“สวัสดีค่ะ พี่มะลิ สวัสดีค่ะพี่ๆ ขอเมนั่งด้วยคนนะคะ”
จู่ๆ คนที่นายศิวะนั่งมองอยู่ ก็เดินดุ่มๆ มาทางนี้เมื่อเธอเห็นว่าคนตรงนี้มองไปทางเธอ
“ขอนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ”
เธอมองหน้าฉัน เหมือนจะบอกให้ขยับออกห่างจากศิวะ ฉันที่กำลังจะหันไปหาพี่มะลิก็โดนเบียดจนชิดเสียก่อน
“ตรงนี้ว่าง”
เขาเอ่ยเรียบๆ ตบเบาะว่างข้างตัวซึ่งอยู่ข้างเขาที่ผู้ชายคนนั้นพึ่งลุกไป
กลายเป็นว่าฉันต้องนั่งตัวลีบอยู่อย่างนั้น ข้างนี้เป็นพี่มะลิที่นั่งเบียด ส่วนอีกข้างก็น้องชายเธอที่นั่งชิด เหมือนนายศิวะจะสะกิดไหล่พี่สาวให้เบียดมาด้วย เพราะตอนนี้เขาเอนหลังพิงพนักโซฟา แขนยาวๆ ยืดไปหาอีกคนได้สบาย ถ้ามองมาจากที่ไกลๆ คงคล้ายว่าศิวะโอบไหล่ฉันอยู่
ทุกคนไม่ได้สนใจการมาของเธอเท่าไหร่ ศิวะเองก็นั่งดื่มเงียบๆ ส่วนฉันก็จิ้มมือถือคุยกับเพื่อนที่บ้าน ถามไถ่ความเป็นไปเป็นมากะว่าจะอยู่รอดในเมืองหลวงนี้ไหม
“ศิวะสบายดีไหม”
เป็นเพราะเรานั่งติดกันมากๆ ฉันเลยได้ยินทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นใช้เสียงที่เบาหวิวในการพูดคุยกับเขา
“อืม”
เขาครางตอบแค่นั้น และยังขยับตัวออกห่างเธอจนกลายเป็นว่าตัวเขามาเบียดกับฉันมากเพิ่มไปอีก
“เกือบสองปีเนอะ ที่เราไม่ได้เจอกัน”
เธอยังคงชวนเขาคุย แต่นายคนนี้ก็ยังนั่งเงียบเหมือนเดิม
“ศิวะยังโกรธเราอยู่เหรอ เราขอโทษเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ”
คราวนี้เธอจับมือเขาข้างหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวนั้นร่างกายแข็งทื่อไปแล้ว ไม่ตอบสนองแต่ก็ไม่สะบัดออก
รู้เลยว่าเก๊กอยู่...
“ไปหาที่เงียบๆ คุยกันไหม เมมีเรื่องจะเล่าให้ศิวะฟังเยอะเลย”
คราวนี้รับรู้ถึงความเบียดเสียด เสียงสวบสาบของการขยับตัวทำให้ฉันอดหันไปปรามไม่ได้
ไอ้หน้าแหลมมันแทบจะกอดฉันอยู่ละ
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
ฉันลุกขึ้นแล้วบอกพี่ชาย ซึ่งพี่ไมล์พยักหน้าก่อนจะชี้มือไปด้านขวา
“อย่าดื่มแก้วใครสุ่มสี่สุ่มห้านะมิล”
พี่มะลิเอ่ยเตือน ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าการไปเข้าห้องน้ำทำไมต้องเตือนเรื่องรับแก้วมาดื่ม มันจะมีคนตื้อขนาดนั้นเชียวเหรอ
ฉันเดินมาต่อแถวรอเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางมาถึงก็มีหลายสายตาที่มองมาและมองผ่านไป ส่วนการชนแก้วแล้วแสร้งอยากให้เราดื่มนั้นก็มีประปราย ซึ่งฉันก็ปฏิเสธทุกรายเพราะฉี่ที่อั้นมันจะทะลุออกมาแล้ว
ร้านเหล้าสำหรับฉันมันไม่ใช่สถานที่แปลกใหม่ ฉันไม่ได้ใสขนาดว่าไม่เคยดื่มของพวกนี้ แต่จะบอกว่าเที่ยวบ่อยไหมก็ไม่ แม่ไม่ได้อนุญาตให้ออกบ้านทุกวันขนาดนั้น อาทิตย์ละครั้งก็หรูมากแล้ว
ฉันทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ออกมาก็แวะส่องกระจกเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองเสียหน่อย ระหว่างทางเดินก็เห็นมีคนยืนจีบกันอยู่ บางคู่ก็จูบกัน มันคงเป็นเรื่องปกติของสถานที่แบบนี้ล่ะมั้ง จะว่าน่าเกลียดก็ไม่ขนาดนั้น เพราะนี่ไม่ใช่พื้นที่กลางแจ้ง ถึงจะสาธารณะที่มีผู้คนมากมาย แต่สถานบันเทิงเขาไม่ได้ตั้งกฏห้ามการแสดงความรักต่อกันเสียหน่อย เพราะฉะนั้นย่อมทำได้
“อื้อ... อื้ม”
การจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว การกระทำอุกอาจนี้มาจากไอ้หน้าแหลมที่ตอนนี้มันกอดฉันไว้ แล้วรุกจูบแบบรุนแรง
ปั๊ก...
“อ่อย... ”
ฉันฟาดแผงอกเขาไปแต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้าน มันยังตั้งหน้าตั้งตาล่อหลอกป้อนจูบแบบดูดดื่มขึ้นไปอีก
ความใกล้ชิดของใบหน้า ทำให้ฉันสบสายตากับคนตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจ
เป็นบ้าอะไรมาจูบกันแบบนี้ล่ะเนี่ย
“โอ้ยเธอ... ”
คราวนี้สติฉันกลับมา ยกมือโบกหัวศิวะแบบเต็มเหนี่ยว
“ทำบ้าอะไรวะ”
ฉันตวาดก่อนจะฟาดหน้าเขาไปอีกรอบ ซึ่งมันไม่ยอมตอบ เอาแต่มองหน้าฉันด้วยแววตานิ่งเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
“จะไปไหน ปล่อย”
ฉันพยายามบิดมือเขาออกจากข้อมือตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล เขาดึงฉันออกจากร้านโดยที่ไม่สนว่าฉันจะหยิกจะบิดแขนเขาด้วยซ้ำ
ศิวะพาฉันมาหยุดอยู่ข้างรถมอไซค์คันหนึ่ง
“เมาแล้วก็กลับ”
เขาวางมือบนหัวฉันก่อนเอ่ยคำนั้น ซึ่งฉันก็รีบปัดออกไวๆ ราวกับโดนของร้อนก็ไม่ปาน
ไอ้นี่มันสบายดีรึเปล่านะ
“เมาอะไร พูดบ้าอะไร”
“หน้าแดงขนาดนี้ ยังจะเถียง”
เขาใช้ปลายนิ้วปัดผมฉันออก ก่อนจะเคาะนิ้วลงกลางหน้าผากเป็นการเอ็ดเบาๆ
หน้าแดงเพราะมึงพึ่งจูบกูไงคะ หายใจไม่ทันขนาดนั้นไม่ให้หน้าแดงหรือไง
“เราบอกพี่ชายเธอแล้ว มันอนุญาตให้เราค้างกับเธอได้วันนี้”
“อะ...ไรนะ”
“ขึ้นรถสิ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ กว่าจะขอพี่ชายเธอได้ คืนนี้จะกอดให้หนำใจเลย”
ผีตัวไหนเข้าสิงมันเนี่ย กูพึ่งเจอกับมึงวันนี้วันแรก กอดให้หนำใจอะไรของมันวะเนี่ย
“แล้วเมล่ะศิวะ”
เสียงของเธอคนนั้นดังขึ้นมาจากข้างหลังทำให้ฉันรีบหันไปมอง
ที่แท้ก็ประชดสาว มาใช้ฉันเป็นเครื่องมือนี่นะ
“มาไงก็กลับงั้นดิ”
มันไม่สนใจเธอเลยว่ะ เร่งให้ฉันขึ้นซ้อนท้ายด้วยสายตาดุๆ
“ใจร้ายกับเมจังเลย ก็รู้อยู่ว่าบ้านเมไกล แล้วไหนจะดึกป่านนี้อีก”
ฉันฟังคำตัดพ้อเหล่านั้นก็อดจะขัดใจไม่ได้ ไอ้นี่ก็ขี้ประชด ยัยนั่นก็เรียกร้องเก่ง
ควรเดินกลับเข้าไปข้างในไหมนะ สองคนนี้จะได้คุยได้เคลียร์กัน
มาให้ฉันนั่งฟังทำบ้าอะไร ไม่ได้เกี่ยวกับกูเลยสักนิด
“ไม่ได้ใจร้าย มีแฟนต้องดูแล ก็ให้แฟนเมมารับสิ”
อ้าว...นี่ไปเป็นแฟนมันตอนไหนอีกเนี่ย พอจะขัดมันก็กำมือฉันไว้เป็นเชิงบอกว่าห้ามพูดอีก
“เมเลิกกับพี่เติ้ลแล้ว”
เธอบอกก่อนที่จะมีหยดน้ำใสๆ ไหลออกมาจากหน่วยตา
ไอ้ศิวะมันอึ้งไปเลยว่ะ สายตามันวูบไหวอย่างเห็นได้ชัด
“มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบแค่นี้ใช่ไหม เราพาแฟนเรากลับได้แล้วเนอะ”
แล้วเขาก็ทำทีไม่ยี่หระไม่สนใจ สะกิดไหล่ฉันอีกครั้งแล้วอุ้มให้ขึ้นรถด้วยความไว
“ศิวะ... ”
น้ำเสียงเศร้าดังขึ้นตามหลังมา ซึ่งไอ้คนข้างหน้ามันไม่แม้แต่จะเหลียวมองกลับไป ขนาดกระจกมองไปเห็นข้างหลังมันยังไม่แลเลย
สรุปมันแคร์เขาจริงปะเนี่ย...