บนยอดตึกสูงของศูนย์การค้าใหญ่ใจกลางเมืองปักกิ่ง สวี่ตันหยงกำลังดูยอดผลประกอบการประจำปีที่สูงลิ่วจนเป็นที่น่าพอใจ ใบหน้าของหญิงสาววัย 30 เต็มไปด้วยความมาดมั่นว่าปีหน้าเธอจะต้องทำกำไรให้ได้มากกว่านี้
ในอีกไม่นานเธอกำลังจะเริ่มธุรกิจใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมแผนการยื่นขอจดทะเบียนบริษัท หากธุรกิจใหม่ของเธอสำเร็จ ชีวิตนี้ของตันหยงก็ถือว่าเดินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามา"
"ประธานสวี่ค่ะ มีพัสดุส่งถึงคุณแต่ไม่มีชื่อที่อยู่ของต้นทางค่ะ ดิฉันเช็กแล้วเห็นว่าเป็นหนังสือเลยเอาเข้ามาให้คุณดูก่อนค่ะ"
ลู่ฟางหนิงรายงานงานเจ้านายของตนพร้อมกับวางหนังสือนิยายลงตรงหน้าสวี่ตันหยง เรียวคิ้วของประธานสาวขมวดเป็นปมด้วยความสงสัยเมื่อมองดูสิ่งของตรงหน้า เธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้สั่งซื้อหนังสืออะไรมาแน่นอน
"สวี่ตันหยงหญิงแกร่งทะลุมิติ ยุค80 อย่างนั้นเหรอ! ทำไมมีชื่อฉันอยู่บนหน้าปกหนังสือแบบนั้นล่ะ"
สวี่ตันหยงหยิบหนังสือเล่มดังกล่าวขึ้นมาเปิดดูด้วยความสงสัย จังหวะนั้นลู่ฟางหนิงจึงเปรยความคิดของคนเองขึ้นมาโดยไม่ได้คิดอะไร
"หรือจะเป็นแฟนคลับของท่านประธาน เอาประวัติของท่านประธานไปเขียนเป็นนิยายรึเปล่าคะ ไม่แน่นะคะ อนาคตอาจจะมีคนสร้างละครจากชีวประวัติของท่านประธานก็เป็นได้ ยังไงท่านประธานก็เป็นหญิงแกร่งที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย"
สิ่งที่ผู้ช่วยสาวพูดออกมาไม่เกินจริงเลยสักนิด ถึงสวี่ตันหยงจะมีอายุเพียง 30 ปี แต่หญิงสาวก็เผชิญโลกมาทุกรูปแบบ เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไม่มีครอบครัวคอยเป็นแรงผลักดันหรือคอยหนุนหลัง ทุกเส้นทางมีบาดแผลมากมายที่เธอถูกฟาดฟันมาจนเหวอะหวะ
ทั้งจากคนไกลตัวและคนใกล้ตัว แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอผ่านทุกอย่างมาได้ก็คือการสู้ไม่ถอย เอาทุกบาดแผลมาเป็นประสบการณ์ ชีวิตของสวี่ตันหยงเริ่มต้นจากการไลฟ์สดขายของ เธอเริ่มจากเงินไม่กี่พันหยวนในวัย 18 ปีที่ต้องออกจากบ้านเด็กกำพร้ามาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้งกว่าจะมีวันนี้ได้
"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดีอยู่หรอก แต่ทำไม๊... ทำไมต้องใส่ชื่อของสองคนนี้เข้าไปในหนังสือเล่มนี้ด้วยนะ"
ใบหน้าของประธานสาวเปลี่ยนไปทันที ที่อ่านมาถึงชื่อของบุคคลทั้งสอง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนที่เธอรักและทำให้เธอเจ็บปวดเจียนตาย เมื่อทั้งคู่ประกาศข่าวการแต่งงานกะทันหัน ณ เวลานั้นไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดลงกลางอกของเธอ
โม่หนิงฮวา คือเพื่อนรักที่เติบโตมาจากบ้านกำพร้าและย้ายออกมาอยู่ข้างนอกพร้อมเธอ เจียงสือเทียน คือชายที่เธอรัก และเธอก็คิดว่าเขารักเธอ เขาเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วเธอรู้สึกอบอุ่น แต่ทุกอย่างก็ขาดสะบั้นลงเมื่อโม่หนิงฮวาประกาศงานแต่งในงานเลี้ยงบริษัท ทั้งที่เธอกับเจียงสือเทียนยังไม่ได้บอกเลิกกันอย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ
"พับผ่า! นี่มันจะตอกย้ำกันไปถึงไหน ให้ฉันเอาไปทิ้งดีกว่าไหมคะท่านประธาน อย่าอ่านต่อเลยค่ะ เปลืองสมองเปล่า ๆ"
"อย่าเลยฟางหนิง เนื้อเรื่องในนิยายเรื่องนี้นางเอกดูต่างจากฉันมาก ทั้งเป็นคนหัวอ่อน ทั้งเป็นลูกคนหนูที่ต้องเสียพ่อและพี่ชายไปจากอุบัติเหตุ ที่สำคัญ สวี่ตันหยงคนนี้ได้แต่งงานกับเจียงสือเทียนด้วยนะ ฮึ ฉันอยากอ่านต่อ อยากรู้ว่ามันจะจบยังไง"
ผู้ช่วยสาวมองเจ้านายของตนเองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้ว่าประธานสวี่จะตอกย้ำให้ตัวเองเจ็บปวดไปถึงเมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะจริง ๆ แล้วประธานสวี่ไม่เคยลืมประธานเจียงคนนั้นกันแน่
"..."
"เดี๋ยวฉันจะเอากลับไปอ่านต่อที่เพนเฮาส์ เธอก็กลับบ้านได้เลยนะฟางหนิง วันนี้ฉันอนุญาตให้กลับเร็วได้"
หนังสือนิยายถูกเก็บใส่กระเป๋าหนังแบรนด์หรู ก่อนที่สวี่ตันหยงจะหยิบข้าวของทุกอย่างแล้วเดินออกจากห้องทำงานตรงไปที่ลานจอดรถเพื่อจะกลับไปที่ที่พักของตนเอง
"ขอบคุณค่ะประธานสวี่"
หลังจากกลับมาถึงที่พัก
สวี่ตันหยงในเวลานี้เป็นหญิงสาวที่เพรียกพร้อมทุกอย่าง แต่เธอก็ปฏิเสธชายหนุ่มทุกคนที่เข้าหา เพราะยังลืมผู้ชายใจร้ายคนนั้นไม่ได้ เธอรู้จักกับเจียงสือเทียนผ่านการทำธุรกิจ ฝ่ายชายเป็นหนุ่มใหญ่ที่ครองโสดมาจนอายุ 35 ปี ซึ่งตอนนั้นสวี่ตันหยงก็อายุ 25 ปี
เจียงสือเทียนเป็นคนมาดนิ่ง สุขุม และมีหน้ามีตาในสังคมนักธุรกิจ สวี่ตันหยงพอรู้ตัวว่าชอบผู้ชายคนนี้ เธอก็เป็นฝ่ายรุกจีบเขาก่อนอยู่เกือบ 3 ปี จนสุดท้ายเขาก็ใจอ่อน ทั้งคู่คบกับในฐานะคู่รักเป็นเวลา 1 ปีกว่า พอเข้าปีที่ 5
สวี่ตันหยงก็ต้องล้มทั้งยืนเมื่อเพื่อนรักอย่างโม่หนิงฮวา ประกาศข่าวดีว่ากำลังตั้งท้องและจะแต่งงานกับพ่อของลูก ซึ่งก็คือเจียงสือเทียน ไม่มีการบอกเลิก ไม่มีการกล่าวลา ไม่มีคำขอโทษ
จากวันนั้นโม่หนิงฮวาก็ลาออกจากบริษัทไปใช้ชีวิตเป็นคุณนายเจียงตามที่เธอต้องการ ส่วนสวี่ตันหยงก็ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เธอไม่กล้าไว้ใจใครอีก ไม่กล้ามีความรักครั้งใหม่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองบกพร่องตรงไหนในฐานะคนรัก ทำไมคนที่เธอรักทั้งสองคนถึงทำกับเธอแบบนี้
"อาเล็กอย่างนั้นเหรอ หึ เธอก็ไม่ได้รับความรักจากเขาอีกแล้วสินะ"
เจ้าของเพนเฮาส์หรูที่อยู่ในชุดนอน เธอกำลังจิบไวน์และนั่งอ่านหนังสือนิยายเรื่องนั้นเพราะอยากรู้ตอนจบ เนื้อเรื่องคือคุณหนูสวี่ผู้อ่อนต่อโลก เธอได้สูญเสียพ่อกับพี่ชายไปพร้อมกันจากการจัดฉากของใครบางคน ในหนังสือบอกไว้อย่างละเอียดว่าใครคือคนลงมือ และใครคือคนบงการอยู่เบื้องหลัง
แต่ก่อนตายพ่อของเธอได้ขอร้องกับน้องร่วมสาบานเอาไว้ว่า ให้เจียงสือเทียนที่คุณหนูสวี่เรียกว่าอาเล็กแต่งงานกับเธอ เพื่อดูแลเธอให้ปลอดภัย แต่ใครจะรู้ว่าสาวน้อยจะหลงรักหนุ่มใหญ่ใจหินอย่างเจียงสือเทียนเข้าจริง ๆ
แต่ด้วยความหัวอ่อนของเธอหรือจะรู้เท่าทันคนร้อยเล่ห์อย่างครอบครัวโม่ เหมือนนักเขียนตั้งใจตอกย้ำลงมาที่บาดแผลของเธอ ด้วยการส่งโม่หนิงฮวาให้กลับมาเป็นเพื่อนรักของเธอในนิยายอีกครั้ง พออ่านมาถึงตรงนี้สวี่ตันหยงก็อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะก่นด่าคนที่เขียนนิยายเรื่องนี้...
"คนเขียนก็ปะไร มันไม่มีคนอื่นแล้วรึยังไงถึงได้ส่งผู้หญิงคนนี้ให้มาเจอกับฉันอีก!"
แต่พออ่านไปถึงหลังงานแต่งที่คุณหนูสวี่ได้กลายมาเป็นคุณนายเจียงเต็มตัว กระนั้นเธอก็ยังไม่ได้รับความรักจากสามี การที่เธอทุ่มเทเวลาเอาใจใส่เขาไม่ได้ทำให้เขาหันมามองเธอเลยสักนิด ประจวบกับถูกเพื่อนรักวางยาทีละนิด ทุกคนจึงคิดว่าเธอตรอมใจจนร่างกายทรุดโทรม
"อ้าว ทำไมไม่มีให้อ่านต่อล่ะ นิยายเขียนไม่เสร็จก็ส่งมาให้ฉันอย่างนั้นเหรอ บ้าจริง ๆ!"
พอเปิดไปหน้าต่อไปก็พบแต่ความว่างเปล่า กระทั่ง...
"เอ๊ะ เหมือนมีช่องเก็บของ นี่มันอะไรกัน?"
สวี่ตันหยงเปิดช่องที่ปิดไว้ด้วยกระดาษแข็งออก ทันใดนั้นแสงสว่างก็สาดส่องออกมาจนเธอต้องหันหลบเพราะแสบตา ตันหยงรอจนกว่าแสงนั้นจะหายไปจึงหันกลับไปมองในช่องนั้นอีกครั้ง
"กำไลหยก! หยกเนื้อดีด้วยแฮะ"
กำไลหยกสีเขียวมรกตถูกหยิบขึ้นมาพินิจมองด้วยความตื่นเต้น สวี่ตันหยงเห็นของแบบนี้มาก็มาก แต่ไม่มีชิ้นไหนดึงดูดเธอได้ดีขนาดนี้มาก่อน
"สวยจัง ลองใส่ซักหน่อยก็แล้วกัน"
เธอสวมกำไลหยกเข้าไปที่ข้อมือด้านขวาโดยไม่รู้เลยว่านี่คือช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของเธอแล้ว