นี่! พี่จะทำอะไร”
เดวาเบิกตาโพลงพยายามหดคอหนี ลมหายใจอุ่นร้อนของคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง แต่กลายเป็นโอกาสให้ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้เข้าที่ซอกคอและจุดอ่อนไหวอย่างติ่งหู
“แล้วคิดว่าจะทำอะไรล่ะ?”
“เด…ไม่รู้”
“ไม่รู้?”
รามิลแค่นเสียงในลำคออย่างเย้ยหยัน เมื่อได้ยินร่างบางตอบเสียงแผ่วว่าไม่รู้ มือหนาออกแรงกดข้อมือเล็กไว้แน่นพลางดันร่างทาบทับจนเธอแนบไปกับผนังห้อง
“มะไม่รู้ค่ะ…พี่รามถอยออกไปอีกได้ไหม” แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมาเป็นปีแต่เธอก็ไม่ชินสักทีเวลาต้องใกล้ชิดกัน อีกอย่างแม้ทั้งตัวและหัวใจจะเป็นของเขา แต่ในความเป็นจริงเรายังเหลือขั้นตอนสุดท้ายที่ยังไม่ทำ
เขาให้เกียรติเธอมากจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเย็นชาอยู่ดี แต่ไม่เป็นไรน้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจคน เดวาครุ่นคิดกับตัวเองในใจ จนไม่ได้สังเกตเลยว่าอาการเหม่อลอยของตัวเองทำให้ใครอีกคงมองด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่ว่าจะครั้งไหน ๆ สายตาของเดวาจะหยุดอยู่ที่เขาเสมอ ดังนั้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กใจลอย จึงทำให้รามิลรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ถอย? ฮะ ๆ ถอยเข้าถอยออกน่ะเหรอ ได้สิ” เขาแค่นหัวเราะในลำคอและเอ่ยสองแง่สองง่าม ก่อนจะจัดการเหวี่ยงร่างบางลงไปบนโซฟาเบจ จนร่างบางเผลอกรีดร้องเสียงดังเมื่อถูกเขากระชากโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“กรี๊ด!”
มุมปากของเขากระตุกยิ้มภายใต้ความมืด มีเพียงแสงไฟสลัวจากห้องนอนที่เล็ดลอดภายเข้ามาเท่านั้น เดวาถูกเขาเหวี่ยงจนงุนงง ก่อนนัยน์ตาจะปรับให้ชินกับความมืด ร่างกายพลันหนักอึ้งเมื่อเรือนร่างกำยำตามมาคร่อมทับ
“อื้อ…พี่รามเดหนักอย่าเล่นแบบนี้”
“แค่นี้ยังไม่หนักหรอก” เพราะคืนนี้เธอจะได้หนักกว่านี้อีก รามิลหรือรามแสยะยิ้มอยู่ในใจพลางมองกระต่ายตัวน้อยใต้ร่างอย่างเหนือกว่า มือหนาแตะลงบนปลายคางเรียวให้เชิดขึ้นจนนัยน์ตาของทั้งคู่สบประสานกัน
“เดวา ไหนบอกมาสิว่าวันนี้เธอไปเดินยั่วผู้ชายที่ห้างทำไม?”
“พี่ราม! เดไม่ได้ไปยั่วผู้ชายนะ สมองพี่คิดได้แค่แบบนี้เหรอ” ร่างบางหน้าชาไปชั่วขณะก่อนจะตวาดเขาเสียงแข็ง
“ตอบสิ ว่าไปทำไมทั้งที่ปกติเธอแทบไม่ออกไปไหน” ที่เขาเลือกเธอเพราะเดวาเข้าใจอะไรง่าย และชอบเก็บเนื้อเก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้คนทำให้ไม่มีใครระแคะระคายเรื่องระหว่างทั้งคู่ ที่สำคัญเขาไม่ชอบแบ่งปันคนกับใคร
“ก็พาเจแปนไปทำสปาผม” เดวาตอบเสียงห้วนอย่างขุ่นเคือง โดยหันหน้าไปอีกทางไม่ยอมสบตาเขา แต่เมื่อคนที่อยู่เหนือร่างได้ยินคำตอบเขาก็เอ่ยเสียงแข็งมือที่แตะปลายคางเปลี่ยนมาเป็นบีบไว้แน่นจนร่างบางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ใครคือเจแปน!” บางทีรามิลก็ไม่รู้เลยว่าคำตอบที่ได้รับ จะทำให้กลางอกร้อนผ่าวราวกับมีไฟสุมทรวง แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าผู้ชาย
“นี่ สมองพี่เคยจำอะไรเกี่ยวกับเดได้บ้างไหม เจแปนคือเพื่อนสนิทที่เคยเล่าให้ฟังไง ใช่สิพี่มันไม่เคยใส่ใจเรื่องของเดอยู่แล้ว” ดวงตากลมโตแสนซื่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใสเพราะน้อยเนื้อต่ำใจ ใบหน้าแสดงออกมาอย่างเจ็บปวด น้ำเสียงแผ่วเบาตัดพ้อของคนใต้ร่าง กลับทำให้กลางอกที่กำลังถูกแผดเผาราวกับถูกน้ำเย็นสาดกระเซ็น มือหนาจึงลดแรงที่บีบปลายคางของเธอลงเล็กน้อย
“ทั้งที่เดวามีอะไรก็เล่าให้ฟังตลอด พี่กลับฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ทั้งที่มันน่าโกรธและโมโหมากแต่เดก็ไม่เคยโกรธพี่ลงเลย ทีนี้เป็นยังไงพอใจพี่หรือยัง!” จะไม่ให้น้อยใจได้ยังไงเขาไม่เคยทำตัวแบบนี้กับเธอสักครั้ง พี่รามเหมือนมีเกราะน้ำแข็งทั่วทั้งร่าง นิ่งเฉย เย็นชา เวลาพูดอะไรก็จะนิ่ง ๆ แต่วันนี้กลับโกรธแค่เพราะเธอไปห้าง ยังใช้คำพูดร้ายกาจหยาบคาย และทำเธอเจ็บตัวด้วย
นี่เขาเป็นอะไร!
นัยน์ตาคมกริบหลุบลงมองคนใต้ร่างนิ่ง แววตาราบเรียบเกิดระลอกคลื่นบางเบาเมื่อได้ยินคำอธิบายแสนตัดพ้อ และต่อ ทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงแต่ส่วนอื่นกลับไม่ได้สงบตาม เมื่อเรือนร่างของเราทั้งสองนั้นเสียดสีกันไปมา
เขากับเธออยู่ในความสัมพันธ์ที่มีเพียงสองคนที่รับรู้ เดวายอมรับเงื่อนไขของเขาเพียงเพราะเข้าใจว่าเขายังคงรักมั่นกับเมอาอดีตคู่หมั้นไม่เสื่อมคลาย เธอพยายามจะใช้ความดี อ่อนโยน และหัวใจอันบริสุทธิ์แทรกซึมเข้ามาในในของเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเพียงกับดักที่เขาวางเอาไว้
ค่อย ๆ ตะล่อมและสัมผัสเธอจนไม่อาจถอนตัวออกจากวังวนนี้ไปได้ เหลือเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ทำ ไม่ใช่เขาเป็นคนดี ไม่ใช่ว่าให้เกียรติแต่เขากำลังรอคอยต่างหาก ถ้าอยากจะกินวัวเนื้อให้อร่อยก็ต้องเลี้ยงดูมันอย่างดี เอาใจใส่ดูแลขุนมันจนอ้วนพีแล้วค่อยเชือด นั่นแหละคือความอร่อยจริง ๆ
กับเดวาก็เหมือนกัน เขามีความอดทนมากพอที่จะรอจนเธอถลำลึกเมื่อนั้นไม่ว่าจะตัวหรือหัวใจก็ไม่มีทางรอดเงื้อมมือเขา และเป็นหมากชั้นดีที่สามารถนำมาต่อกรกับใครบางคนได้
ถ้าคนใต้ร่างรู้ว่าเขาเลือดเย็นขนาดนี้ เธอคงนึกเสียใจน่าดู…
“ขอโทษ…” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแม้จะฟังดูราบเรียบ แต่กลับทำให้เดวาเบิกตาโพลงด้วยความตระหนกทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขายอมขอโทษ ปกติเราไม่ค่อยทะเลาะกันรุนแรงแต่จากที่เรียนรู้นิสัยของเขา รามิลไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนข้อให้ใคร
ดังนั้นเธอจึงรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าความสำคัญของเดวาในใจรามิลจะมีมากขึ้นกว่าเดิม
“พี่ขอโทษ…”
เห็นเธอยังคงนิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ และสีหน้าซีดเผือดเขาจึงยื่นมือไปเกลี่ยเส้นผมที่แนบกับผิวแก้มออกอย่างแผ่วเบาพลางเอ่ยปากขอโทษอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้เดวาอุ่นซ่านไปทั้งใจและเป็นการปิดประตูลงกลอนหัวใจให้เธอไม่อาจถอนตัวออกไปจากเขาได้อีก แค่มองตาก็รู้ว่าหญิงสาวหวั่นไหวมากแค่ไหน
“พี่ราม…หึงเดวาเหรอคะ”
ร่างบางช้อนสายตามองเขาอย่างพาซื่อ เพราะคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าทำไมวันนี้ปฏิกิริยาของเขาถึงรุนแรงมากขนาดนี้ จนกระทั่งได้ข้อสรุปเดียวเลยคือเขาหึงเธอ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความกระจ่างใสจนรามิลชะงักงั้นไปชั่วขณะ
วันนี้เขาไม่ชอบใจที่ผู้ชายพูดถึงเดวา แม้ออกจากห้างไปแล้วบังเอิญเจอพวกเด็กเทคนิคที่พูดจาหยาบคายและทะลึ่งใส่เธอเขายังกระทืบจนพวกมันขวัญหนีดีฟ่อ แต่ก็ยังพูดไม่ได้ว่าหึง
ไม่ได้ชอบจะหึงได้ยังไง…ก็แค่ไม่พอใจ
“ก็คงงั้น…” เพราะสายตาใสซื่อนั่นกำลังคาดหวังและรอคอยทำให้เขาต้องรีบดึงสติและตอบกลับ แม้จะคลุมเครือแต่ก็ทำให้เธอดวงตาเป็นประกาย รอยยิ้มเล็ก ๆ แต่งแต้มบนใบหน้าสวยจนเขาอดใจไม่ไหวโน้มหน้าลงไปพรมจูบลงบนแก้มนวล
กลิ่นกายอันแสนคุ้นเคยผสานกลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้เธอมึนเบลอไปชั่วขณะ ริมฝีปากร้อนจัดทาบทับลงมาทำให้ขนอ่อนในกายลุกชัน ปลายเท้าจิกเกร็งและความรู้สึกวาบหวามกำลังปะทุเมื่อเขาจรดริมฝีปากลงบนแก้มและลากมันมาตามกรอบหน้าเรื่อยลงมาจนถึงซอกคอขาวผ่อง
“อ๊ะ!”
เดวาเผลอสะดุ้งเมื่อคมเขี้ยวของเขางับลงบนซอกคอจนเจ็บแปลบ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันจะต้องเป็นรอยช้ำแน่นอน แต่เมื่อจะเอ่ยปากประท้วง นัยน์ตาที่เบิกกว้างพลันหดรัดลงเมื่อลิ้นสากตวัดเลียลงบนรอยคมเคี้ยวราวกับปลอบประโลม แต่กลับสร้างความปั่นป่วนให้กับเธอได้อย่างมหาศาล
ร่างกายของเธอกระสับกระส่ายราวกับจับไข้ ทุกครั้งที่เขาสัมผัสไม่มีครั้งไหนเลยที่มันจะเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ ริมฝีปากของเธอเม้มแน่นอย่างข่มกลั้นอารมณ์แสนวาบหวาม พลางขยับสะโพกไปมาเพราะรู้สึกไม่สบายตัว แต่กลับเป็นการจุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน เมื่อความแข็งขืนบางอย่างใต้กางเกงของรามิล มันกำลังขยายใหญ่ขึ้นจนเขาขบกรามแน่น
“อย่าขยับ”
เสียงทุ้มติดแหบพร่ากระซิบข้างใบหู ทำให้เธอขนลุกซู่ ร่างกายแข็งเกร็งขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม มือที่ถูกปล่อยเป็นอิสระกำเข้าหากันแน่น เนื้อตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่างเมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังคุมคามหน้าท้อง เธอจึงเผลอครางเสียงแผ่ว
“พ…พี่ราม”
“อย่าเรียกชื่อพี่…ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ไม่อย่างนั้นร่างกายมันอาจจะเสียการควบคุมเพราะเธอได้”