วันต่อมา
"หวัดดีครับ"
เสียงทักทายในตอนเช้าของวินผู้จัดการร้าน ที่เข้ามาถึงร้านในตอนเก้าโมงเช้าพอดีเป๊ะ ส่วนอันน์ยืนประจำอยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ยกมือขึ้นไหว้ทันทีที่เท้าของวินแตะเข้าในร้าน วันนี้กะเช้ามีแค่อันน์กับผู้จัดการเพราะฮารุลา ส่วนอีกสี่คนเข้ากะบ่ายและดึกแบ่งเป็นกะล่ะสองคน
"สวัสดีค่ะพี่วิน"
"อ่ะพี่ซื้อกาแฟมาฝาก พี่ไม่ได้มาสายไปใช่มั้ยครับ?"
วินยื่นส่งแก้วกาแฟเย็นมาให้ก่อนจะยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงซี่เป็นยิ้มที่อบอุ่นสำหรับอันน์เสมอ วินจัดว่าเป็นผู้ชายวัยสามสิบที่ยังหล่อและดูดีมากๆ แต่จะเป็นดูดีแบบหนุ่มแว่นเนิร์ดๆ ด้วยความที่เขาเป็นคนเหนือผสมจีนผิวเลยขาวมาก ขาวจนซีดเลยก็ว่าได้..แต่ก็นะดูแบบนี้ก็หล่อไม่ใช่เล่นอันน์ทราบมาว่าเขายังไม่มีแฟนด้วยเหตุผลอะไรเธอก็ไม่ได้สนใจเนื่องจากมันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งวุ่นวาย
"ไม่สายเลยซักนาทีเดียวค่ะพี่วิน"
อันน์ยิ้มให้วินอย่างสดใส วินชอบรอยยิ้มนี้ของอันน์มากเพราะมันเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้ามองแล้วพานให้รู้สึกอารมณ์ดีอยากยิ้มตามไปด้วย
"งั้นเดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บก่อนนะ แล้วเดี๋ยวออกมาช่วยทำงานครับ"
เอียงหน้าบอกอันน์ด้วยสายตาที่มีแต่แววเอ็นดู ใครๆ ก็รู้ว่าลูกน้องในร้านวินนั้นเอ็นดูอันน์ที่สุดแต่ก็ไม่มีใครอิจฉาหรือหมั่นไส้อะไรเพราะว่าการที่วินสนิทกับอันน์ที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากการเข้ากะทำงานกับผู้จัดการบ่อยๆ เป็นอะไรที่กดดันและเหนื่อยมากๆ ทุกคนเลยยกกะที่ต้องเข้างานกับผู้จัดการให้อันน์คนเดียวอย่างเต็มใจ
ไม่ถึงสามสิบนาทีวินก็กลับมาหน้าร้าน
"พี่ส่งเรื่องให้อันน์เรียบร้อยแล้วนะ เดือนหน้าอันน์ก็เลื่อนขั้นเป็นfull timeได้เลย"
ยื่นเอกสารให้อันน์ดู อันน์รับมาด้วยสีหน้าที่มีคำถามมากมาย ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอกที่ทางสำนักงานใหญ่อนุมัติให้ผ่าน แต่ว่า....ถ้าเลื่อนเป็นพนักงานประจำเธอก็เรียนไม่ถนัด
"ทำงานเหมือนเดิม ไปเรียนได้เหมือนเดิม แค่เลื่อนจากพาร์ทไทม์มาเป็นประจำ โอเค๊"
วินรีบอธิบายราวกับรู้ความในใจของอันน์
"ขอบคุณนะคะพี่วิน อันน์ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เรื่องนี้เลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะว่าต่อให้ท่านไม่เห็นด้วยก็ห้ามอันน์ไม่ได้หรอกค่ะ"
"พี่เชื่อว่าท่านจะต้องเห็นด้วยแน่นอนครับ อ่ะ มาเคลียร์งานกันดีกว่า เงินเดือนพวกเราพี่ยังไม่ได้ส่งออฟฟิศเลย"
วินโปรยยิ้มมีเสน่ห์เฉพาะตัวให้อันน์อีกครั้งก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอคอมฯที่อยู่ข้างๆ เครื่องแคชเชียร์ งานผู้จัดการไม่ใช่มีแค่ในร้านแต่งานเอกสารต่างๆ ก็เยอะแยะมากมายพอที่จะทำให้หนุ่มแว่นอย่างวินหัวยุ่งทั้งวัน
"ขอบคุณนะคะพี่วิน ที่เลือกอันน์"
อันน์มองวินด้วยสายตาที่มีแต่ความเคารพบูชาราวกับว่าเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่ง ที่นี่นอกจากฮารุก็มีผู้จัดการนี่แหล่ะที่ดีกับเธอที่สุดแล้ว
แอบจินตนาการถึงอีกคนไม่ได้ว่าถ้าเปลี่ยนให้เขาเป็นคนที่น่าอบอุ่นแบบนี้มันจะดีขนาดไหนนะ...
"ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก ขอบคุณตัวเองเถอะที่ทำงานดีมาตลอด"
สายตาที่ลอดผ่านแว่นมีแววบางอย่างที่ต้องการสื่อออกมา แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น...เพราะมันไม่สมควรเนื่องจากเขาตอนนี้คือหัวหน้าและอันน์เป็นลูกน้อง คนอย่างเขาจะไม่มีวันทำผิดกฏของบริษัทที่ห้ามมีเรื่องชู้สาวโดยเด็ดขาด
วินเป็นผู้จัดการที่เข้มงวดจริงจังกับงานที่สุดในสาขาป่าตองคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่..เขากลับใจดีกับสาวหมวยตัวเล็กๆ อย่างอันน์เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น..ทว่า...สาวเจ้าแทบจะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
"กลับไปเถอะครับคุณอา ฝากบอกคุณย่าด้วยว่าผมกลับไปแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ควรกลับไปเพราะผมยังเรียนไม่จบ"
ต้าร์นัดคุณอาไชยยศซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขาส่วนตัวของคุณพิมมาลาหรือคุณย่ามาลาอย่างที่คนทั่วๆ ไปเรียกกันมาหา
ทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านกาแฟริมหาดป่าตองแห่งหนึ่ง ร้านตั้งอยู่ริมหาดจึงมีแต่เหล่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต่างก็แวะเวียนกันเข้ามาใช้บริการ เรียกได้ว่าแน่นร้าน ที่ต้าร์เลือกนัดที่นี่เพราะไม่อยากให้คุณย่าพิมมาลาของเขาใช้วิธีสกปรกโดยการมาลักพาตัวเขากลับไปอย่างครั้งก่อนที่เคยทำมาแล้ว
"เรื่องนั้นคุณท่านทราบครับคุณหนู ผมเองก็ทำตามคำสั่ง ถ้าไม่ได้ตัวคุณหนูกลับไปเห็นทีผมก็คงกลับไปไม่ได้ครับ"
ต้าร์ถอนหายใจออกมาราวกับว่าในอกหนักอึ้งพอประมาน สี่ปีกว่าแล้วที่เขาหนีมาเรียนที่นี่ หนีมาใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วๆ ไป
หนีออกมาจากตระกูลที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีแต่ความอึดอัดหายใจไม่ออก เขาไม่อยากเป็นทายาทหนึ่งเดียวของ ปุญญพัฒน์ เขามีความฝันคือการเป็นนักดนตรีซึ่งมีวงเล็กๆ เป็นของตัวเอง ไม่ใช่นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแต่แบกรับเรื่องต่างๆ ไว้มากมาย
ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป ต้าร์ก็นึกโทษพวกท่านอยู่เสมอที่คลอดเขาออกมาแค่คนเดียว ตอนเด็กๆ เขาดื้อมากบ่อยครั้งที่ผู้เป็นย่าลงโทษด้วยการจับล่ามโซ่และขังเอาไว้ในห้องเหมือนสัตว์เลี้ยง
โตขึ้นมาพอจะมีอิสรภาพต่อให้ต้องมาแต่ตัวต้าร์ก็ไม่ลังเลที่จะหนีออกมาจากบ้านในทันทีที่เรียนจบมัธยมปลาย
ต้าร์ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาหลายปี..จนกระทั่งได้ทราบข่าวร้ายจากคนสนิทของคุณย่าว่าท่านต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเหตุเนื่องจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คุกคามชีวิต! ทำให้เขาต้องยอมตัดสินใจกลับบ้านอีกครั้งหลังจากเรียนจบระดับปริญญาตรี ทั้งๆ ที่ตั้งใจเอาไว้แท้ๆ ว่าจะไม่กลับไปเหยียบปุญญพัฒน์อีกแล้ว
"สามเดือนครับ"
"ผมจะจองตั๋วเครื่องบินไว้ คุณหนูพอจะระบุวันที่ให้หน่อยได้มั้ยครับ"
"ผมโตแล้วครับ เรื่องเล็กแค่นั้นผมทำเองได้"
"แต่ว่า...."
"กลับไปก่อนเถอะครับคุณอา ผมรับปากแล้วไงว่าจะกลับไปแน่นอน ถึงผมจะดื้อกับคุณย่ามาก ก็ไม่ถึงขั้นที่จะกลายเป็นหลานอกตัญญู ไม่รู้จักบุญคุณของคน..แม้ว่า ผมไม่ได้อยากมาเกิดในโลกใบนี้นักก็ตาม"
ท้ายประโยคคล้ายพูดประชดกลับไป ไชยยศได้แต่นิ่งฟังเงียบก่อนจะพยักหน้าตกลง ไม่ลืมที่จะแอบอัดเสียงเอาไว้เป็นหลักฐานให้คุณท่าน
"ได้หลักฐานแล้วก็ไปเถอะครับ คุณย่าคงจะไม่โกรธคุณอาแล้วล่ะ"
ต้าร์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของคุณไชยยศหงายขึ้นก่อนจะกดบันทึกข้อความเสียงให้เรียบร้อยอย่างรู้ทัน
ก่อนจะลุกขึ้นพรวดพราดออกไปจากร้านในทันที ทิ้งให้ไชยยศอ้าปากค้างอย่างตกใจที่ถูกจับได้ว่าแอบอัดเสียงแต่หลังจากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาได้เพราะว่างานที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงจะไม่ได้ตัวคุณหนูไปก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย
ไชยยศมั่นใจว่าคนอย่าง ต้าร์ หรือ อธิชนม์ ปุญญพัฒน์ ไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาพร่ำเพรื่อไม่รักษาคำพูด แต่ไหนแต่ไรมาถ้าต้าร์ตอบว่าใช่คือใช่ ตอบว่าไม่ก็คือไม่ ไม่อย่างนั้นคงไม่หนีมาอยู่ภูเก็ตตั้งหลายปีหรอก