“ไอ้แปง/ลูแปง!”
เจ้าของชื่อสบถคำหยาบออกมาอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ทัน ตามมาด้วยเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของแบร์และอาไก
ทำให้หญิงสาวผู้โชคร้ายอย่างเดวาค่อย ๆ เปิดเปลือกตาดูภาพตรงหน้าทีละข้าง หัวใจของเธอเต้นแรงมากจนแทบทะลุออกมา เพราะความหวาดกลัว ดวงตากลมโตสดใสราวกระต่ายป่าปะทะเข้ากับนัยน์ตาคมกริบแสนอันตรายดั่งราชสีห์ของรามิลเข้าอย่างจัง ทำให้เธอชะงักและเหม่อมองลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้นราวกับถูกมันดึงดูด คนตรงหน้ายืนห่างออกมานอกวง เขากำลังจับจ้องมองมาที่เธอนิ่ง ๆ แต่ชั่วขณะนั้นกลับมีความขุ่นเคืองวาบผ่านชวนให้เธอสงสัยว่า
เขาโกรธอะไรหรือเปล่า?
แต่ก็ต้องพับเก็บความคิดนั้นลงไปเมื่อคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรให้เขาโกรธหรือโมโหสักนิด มีแต่เขานั่นแหละที่มาหาเรื่อง
“มึงเหี้ยจริง ๆ อยากเหมาทั้งแผงก็ไม่บอก”
ทุกสรรพสิ่งพลันเงียบกริบเมื่อได้ยินเสียงทุ้มลึกเย็นชาบ่งบอกถึงความสมเพชดังขึ้นมาจากรามิล ชายหนุ่มยังคงยืนกอดกระป๋องเบียร์ไว้เต็มอ้อมแขนอย่างปกติ แต่ถ้ามีคนสังเกตสักนิดจะรู้ว่าเมื่อกี้เขากำลังเก็บปลายเท้ากลับที่เดิม
“ก็เหี้ยล่ะ! มึงเอาตาไหนดูวะเมื่อกี้กูสะดุดอะไรยังไม่รู้เลย” ลูแปงโวยวายกลบอาการเสียหน้าของตัวเอง
“ก็ถ้ามึงมีตาจะสะดุดได้ยังไง?” รามิลเลิกคิ้วยิ้มเยาะ
“กูไม่รู้โว้ย หรือจะเป็นเธอที่แอบขัดขาฉัน”
“ป..เปล่านะคะ” เธอกลัวจนหัวใจจะวายยังมีอารมณ์ที่ไหนไปขัดขาของเขากันเล่า แต่เมื่อเลื่อนสายตาไปมองยังบุคคลที่นิ่งเงียบมากที่สุดอย่างรามิล เดวาก็รู้สึกแปลกใจระคนสงสัย นอกจากเธอที่ยืนใกล้คนชื่อลูแปงมากที่สุดก็คือ พี่ราม !
“ฉันไม่เชื่อโว้ย ตอนกลางวันก็อีกเรื่อง ตกเย็นก๋อีกเรื่องเธอตายแน่!”
ลูแปงโวยวายอย่างหัวเสียและพยายามยัดข้อหาให้กับหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นี่ ทำให้แบร์กับอาไกจะเข้ามาแยกแต่เจ้าของฉายาแสนเย็นชาอย่างรามิลกลับเอ่ยขัดเสียก่อน
“รำคาญ!” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างเย็นชา
“แต่ว่า!”
ลูแปงเอ่ยอย่างไม่ยินยอม จนกระทั่งเจอรามิลปรายตามองอย่างเย็นชาเขาจึงสงบปากสงบคำ แต่กลับหันมาถลึงตาใส่หญิงสาวตัวเล็กบอบบางเพื่อระบายความอัดอั้นแทน
เดวาเบิกตากว้างมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลานัยน์ตาคมกริบตวัดใส่ลูแปงอย่างดุดัน ก่อนจะกระแทกกระป๋องเบียร์ในอ้อมแขนใส่เพื่อนจนหมดและหันหลังเดินออกไป
ทั้งแบร์และอาไกต่างก็อดยกมือป้องปากหัวเราะไม่ได้ เมื่อรามิลเดินออกไปพวกเขาจึงระเบิดหัวเราะเสียงดังไม่เกรงใจใคร ส่วนเดวาก็ไม่ได้สนใจพวกเขา ดวงตากลมโตกำลังจับจ้องมองแผ่นหลังแกร่งของคนคนนั้นค่อย ๆ หายลับไปจากครรลองสายตา ทั้งที่เขาไม่ได้ออกตัวช่วยเธอแท้ ๆ แต่ทำไมกันนะก้อนเนื้อในอกพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด และยังรู้สึกโล่งอกมากที่ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีเรื่องมีราว
“เดี๋ยว! นั่นเธอจะไปไหนฉันยังพูดไม่จบเลยนะ”
เพราะอีกคนไปแล้วเธอจึงปลีกตัวออกมาอย่างเงียบงัน แต่ไม่คาดว่าเสียงดังเจ้าของอารมณ์ของคนชื่อลูแปงจะตะโกนรั้งเอาไว้
“ขอโทษนะคะ แต่เดวามีขาค่ะ” ทำไมเธอต้องรอเขาเชิญเสด็จล่ะในเมื่อมีขาก็เดินออกมาเองเลยสิ…นี่ไม่ได้กวนตีนเลยนะ
“ฮ่า ๆ น้องมันได้ใจมากเลยวะ”
“ถ้าเป็นคนอื่นนะ ฮ่า ๆ กูคิดว่ากวนตีน”
อาไกได้ยินประโยคนั้นก็เอ่ยพลางกลั้วหัวเราะพร้อม ๆ กับแบร์ทันที แค่ฟังก็รู้แล้วว่ากวนตีน แต่เพราะหญิงสาวเอ่ยตอบด้วยดวงตาใสซื่อ ใบหน้างงงวยน่าเอ็นดู พวกเขาจึงไม่อาจคิดไปได้ว่าเธอกำลังกวนประสาทลูแปงอยู่
“ไอ้พวกเพื่อนเลว ยังจะหัวเราะอยู่อีก ส่วนเธอจะไปไหนวะคิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะปล่อยไปง่าย ๆ เหรอ!”
“เอ่อคุณลูกค้าคะ รบกวนไปชำระค่าเสียหายด้วยนะคะ”
ชายหนุ่มทั้งหัวเสียทั้งอับอายจะวิ่งตามไปกระชากข้อมือของเดวาแต่กลับโดนพนักงานที่ดูแลประจำโซนเอ่ยรั้งไว้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เขาจึงไม่สามารถปลีกตัวมาจัดการเธอได้
ส่วนเดวาก้าวฉับ ๆ ออกจากห้างด้วยใบหน้าคิดไม่ตก ริมฝีปากขมุบขมิบพึมพำถึงชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาคมกริบ
“ตัวเองเอาเรื่องเข้ามาหาแท้ ๆ ดันสะบัดหน้าหนีไปก่อน น่าหมั่นไส้จริง ๆ เลย!” วันนี้เธอเรียนเหนื่อยสายตัวแทบขาดยังต้องมาต่อสู้กับแมลงสาบและรามิลอีก แย่มาก!
ส่วนเขาน่ะเหรอคงจะกลับไปปาร์ตี้มีความสุขสนุกสนานอยู่สินะหลังจากหาเรื่องให้แล้ว คอยดูนะถ้าเมาแล้วมาเคาะห้องโดนดีแน่ เดวานึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ พลางเดินไปยังบริเวณที่จอดรถของตัวเอง แต่ระหว่างนั้นกลับมีฝีเท้าหลายคู่วิ่งลนลานพุ่งมาทางเธอจนชนกันโครม
ตุบ!
“โอ๊ย อะไรอีกเนี่ย!” วันนี้ขอสามคำ โคตรซวยเลย!
“หลบไป ๆ อย่ามาเกะกะขวางทาง”
เดวาที่ล้มก้นจ้ำเบ้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่วิ่งชนเธอทันที ใบหน้าสวยน่ารักน่าเอ็นดูงอง้ำนัยน์ตากลมโตเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นผู้ชายในชุดเทคนิคสามคนทำท่าลนลานเหมือนหนีใครมา
“พวกนายวิ่งมาชนเองนะ ยังมีหน้ามาว่าฉันอีกเหรอ!” คนตัวเล็กทรงตัวได้ก็เอ่ยปากประท้วงขึ้นมาทันที ทำให้บรรดาวัยคะนองสามสี่คนกำลังจะเอ่ยปากปะทะ แต่เมื่อทั้งหมดเห็นใบหน้าของหญิงสาว พวกเขาก็หน้าซีดเผือดพลางยกมือสะกิดกันไปมา
“อะไร…” ทำหน้าอย่างกับเห็นผี เดวาที่ควรจะง้างปากตำหนิพลันหุบปากฉับสีหน้างุนงงสับสน
“ผ…ผมขอโทษครับพี่”
“ใช่ครับ ๆ พวกเราขอโทษ”
บรรดาเด็กหนุ่มต่างแย่งกันขอโทษขอโพย พลางมองใบหน้าของเดวาอย่างตะลึงตะลาน คนที่ผ่านไปผ่านมานึกว่าหญิงสาวโดนหาเรื่อง แต่เหตุการณ์กลับผิดคาดเมื่อเด็กหนุ่มตัวสูงท่าทางอันธพาลใบหน้ามีรอยแผลต่างก็หวาดกลัวหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ทำให้คนที่มองเข้ามาค่อนข้างสับสน
“เอ่อ…ไม่เป็นไร แต่คราวหน้าอย่าเร่งรีบจนเกินไปแบบนี้อีกนะ ไม่ใช่แค่ตัวเองจะบาดเจ็บ แต่คนอื่นก็จะเดือดร้อนไปด้วยยังต้องเสียเวลามาทะเลาะกันอีก” บรรดาเด็กหนุ่มถึงกับเลิ่กลั่กมองหน้าสบตากันขนาดแม่ที่บ้านยังไม่บ่นยาวขนาดนี้เลย พวกเขาจึงยิ้มแห้งก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปก่อนที่เดวาจะได้เอ่ยจบ
“เอ้า! เด็กพวกนี้นี่”
ร่างบางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเดินไปขึ้นรถส่วนตัวที่จอดอยู่ไม่ไกล โดยไม่ได้ฉุกคิดท่าทางของเด็กพวกนั้นในตอนแรกที่หยาบคายใส่ แต่พอเห็นหน้าของเธอก็เบิกตากว้างหน้าตาตื่นราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน
Penelope Condo
21.14 น.
กว่าจะถึงคอนโคเวลาก็ล่วงเลยผ่านมาถึงสามทุ่มกว่าแล้ว ปกติเธอไม่ใช่เด็กอนามัยอะไรหรอก ชีวิตแสนจะเรียบง่ายเรียน กลับมาอ่านหนังสือ แม้ปีหนึ่งจะไม่ได้เรียนหนักหนาสาหัสแต่เพราะนี่คือคณะแพทย์มันก็เลยไม่ง่าย ยิ่งขึ้นปีสองมายิ่งมีวิชาเรียนที่ค่อนข้างสับซ้อนเพิ่มขึ้น
เดวาจัดการทำธุระของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะออกมานั่งซับผมที่เปียกชุ่มอยู่นอกห้อง แม้ดาน่าน้องสาวตัวแสบจะแนะนำให้ใช้ไดรฟ์เป่าผมจะได้ประหยัดเวลามากกว่า แต่เดวารู้สึกว่าการนั่งซับผมไปทีละนิดทีละหน่อย พร้อมกับการดูหนังในสตรีมมิ่งก็ค่อนข้างน่าสนใจ จนกระทั่งล่วงเข้าสู่ช่วงกลางดึกหนังที่มีความยาวเกือบสามชั่วโมงใกล้จะจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นไม่เกินความคาดหมายของเธอมากนะ
“มาแล้วสินะปีศาจร้าย!”
เธอแค่นเสียงในลำคอก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย แน่สิใครจะอารมณ์ดีที่เขามากัน
“เปิดช้า”
ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูจนสุด อีกฝ่ายก็แทรกกายเข้ามาภายในห้องราวกับเป็นเจ้าของ น้ำเสียงทุ้มกดลึกเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งปะทะใบหน้าของเธอจึงต้องถลึงตามองเขาอย่างขุ่นเคือง
“ก็ไม่ได้อยากต้อนรับ”
“ทำไม”
ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แสงไฟสลัวเรียบนิ่งจนน่ากลัว ความเย็นชาของเขาเธอนั้นสัมผัสมันได้เป็นอย่างดี แต่อดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความไม่พอใจที่มีต่อเขา เดวากับรามิลอยู่ในสถานะที่อธิบายยากมาเป็นปีเธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าทุกครั้งที่ดื่มมา เขาจะชอบกินของเผ็ด ๆ ร้อน ๆ ดังนั้น เมื่อมีปาร์ตี้ดึกดื่นค่อนคืนมากแค่ไหนรามิลก็จะมาเคาะประตูห้องเดวาเพื่อหาของกิน แต่วันนี้เธอเคืองและไม่อยากทำอะไรเพื่อเขาทั้งนั้นจึงเอ่ยเสียงแข็ง ทำให้ชายหนุ่มเรือนร่างสูงเผยสีหน้าเย็นเยียบ
“วันนี้คงไม่มีต้มมาม่าแซบ ๆ ให้พี่กินหรอกนะคะ เชิญกลับไปได้เลย” อยากจะไปกินที่ไหนก็ไป คิดแล้วเคืองมากที่เพื่อนเขาพูด ไม่รู้จริงไม่จริงแต่เธอก็ไม่ชอบ ผู้หญิงน่ารัก ๆ และสวย ๆ ไม่รอดเงื้อมมืออย่างนั้นเหรอ หึ!
รามิลขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเดวาเอ่ยทั้งอย่างนั้น นัยน์ตาคมกริบเรียบนิ่งจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูที่ปราศจากเครื่องสำอาง ก่อนมุมปากของเขาจะยกขึ้นอย่างร้ายกาจ ไม่มีสักครั้งที่เดวาจะปฏิเสธแต่วันนี้กลับปีกกล้าขาแข็งไม่เบา เขาจึงสาวเท้าเขาไปใกล้จนเธอสะดุ้งถอยหลังหนี
“เหรอ ดีเลยก็ไม่ได้อยากกินอะไรแซบ ๆ สักเท่าไร เพราะวันนี้ดันเกิดหิวแกงจืดซะมากกว่า”
“อ๊ะ!” ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อถูกจับพลิกติดผนังห้อง ใบหน้าสวยกดแนบกับความเย็นเฉียบ ข้อมือสองข้างถูกจับไพล่ไปด้านหลังด้วยมือหนาราวกับคีมเหล็ก ก่อนจะมีเรือนกายกำยำตามมาทาบทับจนร่างกายไร้ซึ่งช่องว่างระหว่างกัน