ฉันเหลือบตาขึ้นมองอีตาหล่อตรงหน้าที่พูดจาแปลก ๆ ก่อนจะเห็นว่าสายตานั่นจ้องมาที่หน้าอกฉัน กรี๊ดดดดดด ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้คนผีทะเล ฉันรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกและหยิบกล่องกระดาษทิชชู่ตรงกลางโต๊ะปาใส่หน้าไอ้บ้ากาม
“อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะ ไอ้บ้า!”
“ฮ่า ๆ อะไรของเธอเนี่ย แค่แซวเล่นนิด ๆ หน่อย ๆ เอง ซีเรียสไปได้ ฉันชื่อไลท์นะเป็นเพื่อนร่วมห้องกับไอ้บาส” อีตาหื่นกามแนะนำตัวโดยที่ฉันไม่ได้ถาม
“ฉันไม่อยากรู้จัก” ฉันสะบัดหน้าใส่พลางเหลือบมองสายฝนภายนอกร้าน
“แต่ฉันอยากรู้จัก แล้วฉันก็รู้จักเธอด้วย…”
ว่าไงนะ ฉันหันกลับมามองอีตาผู้ชายหน้าหล่อเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล อ่า~หมอนี่ต้องเป็นลูกครึ่งแน่ ๆ หน้าออกไปทางตะวันตกขนาดนี้ เอ๊ะ! ว่าแต่อีตานี่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร
“ระ...รู้จักอะไร?”
“ก็รู้ไงว่าเธอชื่อเอมิที่ไอ้บาสมันคลั่งอยู่ไง?”
ฟู่.. ตกใจหมดไอ้บ้าเอ๊ย! นึกว่าความแตกซะแล้ว ฉันหันกลับไปมองเม็ดฝนที่กำลังโปรยลงมาบนท้องถนนตามเดิม
“แปลกจัง นี่เธอเป็นผู้หญิงคนแรกเลยนะเนี่ยที่ไม่มีท่าทางขัดเขินกับฉันเลย แถมยังไม่สนใจฉันอีกต่างห่าง” อยู่ ๆ อีตาหล่อ (เขาชื่อไลท์ย่ะ) ก็พูดแทรกขึ้นมาแข่งกับเสียงฝน ฉันเลยหันกลับมามองอีกทีก่อนจะเลิกคิ้วสูง
“แล้วทำไมฉันต้องเขินหรือต้องสนใจนายด้วยล่ะ นายไม่ได้มีอะไรให้น่าตื่นเต้นสักหน่อย” ฉันพูดเสียงเรียบเล่นเอานายหน้าหล่อชะงักไปเลยอ่ะ อึ้งเลยเหรอย่ะ! ชิ เสียฟอร์มน่ะสิ เสียใจย่ะ ฉันไม่ตื่นเต้นกับนายหรอก ฉันไม่ได้บ้าผู้ชายเหมือนยัยน้ำชานะ ถึงตอนโดนหอมแก้มจะแอบเขินก็เหอะ
อีตาหล่อ เอ๊ย ไลท์ ขยับมาใกล้ตัวฉัน ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบแก้มฉันเบา ๆ จนฉันผงะไปข้างหลังอย่างตกใจ
เพี๊ยะ!
ฉันตีมือไลท์อย่างแรงไปทีหนึ่งแล้วปัดมือเขาให้ออกไปจากแก้มฉัน ก่อนจะถลึงตาใส่
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนายนะย่ะ อีกอย่างนายก็เป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับฉันด้วย อย่ามาแตะต้องตัวฉันเป็นอันขาด” พูดจบฉันก็เชิดหน้ากลับไปมองนอกหน้าต่างตามเดิม เหอะ! ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สงสัยวันนี้ฉันคงกลับบ้านดึกแหงเลยอ่ะ
Rrr…
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบภายในร้าน ฉันรีบควานหามันขึ้นมากดรับอย่างกระวีกระวาด
ติ๊ด!
“ฮัลโหลลล” ฉันลากเสียงยาวใส่โทรศัพท์ด้วยความเซ็งหนักมาก
[ไอ้นิวแกอยู่ไหนวะ]
เฮียนัท! ตายละหว่า เฮียต้องโทรมาตามฉันแน่เลยอ่ะ ฉันปรายตาไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้านิดหนึ่ง เขากำลังสนใจกับสายฝนข้างนอกหน้าต่างแบบไม่สนใจอะไร ฉันเลยค่อย ๆ กระซิบตอบเฮีย
“เอ่อ...ติดฝนอยู่น่ะ ฝากบอกม้าด้วยนะ ว่าเค้าคงกลับช้าหน่อย” เสียงเฮียเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงที่ดูเซ็งกว่าฉันอีก
[เวร ฉันก็ติดฝนอยู่ว่ะ งั้นแกโทรไปบอกม้าให้ฉันด้วยละกันว่าเราสองคนจะกลับช้า]
ไรฟะ แล้วทำไมไม่โทรไปเองเล่าไอ้เฮียบ้า เปลืองตังค์ (งก)
“แบตเค้าจะหมดแล้วอ่ะ เฮียก็โทรไปเองละกัน (โกหก) ”
[เอ๊ะ ไอ้นี่ แกก็โทร...]
~แต่~แด~แด่~แด้วววว~
ง่ะ แบตหมดจริง ๆ เหรอเนี่ย โฮกกก แง้ ซวยเจงงงง! ฉันมองไอโฟนเครื่องโปรดอย่างไว้อาลัยให้มันก่อนจะลากสายตาขึ้นมาสบนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่กำลังมองมาทางฉันอย่างขบขัน
อีตาบ้าไลท์กระตุกยิ้มขันที่มุมปากก่อนหันกลับไปมองนอกหน้าต่างตามเดิม บ้าเอ๊ย! ทำไมฉันต้องรู้สึกหวิวแปลก ๆ ตอนที่เห็นรอยยิ้มของหมอนั่นด้วยนะ อ๊าก! ผู้ชายบ้าอะไรฟะหล่อได้แม้แต่เวลาขำ อ๋า~รู้สึกเลือดสูบฉีดขึ้นหน้ายังไงก็ไม่รู้ ไม่นะ! ฉันจะมานั่งหน้าแดงให้อีตาบ้านี่เห็นไม่ได้นะ ฉันรีบลุกขึ้นยืนเพื่อซ่อนใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ ของตัวเองจากไลท์ แต่กลับถูกเขาคว้าข้อมือไว้ซะก่อน
“จะไปไหน?” ฉันก้มมองมือตัวเองที่โดนฝ่ามือใหญ่ของเขาจับกุมอยู่ เขามองตามสายตาฉันก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยมือออก
“...จะกลับแล้ว ฉันกลับบ้านดึกไม่ได้ เดี๋ยวม้าเป็นห่วง” ฉันพูดทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูแล้ววิ่งฝ่าฝนออกมาจากร้านโดยไม่หันไปสนใจไลท์ที่มองตามหลังฉันมาด้วยความงุนงง
ก็แหงแหละ อยู่ดี ๆ ฉันก็วิ่งออกมาตากฝนเล่นอย่างนี้นี่นะ
ครืน ๆ เปรี๊ยง!
กรี๊ดดดด!
ฉันทรุดตัวนั่งลงบนพื้นถนนทันทีที่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังลั่นบวกกับแสงสว่างวาบที่แล่บคำรามไปทั่วถนน ฮือออ ฉันกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่สุดเลยยยยย ฉันนั่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองมานั่งอยู่กลางถนนตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งแสงไฟสีส้มอ่อนสองดวงจากหน้ารถเก๋งที่พุ่งทะยานมาด้วยความเร็วสูงส่องมาทางฉัน ฉันเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ในทันทีว่ารถเก๋งคันนั้นกำลังวิ่งมาทางฉันท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมาอย่างหนัก
!!!
กรี๊ดดดดดด!! รถจะชนช้านนนน ฉันหลับตาปี๋หวาดกลัวสุดขีดขณะร่างกายที่สั่นสะท้านเพราะความหนาวปนความกลัวถูกกระชากอย่างแรงจนตัวลอยไปชนกับแผงอกกว้างของใครบางคนพร้อมกับแขนทั้งสองข้างของเขาที่โอบรอบเอวฉันไว้ด้วยความเร็วแสง
ปึง!