่ไมล์เองก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว “รุ่นเดียวกับไอ้วะใช่ไหมเรา” พี่กีหันมาคุยกับฉัน ซึ่งฉันก็พยักหน้าตอบไป “เป็นเพื่อนกับพวกนี้ต้องทำใจเรื่องปากมันหน่อยนะ แต่รวมๆ คือนิสัยดีแหละ แต่ปากดีไปหน่อย” ฉันยิ้ม ไม่รู้จะตอบอะไร เจอมากับตัวแล้วเรื่องปาก โดยเฉพาะไอ้หน้าแหลมที่ฝากคำต่างๆ ให้ฉันขบฟันใส่หลายรอบละ “ขอบใจนะที่เอาข่าวมาบอก” ศิวะยัดเงินหนึ่งใบให้ผู้ชายที่นั่งข้างเขา เป็นเพราะเรานั่งใกล้กันฉันเลยทันเห็นว่าเขาทำอะไร ได้ยินว่าเขาพูดอะไร ผู้ชายคนนั้นยกแก้วขึ้นรวดเดียว ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันแล้วเดินออกจากตรงนี้ไป “อะไรศิวะ” พี่มะลิถามขึ้น ศิวะสะดุ้งหน่อยๆ ก่อนจะส่ายหัวตอบว่าไม่มีอะไร “อย่าให้รู้” เธอชี้หน้าเขาเป็นเชิงขมขู่ ก่อนจะเลิกสนใจน้องแล้วหันไปคุยกับพี่ชายฉันต่อ ศิวะขยับเข้ามาหาจนเราใกล้ชิดกันขึ้นไปอีก ส่วนฉันขยับหนีนิดๆจนตอนนี้ขาจะแตะขาพี่มะลิอยู่แล้ว “ห่างหน่อย” ฉันบอกเขาเสียงเบา ซึ่งเขาทำเหมือนไม่ได้ยิน สายตามองตรงไปยังจุดใดจุดหนึ่งของร้านนี้ ฉันเลยได้มองตามไป จนไปพบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งดื่มอยู่คนเดียวที่เคาน์เตอร์ ลักษณะท่าทางของเธอดูเศร้าๆ ถ้าตาไม่ฝาดเธอกำลังนั่งปาดน้ำตาอยู่เรื่อยๆ ใครกันนะ... สายตาของไอ้หน้าแหลมดูเป็นห่วงมาก แต่ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้นทำไมไม่เดินไปปลอบใจเธอคนนั้นซะล่ะ มานั่งเบียดฉันแล้วชะเง้อคอมองเธออยู่อย่างนี้ทำไม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD