พรึบ
อ๊ะ!
แผ่นหลังแกร่งกระแทกเข้ากับฝาผนังของห้องน้ำ ด้วยความเจ็บทำให้เจตต์ร้องเสียงหลงก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ทามก็ประกบริมฝีปากกดลงมาทาบทับริมฝีปากของเขาอย่างหนักหน่วง
“อื้อ” เจตต์ครางอู้อี้ในลำคอ เจตต์ยกมือขึ้นชกทุบตีร่างของทามให้ออกห่าง แต่ทว่าอีกฝ่ายกดเขาหนักกว่าเดิม จนกระทั่งพอใจเขาจึงผละตัวออก
“พี่รู้มาว่าน้องเจสเป็นแฟนกับซัมมายด์เหรอ”
“เอ่อ…คือ” ขนาดเธอหักอกเขาแรงขนาดนี้ เขายังพยายามคิดหาข้ออ้างเพื่อมาแก้ตัวให้เธออีก
“ไม่เป็นไร ตอบพี่มาตรงๆ ก็ได้ ความจริงพี่กับยัยนั่นก็แค่กินกันเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร”
“ครับ?”
“ตกใจได้น่ารักจัง พี่ว่า…พี่ตกหลุมรักเราเข้าแล้วสิ” หน้าตาที่ตกใจสุดขีดของเจตต์ทำให้ทามที่กำลังสนใจในตัวเขายกยิ้มขึ้นมา
เด็กนี่มันใสซื่อ น่าฟัดจนเขาอยากขย้ำให้จมเตียง แต่ต้องอดใจไว้ก่อนดูท่ากระต่ายจะไร้เดียงสากว่าที่เขาคิดไว้
“ผมว่าพี่เมามากแล้ว ยังไงก็ขอตัวก่อน” เจตต์ยังรักษามารยาทเอาไว้
“ยัยนั่นมันหักอกน้องเจสมาหาพี่ ไม่อยากเอาคืนบ้างเหรอ พี่ช่วยเราแก้แค้นได้นะ”
“แก้แค้น?”
“ถ้าคืนนี้น้องเจสยอมไปนอนกับพี่...”
“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย แล้วพี่เป็นอะไรตอนเช้าควงผู้หญิง ตอนกลางคืนกินผู้ชายรึไง สับสนในตัวเองเหรอ” เจตต์เอ่ยออกมาอย่างเหลืออด ตอนแรกว่าจะใจเย็นปล่อยผ่าน ไม่ปล่อยหมัดใส่อีกฝ่ายตั้งแต่ขโมยจูบเขาก็บุญหัวมันแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะเลยเถิดไปไกลเกินกว่าที่เขาจะยั้งอารมณ์อันขุ่นมัวนี้ไว้ได้ต่อ สงสัยต้องประเคนหมัดให้สักทีจะได้หลาบจำ
“แหม น้องเจสก็พูดไป คนเราหลากหลายจะตาย ใจกว้างหน่อยสิครับ พี่ชอบเราจริงๆ นะ ให้เททุกคนแล้วมาเอาเราคนเดียวพี่ก็ทำได้นะ”
“หึ! เหรอครับ ผมเพิ่งอกหักมาหมาดๆ จะให้เชื่อคนที่แย่งแฟนตัวเองเนี่ยนะ ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ผมมันเป็นควาย แต่ก็ไม่อยากให้เขามันงอกเพิ่ม ช่วยอย่ามายุ่งกับผมเถอะขอที”
“น้องเจส” เสียงเรียกดังตามหลัง เจตต์ไม่ได้หยุดก้าวเท้าเดินต่อไปยังห้องคาราโอเกะต่อ
คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายหลัง วันนี้เจตต์หมดอารมณ์จะทำทุกอย่างในชีวิต อยากกลับไปนอนซมร้องไห้อยู่บนเตียงอาลัยให้กับความซวยที่ต้องพบเจอ
“ไอ้เจตต์ จะกลับแล้วเหรอว่ะ” เอสยื่นไมโครโฟนให้เพื่อนอีกคน ก่อนจะเดินมาหาเจตต์ที่ดูไม่สบอารมณ์เท่าไร จะว่าไปมันก็หน้าตาบูดบึงมาทั้งวัน แต่หลังจากกลับมาจากห้องน้ำที่หายไปเกือบยี่สิบนาทีสีหน้าของมันก็บูดยิ่งกว่าเก่า
“มึงอยู่สนุกต่อเถอะ กูเหนื่อยอยากกลับไปนอน”
“มีอะไรรึเปล่า กูเห็นหน้ามึงไม่รับแขกมาตั้งแต่กลับจากงานโอเพนเฮาท์”
“กูเลิกกับพี่มายด์แล้ว ไปนะ”
“อ้าว! ไอ้เจตต์” เอสเรียกเพื่อนสนิทแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่อยากรับความช่วยเหลือจากใครในตอนนี้
“จะกลับเหรอ ขึ้นมาเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ ผมรอรถเมล์ได้” ด้วยความที่ตอนนี้เพิ่งสองทุ่ม รถเมล์สายที่เขาขึ้นประจำจึงยังไม่หมด แต่ความซวยของวันมันดันยังไม่หมดไปสักที เมื่อรถสปอตสีดำคันหรูมาจอดตรงหน้าที่เจตต์ยืนอยู่พอดี เสียงเล็ดลอดออกมาผ่านขอบประตูที่ถูกเลื่อนกระจกลงจนสุด เจตต์เอือมระอากับชีวิตวันนี้พอสมควร เมื่อไรจะหมดวันว่ะ
“ขึ้นมาเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ครับ”
“แล้วแต่ พี่จะจอดรอจนกว่าน้องเจสจะขึ้นมา”
ผ่านไปห้านาทีรถสปอตคันเดิมก็ยังจอดอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน พร้อมกับเจ้าของรถที่นั่งเล่นโทรศัพท์อย่างสบายใจไม่ทุกข์ร้อน แม้รถเมล์สองคันที่ผ่านมาจะบีบแตรไล่เสียงดังยาวแค่ไหนก็ตาม
หน้าด้าน หน้าทนชิบหาย ต้องการอะไรนักหนา
“พี่กลับบ้านไปเถอะ”
“ขึ้นรถมาสิ”
“ก็บอกจะกลับเองไง”
“ก็บอกจะไปส่ง” ทามแสดงสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน แววตาพราวทรงเสน่ห์ที่ใครได้จ้องเป็นต้องหลงใหล แต่มันกลับใช้ไม่ได้กับคนที่เขาถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น
“นี่น้องรีบขึ้นรถไปได้ไหม นี่ป้ายรถเมล์นะ” เสียงของพี่กระเป๋ารถเมล์คันสีส้มตะโกนใส่เขาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
เมื่อไม่มีทางเลือกเจตต์ตัดความรำคาญยอมเปิดประตูรถสปอตขึ้นไปนั่งแต่โดยดี
“ยอมขึ้นแต่แรกก็ไม่ต้องโดนดุแล้ว” ทามยื่มมือมาวางไว้บนศีรษะของเจตต์อย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
“แล้วพี่จะตามผมทำไมนักหนา บอกให้กลับไปตั้งแต่แรก”
“ก็บอกไปแล้วว่าชอบ แล้วก็จะตามจีบด้วย”
“ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย พี่ก็เห็นว่าผมเป็นแฟนพี่มายด์”
“แล้วยังไง พี่ก็ชอบเราอยู่ดี เปิดใจให้พี่หน่อยจะเป็นไรไป ไหนๆ เราก็อกหักแล้ว”
“พี่นี่ดูท่าสมองจะสับสนนะ เลิกยุ่งกับผมเถอะ”
“ไม่เลิก เตรียมตัวไว้ได้เลยพี่จะ…จีบเรา” ทามเว้นคำพูดที่เขาคิดในใจเอาไว้ จีบเหรอ เขาเคยต้องจีบใครซะที่ไหน จับกระแทกให้จมเตียงต่างหากคือสิ่งที่เขาคิด
“จะเรียนคณะอะไรเหรอ”
“วิศวะครับ”
“แสดงว่าเรียนเก่งละสิ พี่เรียนนิเทศปีสามคิดถึงก็แวะไปหาได้”
“คงไม่มีวันนั้นหรอกครับ”
“อย่าเพิ่งตัดสินถ้ายังไม่ได้ลอง พี่แซ่บนะบอกก่อน”
“เก็บไว้ไปแซ่บกับสาวๆ ของพี่เถอะครับ วันนี้ผมเหนื่อยไม่อยากคุยกับใคร ช่วยขับไปส่งเงียบๆ ได้มั้ย”
“อืม”
ทามเงียบเสียงลงหลังจากนั้น ความเงียบงันทำให้เจตต์เคลิ้มหลับไปในที่สุด ก่อนจะตกใจตื่นเมื่อมีอะไรสัมผัสเข้าที่ปากของเขา
ทามกำลังกดจูบลงบนริมฝีปากเขาอีกแล้ว เจตต์รวบรวมสติใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดผลักอีกฝ่ายออก
“อยู่นิ่งๆ” ทามยกมือขึ้นบีบแก้มของเจตต์แน่น ทำให้ริมฝีปากอ้าออกจากกัน ทามอาศัยจังหวะนั้นยัดยาเม็ดกลมเล็กเข้าไปในปากเจตต์ก่อนที่เขาจะทาบทับลงมากปิดปากนั้นอีกที
เจตต์กลืนยาเม็ดกลมเข้าไปในคอ โดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“พี่เอาอะไรให้ผมกิน”
“ยาที่จะทำให้เรามีความสุขกันทั้งคืนไง”
“ยา?”
“อย่าเล่นตัวนักเลย ลงไป”
“ที่นี่ที่ไหน” เจตต์ก้าวออกจากรถสปอตคันหรูอย่างทุลักทุเลด้วยความมึนงง ตอนนี้ร่างกายของเขามีอาการแปลกๆ อย่างเห็นได้ชัด
“คอนโดพี่ ตามมาถ้าไม่อยากตุยเพราะไม่ได้ปลดปล่อย”
“ตุยเหรอ” เจตต์เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา นี่มันบ้าอะไรกันทำไมอีกฝ่ายถึงทำกับเขาได้ขนาดนี้
“จะไปไหน บอกให้ตามมาไง”
“ผมจะกลับบ้าน ปล่อย!”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย แค่สนุกๆ กัน มามีความสุขกันดีกว่าน้องเจส ขัดขืนไปก็เท่านั้น”
“ก็บอกว่ากูเป็นผู้ชายไง มีตรงไหนที่มึงไม่เข้าใจว่ะพี่”
“ผู้ชายก็เอากันได้ น้องจะเป็นรุกพี่ก็ไม่ขัดแต่พี่ชอบให้อีกฝ่ายเป็นรับมากกว่า”
หลังจากนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเจตต์โดนทามปู้ยี่ปูยำทั้งคืน ด้วยฤทธิ์ยา จากต่อต้านในตอนแรกกลายเป็นว่าเจตต์ตอบสนองอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี จนทำให้ทามติดใจ ตามติดเขาแจจนเข้ามหาลัยปีหนึ่ง แต่สุดท้ายความเจ้าชู้ของทามก็ออกลายอีกครั้งเมื่อเจอของที่สดใหม่กว่า
แต่เจตต์ก็ไม่ได้อกหักตรอมใจอะไรมากมายเพราะตอนอยู่กับทามอีกฝ่ายสอนอะไรเขาหลายอย่างมาก จนเขาเรียนรู้และซึมซับมันมาโดยไม่รู้ตัว เทียบกันแล้วตอนนี้นิสัยของเจตต์ไม่ต่างอะไรจากทามที่เจ้าชู้ในตอนนั้นเลยสักนิด