ร่างสูงใหญ่ อกผายไหล่กว้าง บุคลิกผิดจากวัยรุ่นเมื่อสิบปีก่อน สมัยยังเรียนมัธยม ที่ดูร่าเริงไม่สมกับเป็นทายาทมาเฟีย ไม่ได้เข้าบ้านในทันที อย่างที่ลูกน้องคนสนิทเข้าใจ แต่เลือกที่จะใช้รถคันเดียวกันสงบสติอารมณ์ร้อนให้สงบลงก่อน
เขาปรับเบาะให้เอน นอนเอามือก่ายหน้าผาก บ่งบอกถึงความเครียดสูงสุด เป็นวินาทีที่ไม่มีใครมองเห็น และไม่มีใครรู้ ถ้าเขาไม่อยากให้รู้
จนกระทั่ง..
ข้อความที่รอคอยถูกส่งเข้ามา แจ้งเตือนเพียงครั้งเดียว ก็ถูกกดรับ เจ้าของดวงตาคมกริบซึ่งกำลังใจจดใจจ่อ หรี่ต่ำดึงขึ้นมาดูทันที
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือความมืดมน ภายในรถเงียบกริบ ไม่เว้นแม้กระทั่งเสียงเครื่องยนต์ นั่นเพราะแก้วหูของเขาถูกระงับการได้ยินชั่วคราว ก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้ายเต้นไม่เป็นจังหวะ และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เขากลั้นหายใจเข้าออกไปตอนไหน
ตาลุกวาวกับภาพที่จ่ออยู่ตรงหน้า ข้อมูลที่ขอให้น้องชายต่างครอบครัวไปสืบมาให้ จนกระทั่งได้เบาะแส ทว่าไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้ เขาเงียบกริบ เงียบชนิดยังได้ยินเสียงโทสะของตัวเอง
ปลุกความแค้นในใจซึ่งมีอยู่ก่อนให้ตื่นขึ้นมา ถึงขนาดบีบเครื่องมือสื่อสารในอุ้งมือแทบแหลกเป็นเสี่ยงๆ
...บีน่าตายอย่างน่าสงสาร
พี่ชายของเชลยในโกดังมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เขาไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า พวกเขาทะเลาะอะไรกัน กลายเป็นเรื่องใหญ่จนต้องบาดหมางแล้วจบลงแบบนี้ แต่ภาพที่เห็นสำหรับเขา ในฐานะพี่ชายมันรุนแรงเกินไป แรงถึงขนาดทำให้ตาย น้องสาวเขาหายไปไม่มีวันกลับคืนมา
สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ครอบครัวยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะเขา ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ผ่านกล้องวงจรปิด แม้ไม่มีเสียง และภาพพร่ามัวเกินกว่าจะเห็นชัดเจน ในจังหวะชุลมุน ทว่าเพียงเท่านั้น คนที่ช่ำชองในเรื่องอาชญากรรมมาก่อน มีหรือจะไม่รู้ เขาคาดคะเนไปถึงขั้นทะลุปรุโปร่ง
บีน่าถูกทำให้ตาย โดยการเอาตัวเข้าไปขวาง ในจังหวะเหล็กแหลมของใครบางคนพุ่งทะยานมาแต่ไกล เจตนารมณ์ของคนร้ายหวังให้โดนโจอี้ แฟนหนุ่มของบีน่าซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
แต่แล้ว..
อยู่ๆกลับกลายเป็นหล่อนที่โดนเหล็กเสียบเสียเอง ปักจากแผ่นหลังทะลุหน้าอก
" อุบัติเหตุงั้นหรือ?"
แน่นอน นั้นไม่ใช่ท่วงท่าของคนเต็มใจตายแทน แต่เป็นการบังคับผลักไสให้เธอมาโดน
โครทิส บรูโน่ ขบกรามกรอด บีบโทรศัพท์จนจอดับ สิ่งแรกที่สมองครุ่นคิดคือเขาไม่อยากเห็นคนทำ ไม่อยากเห็นมัน
ใช่ ไม่อยากเห็นอีกเลย..
สถานที่บรรเทิงเขตนอกชานเมือง
รอบบริเวณยามนี้ดูครึกครื้นเป็นพิเศษ เนื่องจากมีงานสังสรรค์ ที่จะถูกจัดขึ้นมาสัปดาห์ละครั้ง จึงเห็นผู้คนเดินสวนกันละลานตา ส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นที่มีใบอนุญาตแล้ว แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
หนึ่งในนั้นคือสการ์เล็ตต์ โจอี้ โชคดีที่เพื่อนเก่าเป็นเจ้าของจึงหาโอกาสมาเที่ยว และใช้ที่นี่เป็นที่หลบซ่อน หวังหนีสิ่งที่ตนก่อ โดยที่เพื่อนไม่รู้เลย อนาคตหายนะกำลังมาเยือน
" เฮ้~ นั่นใครน่ะ เธอเห็นไหม "
สาวพีอาร์คนหนึ่งเอ่ยขึ้น เรียกความสนใจของเพื่อนอีกสองคนหันตาม หลังเห็นใครสักคนที่ไม่ค่อยมักคุ้นเดินเข้ามานั่งตรงโต๊ะว่าง จุดที่เป็นมุมมืดไฟสลัวๆ
" ไม่นะ ไม่เคย ทำไมเหรอ?"
" สวมหมวกปิดหน้าปิดตาน่ะสิ กฏของที่นี่..เขาห้าม"
สาวคนเดิมเอ่ย หากแต่สายตายังจดจ้องไปยังผู้ชายลึกลับคนนั้น ในขณะหูรับฟังความเห็นของเพื่อน
"งั้นเหรอ? แต่ว่าก็ว่าเถอะ เท่ชะมัด ขนาดใส่หมวกไม่เห็นหน้า "
และเหมือนจะเห็นด้วย ในสายตาหล่อน เขาช่างดูน่าค้นหา
" เธอว่า ถ้าฉันเข้าไปชวนคุย เขาจะสนใจฉันไหม "
ก่อนหันมาขอความเห็นคนข้างๆ ยิ้มกว้างอย่างมีจริต
" จะดีเหรอ? เขาไม่ได้กวักมือเรียกเรา "
" ไม่เรียกก็ไปได้ ไม่รู้หรือหน้าที่ของพวกเรา ความหมายอีกอย่างหนึ่งหมายความว่าอย่างไร?"
" อะไรเหรอ?"
" ปลุกอารมณ์เสือป่าไงเล่า"
ทว่ากลับต้องชักสีหน้าภายหลัง เมื่อคำตอบที่ได้เหมือนเพื่อนจะไม่เห็นด้วย
" เออ ก็แล้วแต่เถอะอีบ้า "
แถมประชดประชันแบบตรงไปตรงมา เอลน่ายิ่งชักหน้ามากกว่าเก่า ก่อนจะเดินออกไปไม่สนใจพวกเดียวกัน
แต่แล้ว...
ไม่ทันถึงที่หมาย เท้าที่เดินอยู่กลับต้องหยุดชะงักเสียก่อน เมื่อคนที่ว่าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โยกย้ายที่นั่งเปลี่ยนจากโต๊ะไปยืนตรงบาร์ ข้างๆกันมีใครบางคนยืนอยู่ หล่อนไม่รู้จักชื่อ เพราะยังไม่ถูกเรียกไปแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ อาจเพราะเขาเพิ่งจะมาถึงเมื่อเช้า หรือในฐานะเพื่อนกับเจ้านายเลยไม่จำเป็น แต่นั่นก็ทำให้หล่อนเสียดายไม่น้อย หลังยืนชั่งใจอยู่นาน แล้วผลที่ได้คือหล่อนไม่ควรจะเดินเข้าไป
ทว่าเพียงแค่คลาดสายตา จังหวะหันซ้ายหันขวามองหาเจ้านาย สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
เพล้ง!
เมื่ออยู่ๆแก้วบรั่นดีในมือโจอี้หล่นลงมากระแทกแตก เศษแก้วกระจายเกลื่อนพื้น เรียกทุกคู่สายตาในระยะใกล้เคียงหันมามอง ก่อนพากันถอยหนี ด้วยสัญชาตญาณความตกใจบวกกับความงุนงง
สาวพีอาร์ขมวดคิ้ว พยายามเพ่งสายตาไปยังจุดนั้น ทว่าไม่ทันได้ประมวลผล ต่อท่าทางที่เห็น เหตุใดพวกเขาถึงได้ตัวติดประกบคู่กันอย่างนั้น อีกคนซึ่งเป็นเพื่อนของเจ้านายกลับเข่าทรุดลงไปซะก่อน เขากุมท้องอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะหงายหลังล้มตึงนอนราบกับพื้น และแน่นิ่งอยู่ในท่านั้น
กว่าหล่อนจะรู้ตัวว่าเขาถูกฆาตกรรม ก็หลังจากลูกค้าคนอื่นส่งเสียงร้อง และเขาคนนั้นเดินผ่านหน้าไป พร้อมปืนเก็บเสียงในอุ้งมืออีกหนึ่งกระบอก
สิ่งที่น่าตกใจสุด สำหรับผู้อยู่ในเหตุการณ์ประจำราตรีนี้ ไม่ใช่เพราะเห็นการฆาตกรรมหรือคนนอนจมกองเลือด
ฆาตกรต่างหากที่ทำให้พวกเขาแปลกใจ จะมีใครคนไหนบ้าง ที่พอฆ่าคนตายแล้ว เดินผ่านพยานเอกนับร้อยออกไปอย่างใจเย็นสุด ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่มือของเขาเพิ่งจะเปื้อนเลือด หากคนนั้นไม่ใช่นักฆ่าที่โหดเหี้ยมหรือมาเฟียที่มีจิตใจอำมหิต
มิหนำซ้ำยังยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูหน้าตาเฉย จนไม่ใครกล้าบ้าบิ่นเข้าไปขวาง มากกว่าการยืนนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้ง
" ปล่อยสการ์เล็ตต์ โคลนี แล้วมาเจอกูที่ xxx กูมีงานใหญ่ให้มึงทำ "
(ครับนาย)