ความเข้มแข็ง

1261 Words
ดวงตาสีอำพันเคยหม่นหมอง นาทีนี้เฉิดฉายส่องประกายความโกรธ ยามก้มมองดาบยาวในมือที่ถูกแยกออกจากด้ามได้ไม่นาน ขณะฟังเสียงผู้เป็นพ่อผ่านหูฟังไร้สายไปด้วย (บรูส ฟังพ่อ ตระกูลนั้นใหญ่เกินกว่าที่ลูกจะเข้าไปคนเดียว) แต่กลับไม่ได้สนใจมากไปกว่าลักษณะของอาวุธ ซึ่งมีจุดเด่นตรงด้ามจับ และคมกริบชนิดออกแรงฟันไม่มากก็ขาดสะบั้น " ผมต้องการฆ่าแค่หนึ่งคน ไม่ได้จะฆ่าทั้งหมด " (แต่คนที่แกจะฆ่า เป็นถึงระดับหัวหน้า) " พ่อกลัวมัน?" (บรูโน่!) " ผมไม่ได้สนใจความเป็นไปเป็นมาในการตายของบีน่า ผมสนใจแค่คนที่ฆ่าเธอเท่านั้น " (เราทำงานเป็นทีม ถ้าไม่สืบให้ดีก่อน จะลงมือปุบปับไม่ได้ ผลกระทบอาจมีมากกว่า) " พ่อพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่คนของเราตายทั้งคน " (คนตายไม่ฟื้นขึ้นมานะบรูส คนตายจะไม่มารับรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง) " ทำไมพ่อพูดแบบนี้.." (ก็เพราะเราไม่รู้ว่าน้องของลูกไปทำอะไรมา! ถ้าหล่อนใฝ่ดี จะต้องไม่เอาชีวิตไปพัวพันกับคนพวกนั้น) " แล้วเราล่ะครับ ต่างกันยังไง?" (ไอ้บรูส! หยุดเถียงข้างๆคูๆ นั่นมันคนนอก ครอบครัว สายเลือดเดียวกัน เปรียบเทียบได้ด้วยเรอะ) " พ่อจะไม่แก้แค้น? ไม่คิดจะทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอครับ! " (ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้) "แต่ว่า .." (ไม่แต่อะไรทั้งนั้น ถ้ามีสงครามเพราะลูก เราได้เห็นดีกันแน่) " เห็นดีงั้นหรือ? ใช่ครับผมเห็น..เห็นว่าพ่อไม่รักน้องเลย อีกอย่างพ่อมาห้ามตอนนี้ก็เหมือนสาย สามชั่วโมงก่อน ผมได้ฆ่าไปแล้วคนนึง " (ว่าไงนะ!) " ตอนนี้ตำรวจคงสืบหาคนทำกันให้วุ่น ผมว่าพ่อเอาเวลาตรงนี้ ไปสนใจตรงนั้นจะดีกว่า " (เฮ้! บรูส เดี๋ยว! บรู...) ติ๊ด! ไม่ทันปลายสายจะพูดจบ ด้วยเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขากลับตัดสายทิ้งเสียก่อน พร้อมปิดเครื่อง เจตนาตัดสัญญาณทั้งหมดอย่าให้ใครตามเจอชั่วคราว ก่อนโยนไปยังเบาะหลังรถกระเด็นตกลงไปอยู่ตรงที่วางเท้า " ฟู่ว!" พ่นลมหายใจออกตามมา บ่งบอกถึงอารมณ์คุกรุ่นที่มีมากสูงสุด ลูกน้องอีกสองคนที่เขาโทรตามทีหลังหวังให้มาร่วมด้วย เป็นทีมฆ่ากับเขา ทำอะไรไม่ถูก พวกเขาได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นนายนิ่ง รอให้ถูกสั่งการ แต่เหมือนจะนานไปหน่อย เมื่อคราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้มุทะลุอย่างที่แล้วมา ทว่ากลับคิดตริตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง " หรือพวกมึงจะรอกูอยู่ที่นี่" " อะไรนะครับนาย" " ได้ยินแล้วนี่ " และนั่นคือคำตอบของเขา เขาหมุนตัวกลับมาเลิกคิ้วสูง ที่ทำลูกน้องพากันก้มหน้างุดมือกุมต่ำ หลังเผลอถามเป็นครั้งที่สอง ทั้งที่ได้ยินชัดเจนแล้ว เขาลืมเสียสนิทว่าคนเป็นนายไม่ชอบการไถ่ถามซ้ำ " แต่ว่า .. เอ่อ พวกผมคิดว่า ไม่ดีกว่าครับนาย " " ใช่ครับนาย ให้พวกผมเข้าไปด้วยเถอะ " ท่าทางเลิ่กลั่กจึงเกิดขึ้น ทั้งคู่ทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นเขาที่เงียบกริบ เกิดความหงุดหงิดภายในใจ แก้แค้นให้น้องสาวก็อยากทำ คำพูดของพ่อก็สำคัญ ลูกน้องจะมาตายด้วยไม่ได้! เขาจะทำอย่างไรดี? แต่แล้ว.. ศักดิ์ศรีนั้นค้ำคอ ไหนๆอยู่มายืนตรงนี้แล้ว การเปลี่ยนใจเดินกลับ ยังยากเสียกว่าการพรากชีวิตของคนในนั้นซะอีก " งั้นก็แล้วแต่พวกมึง " บรูโน่ทิ้งประโยคไว้แค่นั้น ก่อนจะรุดหน้าเดินเข้าไปข้างใน ไม่หลงเหลือความปรานี จะไม่มีใครเห็นแววตาอ่อนโยน นับตั้งแต่น้องสาวของเขาได้ตายจากไปอีกแล้ว หนึ่งชั่วโมงที่แล้วในคืนเดียวกัน เสียงประตูเหล็กถูกผลักเข้ามา ทำร่างบางที่ถูกตรวนด้วยโซ่ติดกับพนักเก้าอี้สะดุ้งตื่น ดวงตาคมสีเทาควันบุหรี่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองไปยังจุดนั้น เมื่อเห็นเป็นคนแปลกหน้าจึงเบิกโพลง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ห่อไหล่เข้าหากันอัตโนมัติ ทว่าการกระทำของเขาทำให้เธอสงสัย หลังเข้ามาปลดพันธนาการให้ไม่พูดไม่จาสักคำ " เขาสั่งให้ปล่อยฉันแล้วเหรอ?!" จึงเม้มปากเข้าหากันแน่น เมื่อไร้ซึ่งคำตอบ ความรู้สึกแรกที่โซ่หลุดออกจากข้อมือคือความโล่ง เหลือก็แต่รอยช้ำจากการถูไถที่ติดอยู่ หญิงสาวก้มลงมองพร้อมนิ่วหน้า ลูบไล้บริเวณที่เจ็บไปมาเบาๆ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนมาใหม่ ที่เตรียมจะเดินออกไป "เดี๋ยวสิ หมายความว่ายังไง เขาปล่อยแล้วจริงๆเหรอ " หญิงสาวเลิกคิ้วสูง การกระทำของเขาทำให้เธองุนงงหนักกว่าเดิม และรู้สึกตงิดใจ ทำไมอยู่ๆถึงปล่อย เกิดอะไรขึ้น?! พลางชะงักงัน เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ " พี่ชายฉันล่ะ? เขาเจอแล้วเหรอ" แน่นอนมันทำให้คนฟังถอนหายใจพรืด รู้สึกอึดอัดกับคำถามของเธอ หันกลับมามองหน้าเธอนิ่ง " ผมไม่ทราบครับ นายบอกให้ปล่อยคุณแค่นั้น " " งั้นเหรอ? ถ้างั้นนายล่ะจะไปไหน ฉันไม่รู้จักที่นี่นะ " " ครับ มีรถอีกคันจอดรอคุณอยู่ พวกเขาจะไปส่งคุณเอง " " ไม่ แค่บอกทางก็พอ " " คุณกลับเองไม่ได้หรอกครับ ที่นี่ไกลมาก กว่าจะถึงถนนใหญ่ " " งั้นเหรอ?" สการ์เล็ตต์กระซิบ ก้มหน้างุด กลืนน้ำลายลงคอแห้งผาด อยู่ๆก็รู้สึกแย่ขึ้นมา ก่อนจะช้อนหน้าขึ้น ดวงตาสั่นระริก " พี่ชายฉัน.. เขาตายแล้วใช่ไหม?" เป็นคำถามที่ตั้งขึ้นมาเพื่อฆ่าตัวเองชัดๆ เมื่อคำตอบที่ได้มา เหมือนจะบีบหัวใจของเธอให้แตกเป็นเสี่ยงๆ " ครับ นายปล่อยคุณ ก็เท่ากับว่านายได้เคลียร์ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ เพราะไม่ได้มีเรื่องกับคุณ " ราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้าแสกหน้า ชาไปทั้งร่าง ขาคู่อ่อนแรง ยืนแทบไม่ไหว จำต้องดึงมือตัวเองมาจิก หวังปลุกสติที่ดับหายไปให้ตื่นขึ้นมา ทั้งที่ตอนนั้นโลกทั้งใบเหมือนสลายไปแล้ว แม้คำตอบของคนตรงหน้าจะไม่ตอบตรงๆ แต่ก็ไม่มีตรงไหนเลยที่แปลว่าพี่ชายของเธอไม่ตาย " ทำมันจริงๆสินะ .." " ครับ?" " บอสของนายน่ะ ทำอย่างที่พูดไว้จริงๆสินะ.." โคลนีเม้มปากแน่น ประโยคที่พูดออกมาก่อนหน้าเบาหวิวไม่ต่างกับสายลม ขนาดตัวเธอเองยังไม่ได้ยินเสียงที่พูด แล้วนับประสาอะไรกับเขา ร่างบางเดินโงนเงนผ่านร่างสูง ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของบรูโน่ในตอนนี้ ไม่อยากรับรู้อะไรอีก ทว่าการเคลื่อนไหวเชื่องช้าของเท้าทั้งสองนั้น ทำคนมองอยู่รู้ดีเธอรู้สึกอย่างไร แต่กลับทำได้แค่ยืนมอง ยื่นมือไปประคองช่วยก็ไม่มีสิทธิ์ แม้ระหว่างทางที่เดิน กว่าจะออกไปจากเรือลำนี้ ขึ้นสู่พื้นดินไปยังรถที่จอดรออยู่ จะล้มลุกคลุกคลานไปแล้วหลายครั้งต่อครั้งแล้วก็ตาม พร้อมแผ่นหลังสั่นเทา ลักษณะของคนกำลังร้องไห้หนัก ทว่ากลับไม่มีเสียง.. เธอพยายามทำตัวให้เข้มแข็งงั้นหรือ?!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD