หลังจากควานหาสวิตช์ไฟเจอฉันก็รีบโยนกระเป๋าสะพายลงบนที่นอนพร้อมกับกระโดดขึ้นไปนอนเกลือกกลิ้งอย่างสบายอุรา
[อ่านะ ฉันว่าที่มันหลงอ่ะ มันหลงยัยหลิวมากกว่า ไม่ใช่แกหรอกนะยัยคนหลงตัวเอง]
“นี่แกจะโทรมากวนเส้นฉันใช่ไหม ฉันจะได้วาง”
[เฮ้ย ๆ ๆ เดี๋ยวสิไอ้บ้า ฉันมีธุระย่ะ ชิ ๆ แกนี่นะ ฉันเสียตังค์โทรไปหาแกนะ ยังจะมาบ่นอีก] ฉันกลอกตาขึ้นอย่างรำคาญ เสียงยัยน้ำชาช่างแสบแก้วหูเสียจริง [คืองี้ ปูเป้บอกให้ฉันโทรมาบอกแกอ่ะ ว่าพรุ่งนี้จะมีสมาชิกใหม่เข้ามาในคลับ ก็เลยอยากให้แกรู้ล่วงหน้าก่อน]
“หา! อะไรกัน! แค่เราสี่คนยังไม่พออีกเหรอ? แล้วเด็กใหม่จะได้เรื่องไหมเนี่ย ถ้าทำให้ความแตกขึ้นมาจะทำยังไงวะ?” ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความเซ็งนิดหน่อย ให้ตายดิ! หาเรื่องอีกแล้วไงยัยบ้านี่ ถือว่าตัวเองเป็นหัวหน้าคลับหรือไงกัน!
[ก็ไม่รู้ว่ะ ยังไงค่อยว่ากันอีกทีละกัน เดี๋ยวฉันไปทำภารกิจก่อน แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะเว้ย!]
“เออ ๆ ไว้เจอกัน”
ติ๊ด!
ฉันนั่งครุ่นคิดเรื่องเด็กใหม่สักพักก่อนจะลุกไปอาบน้ำ ลางสังหรณ์กำลังบอกฉันว่าเรื่องวุ่นวายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น...
.
.
.
โรงเรียนนานาชาติเซนต์มารีอา
ชมรมแฟชั่น (SG คลับ)
“เอาล่ะ! ทุกคนมากันครบแล้วใช่ไหม? วันนี้ฉันมีสมาชิกใหม่จะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก” ปูเป้หัวหน้าคลับเอ่ยขึ้น หลังจากที่ฉัน น้ำชา โบลิ่ง และหนามเตยเข้ามานั่งรวมตัวกันภายในห้องชมรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่อยากจะบ่นเลยว่าเวลาพักเที่ยงที่แสนมีค่าของฉันและทุกคน ต้องหมดไปกับการแนะนำตัวเด็กใหม่ที่แสนจะไร้สาระสิ้นดี “งั้นเข้ามาแนะนำตัวเลยจ้ะ”
ปูเป้หันไปส่งยิ้มให้กับเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง เธอเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางขัดเขิน ดูจากหน้าตาท่าทางแล้วน่าจะเป็นรุ่นน้องเกรดสิบเอ็ด ที่สำคัญคือฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยล่ะ เด็กคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าห้องแล้วส่งยิ้มกว้างให้พวกเราทุกคน
“สวัสดีพี่ ๆ ทุกคนค่ะ ชื่อยิปซีนะคะ เพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่เป็นวันแรก ฝากตัวด้วยค่ะ” พูดจบเด็กคนนั้นก็โค้งตัวให้เพื่อเป็นการฝากตัว
“ว่าไงนะ...! เพิ่งย้ายมาเหรอ ทำไมปูเป้ถึงรับเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมาล่ะ” ฉันสวนขึ้นทันทีที่เด็กยิปซีพูดจบ ว่าแล้วไงล่ะ! ถึงว่าทำไมไม่คุ้นหน้ายัยเด็กนี่เลย ฉันตวัดสายตามองปูเป้นิ่งเรียบจนยัยนั่นถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก ยัยนี่เล่นบ้าอะไรเนี่ย ไม่ตลกเลยนะ!
“นั่นสิ ไม่กลัวปัญหาจะตามมาทีหลังหรือไง?” หนามเตยลุกขึ้นยืนกอดอกด้วยความไม่ค่อยพอใจ(ยัยนี่เป็นประเภทขี้หงุดหงิดอะนะ) ขณะปรายตามองยิปซี
“เอ่อ...คืออย่างนี้นะสาว ๆ ยิปซีเป็นน้องสาวของเพื่อนฉันเอง แล้วก็เพิ่งย้ายมาเรียนเกรดสิบเอ็ดที่นี่” ปูเป้จับไหล่ยิปซีราวกับให้กำลังใจขณะมองพวกเราทีละคนเพื่ออธิบาย “คือจริง ๆ แล้ว น้องเขาอยากทำงานที่ SG อ่ะ ฉันก็เลยให้เขาลองดู”
“ลองดูเนี่ยนะปูเป้ ไม่ตลกเลยนะ! แล้วถ้าเกิดพลาดขึ้นมาล่ะ”
ต้องบอกว่าตอนนี้ฉันอารมณ์เสียอย่างแรง ไม่ใช่ว่าฉันอคติหรือมีปัญหาอะไรกับเด็กยิปซีนั่นหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าฉันค่อนข้างจะเคร่งครัดกับกฎมากจนปูเป้เองยังไม่ได้ครึ่งของฉันเลย และตอนนี้ปูเป้กำลังจะทำให้คลับต้องเสี่ยงอย่างสุด ๆ ความลับในการทำงานของคลับนี้จะต้องถูกเปิดเผยถ้าเด็กคนนี้ทำภารกิจล้มเหลวหรือเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น มันก็คงจะมีเรื่องวุ่นวายตามมา มันไม่คุ้มเลยนะที่พวกเราจะเสี่ยง!
“อ่า...นิวเคลียร์แกใจเย็น ๆ ก่อนสิ คือฉันเข้าใจนะ แต่แกจะไม่ให้โอกาสน้องเค้าหน่อยเหรอ อีกอย่างนึงตอนนี้ภารกิจก็เข้ามาเยอะ ลำพังพวกแกสี่คนยังวิ่งรอกกันไม่พออีกเหรอ พวกแกรับภารกิจกันทีคนละสองสามภารกิจไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไง ฉันก็แค่อยากหาคนมาช่วยแบ่งเบาเท่านั้นเองนะ” ปูเป้อธิบายช้า ๆ เพื่อโน้มน้าวจิตใจเราทั้งสี่ น้ำชากับโบลิ่งพยักหน้ารับรู้เล็กน้อยส่วนหนามเตยยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“เอ่อ... พวกพี่คะ ให้ซีลองทำเถอะนะคะ ซีเองก็เคยทำงานแบบนี้มาบ้างแล้ว เพราะว่าเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเคยมาขอร้องให้ช่วย พอย้ายมาที่นี่ซีก็เลยอยากลองทำดูบ้างน่ะค่ะ ซีสัญญาเลยนะคะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่พี่ชายตัวเอง” ยิปซีอธิบายอย่างฉะฉาน ฉันเดินหรี่เข้าไปใกล้ก่อนจะเดินวนรอบ ๆ ตัวเด็กคนนั้นเพื่อพิจารณาส่งผลให้เธอตัวสั่นนิด ๆ ฉันปรายตาขึ้นมองหน้าเธอนิ่งพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“เธอรู้เรื่องกฎของ SG คลับหรือเปล่า?”
“รู้ค่ะ” ยิปซีก้มหน้าก้มตาตอบด้วยท่าทางหวาดหวั่น นี่ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอย่ะ ฉันออกจะสวย!
“ถ้างั้นเธอบอกฉันหน่อยสิ ว่ามีกฎอะไรบ้าง…”
ทุกคนมองฉันเป็นตาเดียวอย่างกับว่าฉันกลายร่างเป็นไอรอนแมนงั้นแหละ อะไรกันย่ะ! ฉันก็แค่ถามเรื่องกฎเฉย ๆ ไม่ได้จะงับคอยัยเด็กนี่สักหน่อย!
“เอ่อ...” ยิปซีตัวสั่นเพิ่มขึ้นอีก มือทั้งสองข้างขย้ำกระโปรงตัวเองเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ปูเป้เดินมาจับแขนยิปซีเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ พอฉันตวัดสายตามองยัยนั่นรีบถอยไปยืนที่เดิมทันที
“เธอจะกลัวยัยนิวทำไมย่ะยัยบ้า นี่เธอเป็นหัวหน้าคลับไม่ใช่เหรอไง” โบลิ่งกระซิบใส่ปูเป้เบา ๆ (แต่ฉันได้ยินนะ!) ยัยนั่นทำหน้าหวั่นพร้อมกับทำปากขมุบขมิบ
“ใครจะสู้ล่ะ! เวลายัยนี่เอาจริงน่ะ น่ากลัวยิ่งกว่าผีห่าซาตานซะอีก”
อ่านะ ฉันได้ยินนะเว้ย!