“ว่าไงนะ ทำงานเหมือนพวกเรางั้นเหรอ แล้วเธอรู้ได้ยังไงอ่ะ”
ความรู้ใหม่ที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ทำให้อดไม่ได้ที่ต้องถามออกไป เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมถึงมีคลับแบบนี้อยู่ที่โรงเรียนนั้นด้วยล่ะ
“ก็.. พี่ยิปซัม พี่ชายของซีอ่ะค่ะ เขาเป็นสมาชิกในนั้น” ยิปซีตอบขณะมองรูปอีตาเรดาร์อีกครั้ง “ซีก็คิดอยู่ว่าผู้ชายในรูปหน้าคุ้น ๆ”
“อีตายิปซัมน่ะเหรอ เป็นสมาชิกคลับบ้า ๆ เนี่ยอ่ะ” ยิปซีพยักหน้าตอบรับปูเป้ ยัยนั่นทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาทันที เอ่อ… ไอ้ปูเป้ คลับบ้า ๆ นั่นที่แกว่าอ่ะ มันทำงานคล้ายคลับเราเลยนะ รู้สึกเหมือนแกด่าคลับตัวเองอยู่เลยอ่ะ
“ทำไมฉันไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยล่ะ ว่ามีคนอื่นที่ทำงานคล้ายเราด้วย”
“นั่นสิ แถมยังไม่ต้องปลอมตัวอีกต่างหาก” น้ำชาเสริม ฉันหันขวับไปขมวดคิ้วสงสัยใส่มัน “ไม่เห็นต้องมาลำบากแบบเราเลยอ่ะ”
“แกรู้ได้ไงวะว่าพวก PB ไม่ปลอมตัวกัน”
“อ้าว ก็ในประวัติมันบอกชัด ๆ เลยอ่ะว่าหักอกผู้หญิงมานับไม่ถ้วน งั้นก็แปลว่าพวกนั้นทำภารกิจโดยใช้ตัวตนจริง ๆ กันน่ะสิ” น้ำชาอธิบายพร้อมกับหันไปมองหน้ายิปซีเป็นเชิงถาม ยิปซีจึงพยักหน้าตอบรับ
“ค่ะ เขาไม่ปลอมตัวกันค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นผู้ชายมั้ง มันเลยไม่ค่อยเสียหายเท่าไหร่ถ้าจะเปลี่ยนผู้หญิงบ่อย อย่างดีก็ได้ชื่อว่าเป็นพวกเพลย์บอยทำนองนั้นอ่ะค่ะ”
“แต่มันก็ดูเลวอยู่ดีแหละ” ยัยโบลิ่งเสริมแบบแค้น ๆ ไอ้นี่มันมีความแค้นส่วนตัวกับใครหรือเปล่าฟะ
“อ่านะ ยังดีนะที่คลับเรามีกฎให้ปลอมตัว ไม่งั้นประวัติพวกแกสี่คนคงฉาวโฉ่น่าดูเลย” ไอ้บ้าปูเป้แกเปรียบเทียบให้มันดี ๆ หน่อยเซ่.. พวกฉันเสียหายนะย่ะ
“แล้วแกคิดยังไงถึงค้นประวัติของหมอนี่วะยัยเตย” ฉันหันไปสะกิดแขนมันนิดหน่อย ยัยนั่นทำท่ารำคาญนิด ๆ ก่อนจะลากเมาส์เปิดหน้าต่างข้อมูลใหม่ขึ้นมาให้
“ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง Summit เข้ามาน่ะสิ แล้วจะเอายังไง? จะให้รับภารกิจนี้หรือเปล่าวะ?” หนามเตยหันมาปรึกษาทุกคนก่อนจะรีบออกตัว “แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่รับ”
“รับสิ ฉันจะจัดการเอง!”
“จะดีเหรอวะ? แกจะรับมือหมอนี่ไหวเหรอ เดี๋ยวความลับเราได้แตกกันพอดีอ่ะ” ฉันมองหน้าโบลิ่งที่ตกปากรับทำภารกิจนี้อย่างไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไหร่ ถึงยัยนี่จะไม่บ้าผู้ชายเท่ายัยน้ำชา แต่ภูมิคุ้มกันความหล่อของมันก็ต่ำสุด ๆ เหมือนกัน คิดแล้วหนักใจแทนอ่ะ
“ไหวสิ ฉันแหละเกลียดจริง ๆ เลย ไอ้พวกผู้ชายแบบนี้” โบลิ่งพูดพร้อมกำมือแน่น เอ่อ...ฉันสงสัยตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่ายัยนี่แปลก ๆ พอเห็นรูปอีตาเรดาร์ก็ทำท่าอย่างกับว่าไปโกรธแค้นกันมาสิบชาติ มันชักจะยังไง ๆ อยู่น้า...
“แล้วแกไม่กลัวแพ้ความหล่อของหมอนี่เหรอไง ดูแค่รูปดิ อ๊ายยย หล่อเป็นบ้าเลย กรี๊ด ๆ” นั่นเป็นเสียงของยัยน้ำชา (จอมบ้าผู้ชาย) ที่ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง (นั่นห่วงแล้วเหรอ)
“กลัวดิ”
อ่านะ ฉันส่ายหน้าให้กับเพื่อนรักทั้งสองด้วยความหนักใจในความบ้าผู้ชายของมัน โบลิ่งมันคิดจะรับภารกิจนี้จริง ๆ น่ะเหรอ เฮ้อ... จะไหวไหมเนี่ยเพื่อนช้านนน
.
.
.
หลังเลิกเรียน
ฉันมัวแต่คิดเรื่องเมื่อตอนเที่ยงจนเรียนแทบไม่รู้เรื่อง นึกไม่ถึงว่าจะมีคลับอื่นที่ทำงานคล้าย ๆ SG คลับ แถมยังเป็นกลุ่มผู้ชายที่จ้องคอยทำร้ายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อีกด้วย
“ยัยนิว แกจะไปไหนต่อวะ” ยัยน้ำชาทักขณะเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ฉันจึงหยุดคิดเรื่องพวกนั้นแล้วหันมาเก็บหนังสือใส่กระเป๋าตามมัน
“ไปทำภารกิจแถวเซนต์อังดรูว์อ่ะ” ฉันตอบขณะเราสองคนกำลังเดินออกจากห้องเรียน
“เหรอ ภารกิจไหนอีกวะ นายตั้มแกก็เลิกไปแล้วนิ”
“อีตาบาสอ่ะ เด็กโรงเรียนเซนต์อังดรูว์ไง” ฉันรีบสาวเท้าไปตามทางเดินที่นำไปสู่ชมรมแฟชั่นด้วยความรีบเร่ง ให้ตายเถอะ นี่ฉันนั่งเหม่อจนลืมเวลาเลยเหรอเนี่ย
“เหรอ ไปถึงไหนแล้วล่ะ หมอนั่นหลงแกหรือยังวะ?”
“โอ๊ยย ไอ้บ้า! แกจะมาถามอะไรนักหนาเนี่ย ฉันรีบนะยะ! นัดไว้สี่โมงเย็น นี่ปาเข้าไปจะสี่โมงครึ่งแล้วและไหนฉันจะต้องไปปลอมตัวอีก แกยังจะมาทำให้ฉันสายไปอีกคน” ฉันแหวใส่น้ำชาจนมันหน้าเสียไปเลย
ชิ สมน้ำหน้า คนยิ่งรีบ ๆ ยังจะมาเซ้าซี้อยู่ได้ มันน่านัก!
หลังจากยัยน้ำชาเตลิดกลับบ้านไปแล้ว ฉันเลยมีเวลาแปลงโฉมตัวเอง (สักที) สิบนาทีต่อมาฉันก็กลายร่างเป็นสาวน้อยแสนคิขุที่กำลังยืนเซตผมอยู่หน้ากระจกให้ดูอินเทรนด์แนวเด็กญี่ปุ่นนิด ๆ แต่งตัวด้วยเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนอินเตอร์ไฮสคูลซึ่งเป็นโรงเรียนสห นานาชาติที่อยู่ไม่ห่างไกลจากโรงเรียนฉันสักเท่าไหร่ ก้มลงจัดแจงผูกเนกไทตามสไตล์เด็กนักเรียนญี่ปุ่นหยิบแว่นสายตาขึ้นสวมให้ดูอินเตอร์หน่อย ๆ
อ๊า~หน้าขาว ๆ ซีด ๆ อย่างฉันพอแต่งออกมาอย่างนี้ ถ้าไม่พูดภาษาไทยออกมาทุกคนต้องเข้าใจว่าฉันเป็นเด็กญี่ปุ่นชัวร์!
ฉันรีบนั่งแท็กซี่มาจนถึงหน้าซอยเซนต์อังดรูว์ ก่อนลงเดินเท้าเข้ามาในซอยเพราะในซอยรถแท็กซี่เข้าไม่ได้อ่ะ คนเดินเยอะแยะเลย พอเดินลึกเข้ามาในซอยหน่อยก็เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา แล้วก็เลี้ยวขวาอีกที ไกลจังฟะ ร้อนแล้วนะเนี่ย หลังจากเดินมาร่วมสิบปี (เว่อร์) ในที่สุดก็มาถึงหน้าร้านไอศกรีมแสนน่ารักร้านหนึ่ง ดูจากรูปทรงภายนอกร้านแล้วน่านั่งมากมาย นี่คือสถานที่ที่อีตาบาสนัดฉันมา
กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงกระดิ่งจากประตูร้านที่ฉันเปิดเข้าไปดังขึ้น สักพักก็มีพนักงานสาวเดินออกมาต้อนรับ
“เชิญด้านในเลยค่ะ”
“เอ่อ...คือฉันนัดเพื่อนไว้แล้วน่ะค่ะ” ฉันยิ้มให้พนักงานก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ภายในร้านเล็ก ๆ ที่แสนจะน่ารักน่านั่ง
“ยังไม่มีใครมาเลยค่ะ งั้นเชิญนั่งรอด้านในก่อนนะคะ”
อะไรกัน! นี่ฉันว่าฉันสายแล้วนะ อีตาบ้าบาสสายกว่าฉันอีกเหรอ ฮึ่ม~