“เป็นยังไงบ้าง ได้งานทำไหมลูก”
หญิงสูงอายุวัย 65 ปี นุช แม่ของอานนท์ เธออยู่กับลูกชายเพียงลำพังมานานเกือบ 5 ปี เมื่อหัวหน้าครอบครัวได้ลาโลกไปก่อนด้วยอาการป่วยโรคมะเร็งปอดก็ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่หักเหอย่างเห็นได้ชัด แต่โชคดีที่ลูกชายคนเดียวเป็นเด็กไม่เกเรเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แม้จะมีเรื่องการดูดบุหรี่ดื่มเหล้าบ้างตามประสา แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ถือว่าอานนท์ทำหน้าที่ของลูกที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“ได้แล้วครับแม่”
สีหน้าที่ดูสดชื่นของอานนท์พลันเอ่ยตอบทั้งรอยยิ้ม เมื่อหางานมานานหลายเดือนก็ไม่มีที่ไหนรับ คนแม่โล่งใจไม่ต่างเมื่อลูกชายจะได้กลับไปทำงานอีกครั้ง
“แล้วได้งานอะไร”
“เป็นบอดี้การ์ด”
อาชีพที่ลูกทำช่างไม่ถูกใจนุชมากนัก การเป็นบอดี้การ์ดมักเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย แม้มันจะไม่เสมอไปแต่ก็คิดในแง่ร้ายไว้ก่อน
“บอดี้การ์ดคงไม่เกี่ยวกับพวกงานสีเทาใช่ไหมนนท์”
“ไม่ครับแม่ ผมไปดูแลลูกสาวนาย ผมไม่ได้ไปดูแลนายโดยตรง”
อานนท์พยายามอธิบายให้แม่สบายใจ แม้ตัวเองไม่อาจรู้ได้ว่านอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของโกดังปล่อยเช่าหลายแห่ง รวมทั้งถือหุ้นบริษัทชั้นนำ เกริกพลยังมีธุรกิจอะไรอีกหรือเปล่า เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ทว่าหน้าตาของเกริกพลที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเขาก็คงไม่น่าเสี่ยงเอาตัวเองไปพัวพันเช่นนั้น
“ผมต้องย้ายของไปอยู่บ้านนายนะแม่ อยู่คนเดียวก็ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรให้รีบโทรมา แล้วผมจะมาหาบ่อยๆ”
“ไม่ต้องห่วง แม่ดูแลตัวเองได้”
“ต่อไปนี้ผมจะมีเงินเดือนให้แม่แล้วนะ แม่อยากกินอยากใช้อะไรแม่ซื้อได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มี”
เป็นความโชคดีของนุชที่มีลูกชายกตัญญูเช่นนี้ ปลื้มใจที่อานนท์เป็นลูกที่ดีเสมอมา มือเหี่ยวลูบศีรษะขแงลูกชายอย่างเอ็นดู เธอปลื้มปริ่มเป็นอย่างมากและโชคดีเป็นที่สุด ลูกชายคนเดียวที่ฟูมฟักดูแลตามประสาคนจนกลับเป็นเด็กดีและไม่เคยทำเรื่องหนักใจให้ผู้เป็นแม่เลยสักครั้ง
“ไปอยู่บ้านนายอย่าเกเรนะลูก เขาให้ทำอะไรก็ทำ เคารพรุ่นพี่ที่เขาอยู่ก่อนและที่สำคัญต้องมีสัมมาคารวะไปอยู่ที่ไหนใครก็รักก็เอ็นดู ยิ่งไปดูแลลูกสาวเจ้านายยิ่งต้องระวังให้มากนะ”
“ครับแม่”
เธอสั่งสอนลูกชายให้รู้จักปรับตัวหาคนอื่นและสิ่งสำคัญคือการมีมารยาทไปลามาไหว้และรู้จักให้เกียรติคนอื่นเสมอ อีกทั้งปฏิบัติตามคำสั่งและคำขอของคนเป็นเจ้านายอย่างเคร่งครัด
สหรัฐอเมริกา
เสียงเพลงดังกระหึ่มในบาร์หรูแห่งหนึ่ง ร่างขาวยืนโยกย้ายส่ายสะโพกเข้ากับทำนองนั้นอย่างลงตัว วาดลวดลายเซ็กซี่ผู้ชายตาน้ำขาวมองกันตาเป็นมัน เกลวรินออกมาสังสรรค์กับเพื่อนสนิท เจสซี่ เป็นเพื่อนลูกครึ่งไทยอเมริกันที่เธอสนิทมากคนเดียว นอกนั้นก็คุยกันประปรายไม่ได้สุกสิงถึงขั้นไปไหนมาไหนเป็นการส่วนตัว อีกทั้งนิสัยของเกลวรินไม่ชอบอยู่กับคนหมู่มากหรือเป็นกลุ่มๆ นานทีเธอจะเข้ามาจะเข้ามาดื่มในสถานบันเทิงแบบนี้ ครั้นปกติสามารถนั่งดื่มคนเดียวที่บ้านพักได้ ทว่าวันนี้เหมือนเป็นการเลี้ยงส่งตัวเองมากกว่า เมื่อต้องย้ายกลับไปอยู่ประเทศไทยถาวรครั้นจากมาหลายปี
“ยูจะกับไทยจริงๆ ใช่ไหม”
“ใช่ เดินทางพรุ่งนี้”
“น่าเสียดาย ไอกำลังจะชวนยูออกทริปด้วยกันสักหน่อย”
“ไอก็ยังอยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปก่อน แต่แด๊ดเรียกตัวด่วน ขู่จะตัดเงินเดือนไอ แบบนี้จะให้ไออยู่ยังไง”
พูดไปก็ยักไหล่ไปแบบไม่มีทางเลือก ในความคิดหากจะย้ายกลับไปอยู่ถาวรก็คือถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปีขอแต่งงานเท่านั้น
“ว่างๆ ยูก็กลับมานะ”
“มาแน่นอน แต่มันอาจไม่ใช่เร็วๆ นี้”
เจสซี่พลันหน้าหงอยขึ้นทั้งใจหายเมื่อเพื่อนสาวต้องย้ายกลับไปยังบ้านเกิดหลังจากใช้ชีวิตเป็นรูมเมทกันมาหลายปี
“ไอต้องคิดถึงยูมากๆ เลยเกล”
“ถ้ายูว่างแวะไปหาไอที่ไทยได้นะ ไอจะพายูเที่ยวประเทศไทยรับรองว่าอเมซิ่ง”
“วู๊! พูดสะไออยากไปเลย แต่ไอต้องอยู่ช่วยแด๊ดดี้ทำงานนะสิ”
“ไม่รีบ ไอกลับไปกว่าจะปรับตัวได้ก็คงนานพอพอสมควร ดื่มๆ ดีกว่า thank you จริงๆ ที่มานั่งดื่มเป็นเพื่อนไอ”
เหมือนเป็นการเลี้ยงส่งตัวเองไปในตัว ไม่รู้จะมีโอกาสไหนกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง สาวร่างเล็กโยกย้ายส่ายสะโพกต่อกับเสียงเพลงที่ฟังแล้วต้องลุกขึ้นเต้น เวลาล่วงเลยจนบาร์ปิดต่างคนก็ต่างสั่งลาและแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของใครของมัน
ห้องนอนภายในคอนโดย่านใจกลางเมือง แสงไฟระเรื่อเปิดเพียงหัวเตียงเป็นสีส้มภายใต้ห้องสี่เหลี่ยมมีร่างของคู่รักที่นอนกอดกันอย่างสำราญหลังจากเสร็จภารกิจร่วมรัก ทว่าทั้งสองกลับเป็นเพียงชู้รักที่คบกันแบบเงียบๆ มานานหลายปี
Rrrrr
เสียงมือถือดังขึ้น ทำเจ้าของมันสะดุ้งตื่น คว้าโทรศัพท์มาดูพลันเบิกตากว้างขึ้นกะทันหัน
“เกลโทรมา”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกผู้หญิงที่นอนข้างๆ คลาวเดียร์เพื่อนผู้หญิงคนเดียวของเกลวรินที่ยังติดต่อกันอยู่ แอบตีท้ายครัวเพื่อนตั้งแต่อีกฝ่ายไปเรียนต่อ พลันตกไม่ต่างจากธีร์ชายหนุ่มที่นอนเปลือยกายอยู่ข้างกัน
“ก็รับสิ”
แม้จะสั่งให้เขารับ ทว่าน้ำเสียงก็สะบัดไม่พอใจ หวงชายด้านข้างราวกับตัวเองเป็นเจ้าของจริงๆ
“ฮัลโหลเกล”
(พีธีร์ พรุ่งนี้เกลกลับไทยแล้วนะ)
เป็นประโยคที่ทำให้ธีร์ตาเบิกตากว้างหนักขึ้นมากกว่าเดิม ครั้นจู่ๆ เกลวรินจะกลับประเทศไทยโดยไม่บอกล่วงหน้า ข้าวของเครื่องใช้ของชู้สาวยังเกลื่อนกลาดเพราะอีกฝ่ายย้ายเข้ามาอยู่กันนานมากพอสมควร หมายความว่าเธอต้องรีบย้ายออกของก่อนเกลวรินจะกลับมาถึง ไม่อย่างนั้นความลับการหักหลังเพื่อนต้องแตกแน่นอน
“กลับแล้วเหรอ”
(ทำไมเหมือนพี่ไม่ดีใจเลย)
เพราะน้ำเสียงทำให้คนฟังตงิดใจ ทำไมธีร์ดูไม่ดีใจครั้นเธอจะกลับ
“ดีใจสิ แฟนจะกลับมาทั้งที่ทำไมพี่จะไม่ดีใจ”
(แล้วพี่ธีร์ทำอะไรอยู่ โทรมากวนหรือเปล่า)
“ตอนนี้เหรอ พี่ไม่ว่างเลยนะเกล ติดธุระกับลูกค้าของเตี่ย พี่ขอวางสายก่อนนะครับ”
ลนลานตัดสายกะทันหัน แต่เพราะความเอางานมาอ้างเกลวรินเลือกที่จะไม่โทรซ้ำ ทั้งความไว้ใจที่มีให้กันมาตลอดเป็นผลให้เธอเปิดช่องโหว่ให้แฟนหนุ่มแอบมีคนอื่น ยิ่งกว่านั้นเป็นเพื่อนสนิทของแฟนสาวนั่นเอง
“พรุ่งนี้เกลก็กลับมาแล้ว”
“จะกลับมาทำไม มารความสุขจริงๆ” พูดทั้งใบหน้าอีกฝ่ายก็งอง้ำเมื่อความสุขจากการหักหลังเพื่อนกำลังจะหมดไป
“ช่วงนี้เราคงต้องห่างกันหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวเกลจับได้ขึ้นมาจะยุ่ง”
“ทำไมต้องห่าง ก็เรารักกันไปบอกเลิกมันสิมันถึงจะถูก ไม่ใช่มาบอกเดียร์ว่าต้องห่างกัน”
ในขณะเดียวกันคลาวเดียร์ก็ไม่ยอมและพร้อมจะแสดงตัวว่าเป็นคนรักของชายหนุ่มออกหน้าออกตา ทว่าติดปัญหาที่ธีร์เองยังไม่พร้อม
“เดียร์ก็รู้ว่าพี่อยากเลิกใจจะขาดแต่ติดที่เตี่ยขอไว้เพราะต้องอาศัยบารมีพ่อของเกลวรินเปิดทางธุรกิจ พี่เองอึดอัดจะตายที่ต้องตีสองหน้าว่ายังรักเกลอยู่”
เป็นความรู้สึกของธีร์เขาหมดใจให้เกลวรินมานานมาก แต่เพราะทุกอย่างมันยังต้องอาศัยทางครอบครัวฝั่งนั้นเป็นผลให้ธีร์ยังต้องคงสถานะชู้รักกับคลาวเดียร์ไว้อยู่