“พี่คะ! พี่สาวคนสวยคะ”
“หื้อ~”
ภาพของเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มถักผมเปียสองข้างกำลังก้มหน้ามองฉันตาแป๋วด้วยความสงสัย ฉันกะพริบตาสองสามทีเพื่อเรียกสติก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งบนพื้นสนามหญ้าที่แสนนุ่มราวนอนอยู่บนเตียงก็ไม่ปาน
อ่า...นี่ฉันเผลอหลับขณะนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนสาธารณะเหรอเนี่ย พอเริ่มกวาดสายตามองไปรอบตัวเพื่อทบทวนความจำนิดหน่อยก็เริ่มจำได้ขึ้นมาแล้วแฮะ เอ๋? ฉันหันกลับมามองเด็กผู้หญิงวัยประมาณห้าขวบหน้าตาจิ้มลิ้มอีกครั้ง เด็กคนนั้นยืนถือลูกบอลลูกเล็ก ๆ อยู่ในอ้อมกอดพลางส่งยิ้มให้ฉันอย่างน่ารัก
ว้าว เป็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาและน่ารักมาก ๆ เลยอ่ะ!
“จ้ะ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมถึงจ้องพี่ขนาดนั้นล่ะ” ฉันยิ้มกลับพร้อมคำถาม
“คือ...มันมืดแล้วนะคะ หนูเลยเดินมาปลุกให้พี่สาวกลับบ้าน” เด็กหญิงตัวน้อยพูดขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า จริงด้วยสิ.. นี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้วนี่นา
“งั้นเหรอ ใจดีจังเลยนะ แล้วหนูชื่ออะไรล่ะ?” ฉันลุกขึ้นนั่งย่อง ๆ ตรงหน้าเด็กหญิงคนนั้น
“ชื่อหนูดีค่ะ พี่สาวคะพี่สาว พี่สาวพาหนูดีไปส่งตรงนั้นได้ไหมคะ?”
หนูดีแนะนำตัวพลางเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อฉันสองสามทีก่อนจะชี้มือไปอีกฟากหนึ่งของถนนแล้วหันมาทำหน้าอ้อนใส่ฉันอีกครั้ง
เด็กอะไรน่าหยิกแก้มมากเลยอ่ะ
“บ้านหนูดีอยู่ฝั่งนั้นเหรอจ๊ะ อืมม....ก็ได้จ้ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
ฉันหันไปเก็บหนังสือสอบที่หอบมาอ่านสองสามเล่มบนพื้นหญ้าก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางใช้มือปัดเศษหญ้าออกจากเสื้อผ้า สวนสาธารณะแห่งนี้คือที่ที่ฉันชอบมานั่งอ่านหนังสือเป็นประจำเมื่อมีเวลาว่าง และวันนี้ฉันว่างเพราะเป็นวันเสาร์ซึ่งงดการทำภารกิจหนึ่งวัน เพื่ออะไรน่ะเหรอ เพราะวันจันทร์ฉันต้องสอบแล้วน่ะสิ
“มาสิ... เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
ฉันยื่นมือให้หนูดีที่ยืนกอดลูกบอลมองตาแป๋ว หนูดียิ้มตอบกลับพร้อมกับยื่นมือเล็ก ๆ ป้อม ๆ มาให้ฉันจูงอย่างว่าง่าย เราสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่ริมถนนเพื่อรอข้ามฝั่ง ฉันหันมองซ้ายมองขวาเพื่อมองรถที่แล่นอยู่เต็มท้องถนน
ดึ๋ง ๆ
“อ๊ะ! ลูกบอลของหนูดี” ฉันก้มลงมองตามเสียงร้องของหนูดีที่ตอนนี้ดึงมือออกจากมือฉันไปอย่างรวดเร็ว หนูดีวิ่งถลาเข้าไปหาลูกบอลที่กำลังกลิ้งออกไปกลางถนน
หา!! กลางถนน!!!
“อ๊ะ!!! หนูดี ระวัง!!!”
ตึก ตึก ตึก
ฉันวิ่งถลาออกไปอุ้มหนูดีตามสัญชาตญาณมนุษย์ ก่อนจะผลักเจ้าตัวเล็กเข้าไปริมถนนเบา ๆ
ปริ๊นนนน!!!
กรี๊ดดดดดดด!
ฉันที่ยังยืนอยู่กลางถนนหันกลับไปมองเสียงแตรรถด้วยความตกใจก่อนจะกรีดร้องดังลั่น เมื่อเห็นไฟหน้ารถสองดวงกำลังวิ่งตรงมาที่ตัวฉัน อ๊ากกก อีกแล้วเหรอเนี่ยยยย... ตายแน่ฉันนนน!!
พรึ่บ!
เอี๊ยดดดดดด!
เสียงเบรกรถดังก้องไปทั่วพร้อมกับร่างฉันที่กระเด็น เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ เหมือนถูกอุ้มมากกว่า ฉันถูกแขนของใครบางคนตวัดรัดรอบเอวไว้ก่อนจะกระแทกลงบนพื้นอย่างนิ่มนวล นิ่มจริง ๆ อ่ะ ไม่เจ็บเลยสักติ๊ด ฉันหลับตาปี๋แบบไม่ยอมรับรู้อะไรเลย ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัดไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจของใครบางคนที่หายใจรดต้นคอฉันด้วยความเหนื่อยหอบพร้อมกับแผ่นอกกว้างที่กระเพื่อมขึ้นลงถี่ ๆ ที่อยู่ภายใต้ร่างของฉัน แง้ ฉันว่าเหตุการณ์นี้มันคุ้น ๆ จังเลยอ่ะ
เกิดอะไรขึ้น! นี่ฉันตายหรือยังอ่ะ ไม่กล้าลืมตาแล้ว กลัวเลือดดดด
“เฮ้! จะทับอีกนานไหมยัยบ้า ฉันหนักนะ!”
เอ๊ะ! เสียงใครมาตะโกนข้างหูฟะ เสียงยมทูตหรือเปล่า โฮกกก
“นี่! ยัยเบ๊อะ ลืมตาสักทีเซ่~ ฉันหนักโว้ย”
โป๊ก!
อ๊ะ! ใครดีดหน้าผากฉันฟะ มันเจ็บนะ คนกำลังนอนสบายเลยอ่ะ
ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นทีละข้างอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แง ฉันตายหรือยังอ่ะ!
กรี๊ดดดด ทันทีที่ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นก็ต้องตกใจอย่างแรงกับภาพที่เห็นในตอนนี้ ใบหน้าหล่อเหล่าคมเข้มเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อของชายหนุ่มตรงหน้า ริมฝีปากเรียวบางของเขาเม้มแน่นเหมือนกำลังเจ็บปวดอะไรบางอย่าง ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลจ้องฉันด้วยสายตาที่อ่านความรู้สึกไม่ออก ใบหน้าของเราสองคนห่างกันเพียงไม่ถึงคืบและที่ต้องตกใจมากกว่านั้นคือฉันนอนทับร่างเขาอยู่อ่ะ
อ๊าก ว่าแล้วเชียวว่าทำไมกระแทกพื้นไม่เจ็บเลย เพราะฉันนอนทับร่างเขาอยู่นี่เอง ฮืออออ ร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของฉันนน
“จะลุกขึ้นได้หรือยัง ฉันหนัก”
“อ๊ะ”
พรึ่บ!
ฉันรีบดันตัวออกจากผู้ชายตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขยับลงมานั่งบนพื้นริมถนนด้วยอาการที่ยังช็อกกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่พอหันกลับไปมองบนถนนที่ยังคงมีรถแล่นผ่านไปมาปกติเพื่อมองหารถต้นเหตุก็ไม่พบซะแล้ว
“พี่สาวคะ พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” หนูดีเดินจูงมือหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งมาทางฉันด้วยหน้าตาตื่น ๆ
“เอ่อ...” กำลังช็อกค่ะ
“หนูจ๊ะ! ไม่เป็นไรใช่ไหม? เจ็บตรงไหนกันหรือเปล่า น้าต้องขอโทษแทนยัยหนูดีด้วยนะจ๊ะ” ฉันที่ยังจูนเหตุการณ์อยู่เลยพูดอะไรไม่ออกทำได้เพียงส่ายหน้าเบา ๆ แล้วส่งยิ้มกลับไปให้คุณน้าคนนั้น
“ไม่เป็นไรแล้วครับ คุณน้าพาน้องกลับบ้านเถอะครับ”
“เอ๋? เอางั้นหรือจ๊ะ ไม่บาดเจ็บตรงไหนแน่นะ” คุณน้ามองฉันด้วยความกังวล แต่เสียงทุ้มต่ำจากผู้ชายด้านหลังฉันก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ไม่หรอกครับ เธอแค่ตกใจเท่านั้นเอง”
“เอ่อ...งั้นก็ได้จ้ะ งั้นน้าไปก่อนนะจ๊ะ ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม ยัยหนูด้วยนะจ๊ะ ขอบคุณที่ช่วยหนูดีไว้ ขอบใจทั้งสองคนจริง ๆ”
ฉันพยักหน้าเบา ๆ แล้วส่งยิ้มให้คุณน้า หนูดีหันกลับมาโบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้หลังจากที่ทั้งสองคนเดินห่างออกไปแล้ว
เฮ้อ~นี่มันอะไรกัน เมื่อกี้ฉันจะถูกรถชนใช่ไหม แง้ว สงสัยดวงฉันต้องตายเพราะรถชนตายแหง ๆ เลยอ่ะ โชคดีชะมัดที่มีคนเข้ามาช่วยไว้ได้อีกแล้ว...