"ขอทดลองใช้หน่อยแล้วกัน เค้าใช้แบบไหนกันนะ?"
ตันหยงก้มมองที่กำไลหยกในข้อมือของเธอ แน่นอนว่าเธอจำคำพูดของชายชราชุดขาวได้ ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เกินจริง แต่การที่เธอมาอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเรื่องลี้ลับเหล่านี้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้
"พาฉันเข้าไปในมิติ"
มือเรียวแตะที่กำไลพร้อมกับเอ่ยความต้องการของตนเอง ไม่นานร่างของเธอก็ถูกดูดหายไปในพริบตา รู้ตัวอีกทีเธอก็เข้ามาอยู่ในห้างของเธอ ซึ่งเป็นแผนกเสื้อผ้า ราวกับว่ามิติวิเศษแห่งนี้หยั่งรู้ได้ว่าเธอต้องการอะไร
ตันหยงเดินเลือกดูเสื้อผ้าลายดอกที่ค่อนข้างปรับเข้ากับยุคสมัยได้ เท่าที่เธอดูจากการตกแต่งบ้านเรือน และการแต่งกายของป้าลั่วและฟางหนิง ก็พอจะรู้ได้ว่าเป็นช่วงเวลาไหน
"ชุดนี้แล้วกัน น่ารักสดใสดีเหมือนกันนะ อย่างกับได้กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง"
ชุดกระโปรงสีครีมที่มีลวดลายดอกไม้สลับซับซ้อน มีทั้งสีส้ม สีชมพูและสีเหลือง ทำให้ชุดดูมีลูกเล่นและสดใสขึ้นเยอะ ตันหยงไม่ลืมจะหยิบผ้าพันคอลายเดียวกันไปทำเป็นผ้าผูกผม
แต่พอเอาชุดมาเทียบเข้ากับเรือนร่างของตัวเอง เธอก็ต้องตกใจกับให้หน้าที่จืดชืดใต้ตาดำคล้ำ ทั้งที่เป็นถึงคุณหนูแท้ ๆ กลับไม่ดูแลตัวเอง พอคิดมาถึงจุดนี้ก็ทำให้ตันหยงได้ฉุกคิด
"เอ๊ะ! หรือจะเป็นเพราะถูกพิษของโม่หนิงฮวากันนะ จริงด้วย ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องหาคลอโรฟิลล์ไปกินเพื่อขับสารพิษด้วย"
คิดได้แบบนั้นตันหยงก็ตรงไปที่ร้านขายยาและอาหารเสริมในห้างของเธอ นอกจากเธอจะเอาคลอโรฟิลล์ออกมาแล้ว เธอยังเอาอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงร่างกายและผิวพรรณออกมาอีกหลายอย่าง ก่อนจะไปจบที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง
เมื่อได้สิ่งของครบตามที่เธอต้องการ ตันหยงจึงรีบออกจากมิติเพื่อไปอาบน้ำจัดการกับตัวเอง ไหน ๆ เธอก็ได้ย้อนยุคมาทั้งที มีหรือที่เธอจะปล่อยให้โอกาสเสียเปล่า ยังไงเธอก็ได้ออกไปเดินเล่นในเมืองที่ถูกขนานนามว่า ปารีสแห่งตะวันออก
ห้องครัว
ขณะที่ป้าลั่วกำลังจัดเตรียมผักและเนื้อสดไว้ให้นายหญิงของนาง แต่ฟางหนิงผู้เป็นลูกสาวกลับถามนั่นถามนี่ไม่ยอมหยุด
"แม่ ฉันว่าคุณนายดูแปลก ๆ ไปนะ ตอนที่พวกเราเดินเข้าไปในห้อง แม่เห็นสายตาของคุณนายไหม?"
"อะไรของแกอีกนังลูกคนนี้ ยุ่งเรื่องของเจ้านายไปทำไม มานี่ มาช่วยแม่เตรียมของไว้ให้คุณนายเร็วเข้า"
"โถ่แม่ แม่ก็ฟังฉันหน่อยสิ"
"ไม่ต้องมาพูดมาก ดีนะที่นายท่านไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นละก็ โดนดุแน่ ๆ ป่านนี้ยังเตรียมอาหารให้คุณนายไม่เสร็จ"
"ว่าไปก็แปลกนะแม่ นายท่านก็ทำเหมือนไม่ได้รักไม่ได้ชอบคุณนาย แต่ทำไมต้องดูแลใส่ใจความเป็นอยู่ของคุณนายทุกอย่างเลย ถ้าจะไม่รักกันทำไมถึงไม่เด็ดขาดกว่านี้ คุณนายจะได้ตัดใจได้ซักที"
"จิ๊! เดี๋ยวเถอะนังลูกคนนี้ คุณนายเดินมาโน่นแล้วเห็นไหม"
เนื่องจากครัวแยกออกจากตัวตึกใหญ่ที่เป็นที่พักของเจ้านาย เวลาที่ใครเดินมาทางครัวจึงสามารถมองเห็นได้ทั้งหมด บ้านสกุลเจียงมีเจ้านายเพียง 2 คนเท่านั้น นอกนั้นก็จะมีป้าลั่ว ฟางหนิง คนสวน 1 คน คนรถ 1 คนและผู้ช่วยของนายท่านเจียงอีก 2 คน ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่
"ฉันได้กลิ่นเหมือนป้าตุ๋นน้ำแกงอะไรอยู่ใช่ไหมจ๊ะ?"
พอเดินเข้ามาถึงใครครัวตันหยงก็เอ่ยถามเจ้าถิ่นทันที อันที่จริงเธอไม่ใช่คนกินยากอะไรแต่ไม่อยากอยู่เฉย ๆ เสียมากกว่า
"ใช่ค่ะคุณนาย โอ้โห..วันนี้คุณนายแต่งหน้าแต่งตัวสวยจังเลยค่ะ จะออกไปธุระข้างนอกเหรอคะ ป้าจะได้ไปบอกคนรถไว้ให้"
"เห็นไหมแม่ ฉันบอกแล้วว่าคุณนายเปลี่ยนไป"
ตันหยงเห็นป้าลั่วหันไปถลึงตาใส่ลูกสาวก็อดขำออกมาไม่ได้ เธอรู้ว่าฟางหนิงไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อเธอ แต่สำหรับคนเป็นแม่คงไม่อยากให้ลูกสาวพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าเจ้านายก็เท่านั้น
"ป้าอย่าไปดุฟางหนิงเลยจ้ะ ฉันก็เปลี่ยนไปจริง ๆ นั่นแหละ ไหนดูซิว่ามีผักอะไรบ้าง"
"มีคะน้า ผักบุ้ง ปวยเล้ง กะหล่ำ บวบเหลี่ยม ด้านนี้มีขิง พริก กระเทียม แล้วก็หอมใหญ่ ยังมีอีกหลายอย่างในสวนหลังห้องครัวนะคะ คุณนายอยากได้อะไรเดี๋ยวป้าไปเก็บให้ค่ะ"
ผักหลายชนิดถูกวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าตันหยง เธอเดินไปหยิบ ขิง หอมใหญ่ พริกและผักปวยเล้งมาซอยอย่างชำนาญ ทำเอาฟางหนิงถึงกับแปลกใจกับความเชี่ยวชาญที่เปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืน
ก่อนหน้านี้แม้คุณนายเจียงจะเคยเข้าครัวเพื่อทำอาหารเอาใจนายท่าน แต่ทั้งหมดก็มีเธอกับแม่เป็นคนช่วยอยู่ไม่ห่าง แต่วันนี้ท่าทางการเติมไฟตั้งกระทะ ปัดแกว่งตะหลิวหยิบจับนั่นนี้อย่างชำนาญมันคืออะไรกัน
โช้ง เช้ง โช้ง เช้ง
"วู้วแม่เจ้าโว้ย ฉันละชอบคุณนายคนใหม่จริง ๆ "
ลั่วฟางหนิงยืนมองคุณนายเจียงทำอาหารด้วยความทึ่ง เธอรู้ชื่นชมแววตามุ่งมั่นของคุณนายในตอนนี้มาก
"ฟางหนิงขอจานหน่อย"
"ได้ค่ะคุณนาย"
จานกระเบื้องถูกยกไปที่ข้างกระทะเพื่อให้ตันหยงตักผัดปวยเล้งใส่ได้อย่างสะดวก จากนั้นเธอก็ตั้งกระทะทำหมูผัดขิงต่อ ไม่นานกับข้าวทั้งสองอย่างก็เสร็จพร้อมทาน
"ป้าจะเอากับข้าวไปจัดโต๊ะบนตึกใหญ่ให้นะคะคุณนาย"
"เอ่อ..เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ"
ตันหยงหันไปเห็นโต๊ะกินข้าวอยู่ข้างครัวที่ค่อนข้างร่มรื่น เธอจึงอยากจะนั่งกินเสียที่นี่เลย แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่นานโม่หนิงฮวาจะต้องมาหาเธอ เอาอาหารที่ผสมยาพิษมาให้เธอกินทุกเช้า ด้วยการสวมหน้ากากเพื่อนรักเข้าหาเธอทุกวัน
วันนี้เธอจึงจำเป็นต้องประกาศศักดิ์ดาให้ชัดเจน ว่าอย่าได้ฝันจะมาแย่งอะไรจากเธอไปได้อีก แม้แต่เจียงสือเทียนก็เช่นกัน เธอต้องเอาชนะใจเขาตามแบบฉบับของเธอให้ได้ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำไมเขาถึงหักหลังเธอ แต่ชาตินี้เธอต้องแก้แค้นเขาให้สมกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับ
หลังจากป้าลั่วตั้งโต๊ะอาหารเสร็จ ตันหยงจึงลงมือกับมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย เธอไม่ลืมที่จะเอาผงคลอโรฟิลล์ออกมาชงดื่มเพื่อขับสารพิษ ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถยนต์เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าตึกใหญ่
"ตันหยง ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมวันนี้ถึงได้ลุกขึ้นมาแต่งตัวซะสวยเชียว หรือว่าเธอทำใจได้แล้วเรื่องนายท่านเจียง ถ้าเป็นแบบนั้นฉันดีใจด้วยนะ ป้าลั่ว! มาเอากับข้าวไปจัดใส่จาน"
โม่หนิงฮวาก็ยังเป็นโม่หนิงฮวาเช่นเดิม ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติก่อนเธอก็ยังเป็นคนที่ตีสองหน้าได้ดี ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อาบยาพิษเอาไว้
"ป้าลั่วไม่ต้อง เอามาเปิดแล้ววางตรงนี้เลย ฟางหนิง รบกวนเธอไปเอาจานกับช้อนมาให้คุณโม่ด้วยนะ อ้อ แล้วไม่ต้องตักข้าวมาล่ะ ข้าวในปิ่นโตที่คุณโม่ห่อมามีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้น"
"ได้ค่ะคุณนาย"
คุณนายของบ้านสั่งงานทุกคนโดยไม่สนใจหันมองใบหน้าของเพื่อนรักเลยด้วยซ้ำ ส่วนโม่หนิงฮวาตอนนี้หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม เธอรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ใครกันจะกล้ากินอาหารที่ผสมยาพิษ เธอยังไม่อยากตายตอนนี้เสียหน่อย
"ไม่เป็นไรตันหยง ฉันกินมาแล้ว เธอกินเลย กินเยอะ ๆ เลยนะ ของดี ๆ ทั้งนั้น"
"จาน ช้อน กับตะเกียบได้แล้วค่ะ"
"ขอบใจมากฟางหนิง นั่งลงสิเพื่อนรัก ในเมื่อเธอบอกว่าอาหารพวกนี้เป็นของดี ๆทั้งนั้น เธอก็นั่งกินเป็นเพื่อนฉันหน่อย"
โม่หนิงฮวากลือนก้อนสะอึกก้อนใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงที่เก้าอี้ข้างตันหยง เธอไม่กล้าแม้แต่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหาร แต่พอมองดูสายตาของตันหยงก็ต้องจำใจหยิบขึ้นมาอย่างปฏิเสธไม่ได้
"กินสิ! กินของที่เธอเอามาให้ฉัน เธอจะได้รู้ว่าทุก ๆ วันฉันต้องกินอาหารรสชาติแบบไหน กิน!"
"เอ่อ..จ้ะ ๆ กินก็กิน"
ตะเกียบของโม่หนิงฮวาถูกหยิบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก แต่ก็เป็นเพียงแค่ผักชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น
"คำใหญ่ ๆ ถ้าไม่มีแรงงั้นฉันจะป้อนเธอก็ได้"
"มะ..ไม่เป็นไร"
"นั่งนิ่ง ๆ อ้าปาก กลืนเข้าไป ยังเหลืออีกเยอะเลยที่เธอต้องกิน"
โม่หนิงฮวาในตอนนี้แทบอยากกรีดร้องออกมาให้สุดเสียง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน นังตันหยงมันไปกินดีหมีใจเสือที่ไหนมา ถึงได้ใจกล้าเปลี่ยนเป็นคนละคนแบบนี้ แถมยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะจับเธอกดให้นั่งลงเก้าอีก บังคับให้กลืนกินอาหารที่ผสมยาพิษเข้าไปตั้งหลายคำ
"ไม่นะ.. คือฉันมีธุระต้องรีบไป ฉันขอตัวก่อนนะเพื่อนรัก"
ขณะที่โม่หนิงฮวากำลังจะลุกเดินออกไป ตันหยงจึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์จอมปลอมให้สิ้นสุดลงทันที ดีกว่าจะปล่อยให้คนใจคดเข้าใกล้เธอต่อไป
"ฉันขยะแขยงคำว่าเพื่อนรักที่ออกจากปากเธอที่สุด เพราะมันไม่มีความจริงใจอยู่ในนั้นเลย อาหารที่เธอนำมาวันนี้จะถูกส่งไปตรวจหายาพิษที่ห้องแล็บ จากนี้ไปเธอไม่ต้องมาข้องเกี่ยวอะไรกับฉันอีก บ้านหลังนี้ไม่ต้อนรับเธอ ฉันกับครอบครัวโชคร้ายจริง ๆ ที่ต้องรู้จักเธอกับครอบครัว"
"..."
"เมื่อไหร่ที่ฉันหาหลักฐานได้ครบ รับรองว่าคนบงการคงไม่ได้ตายดีแน่ ๆ"
โม่หนิงฮวาตัวชาวาบเมื่อได้ยินสิ่งที่ตันหยงพูดออกมา แต่เธอก็ยังพยายามปั้นหน้าเหมือนว่าตันหยงคิดมากไปเอง
"เธอคิดมากเกินไปรึเปล่าตันหยง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครมาเป่าหูอะไรเธอ จนทำให้เธอคิดว่าฉันกับครอบครัวอยู่เบื้องหลังการตายของคุณอากับพี่ชายของเธอ"
"เธอร้อนตัวเกินไปแล้ว ฉันยังไม่ได้พูดถึงการตายของพ่อกับพี่ใหญ่เลยสักนิด หึ กลับไปเถอะ ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนกับการเสแสร้งของเธอเต็มทีแล้ว ฟางหนิง ส่งแขก! ต่อไปนี้ห้ามผู้หญิงคนนี้เข้าบ้านอีกเด็ดขาด"
ลั่วฟางหนิงที่รอเวลานี้มานานก็รีบขับไล่คู่กรณีของเจ้านายทันที
"ค่ะคุณนาย ไปสิคะ ไม่ได้ยินเหรอว่าเจ้าของบ้านเค้าไม่ต้อนรับ ชิ่ว ๆ"
กรี๊ดดด
"ไม่มีวัน ถ้าอาเล็กให้ฉันเข้ามา ยังไงเธอก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามฉัน ลืมไปแล้วรึยังไงว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอ"
"แล้วยังไงล่ะ จะไปตีสองหน้าใส่สามีฉันเหรอ ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอเป็นแค่ลูกของพี่น้องร่วมสาบาน แต่ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย คนนั่งคุยกับคนนอนคุยมันต่างกัน ไสหัวออกไปซะถ้ายังไม่อยากเจ็บตัว เดี๋ยวแม่ก็เอากับข้าวยัดปากซะหรอก"
กรี๊ดดดด
"แก! แกมันก็แค่เมียที่ถูกยัดเยียด แถมเค้ายังไม่เคยชายตามองแกเลยด้วยซ้ำ"
"มองหรือไม่มองคนนอกแบบเธอจะไปรู้อะไร ถึงฉันจะถูกยัดเยียดแต่ฉันก็ได้เป็นคุณนายเจียง เป็นที่ยอมรับและนับหน้าถือตา ต่างจากคนบางคนที่ต้องใช้วิธีวางยาให้เมียเค้าตาย แล้วหาจังหวะปีนขึ้นเตียงเค้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่าสมเพช"
กรี๊ด กรี๊ดดด
"ฝากไว้ก่อนเถอะแก"
"ไม่รับฝาก จากนี้ไปมีแต่จะเอาคืนเท่านั้น รีบไสหัวไปซะ น่ารำคาญ จะมาร้องโหยหวนขอส่วนบุญอะไรอยู่แถวนี้"
โม่หนิงฮวาเดินกรีดร้องออกไปหน้าตึกใหญ่ ทั้งคนขับรถ คนสวนต่างก็แอบมองอย่างไม่เชื่อสายตา ใครจะไปคิดว่าคุณนายที่เคยพูดน้อย หัวอ่อน เรียบร้อยของพวกเขา วันนี้จะฮึดสู้ไล่ตะเพิดคนตีสองหน้าจนระเห็จออกนอกบ้านไป