กรงสวาทมาเฟีย
Ep.6
________________________________________
แกร่ก!
"เธอร์! เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ผู้จัดการสาวที่เพิ่งหารถของตัวเองเจอแล้วรู้ว่าถูกหลอกล่อให้ออกไปข้างนอกรีบวิ่งกลับเข้ามาหน้าตาตื่นด้วยความเป็นห่วงดาราสาว
"อึก..พะ..พี่แจน..คะ..คาลไลน์..คาลไลน์มา" เอสเธอร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการสาวช้าๆ เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาด้วยความโกรธแค้น
"พี่ว่าแล้วเชียว! แล้วนี่มันทำอะไรเธอร์รึเปล่า"
"คะ..แค่จูบค่ะ" ดาราสาวหลบตาแจนนี่ในตอนที่พูดถึงเรื่องจูบ ใบหน้าหวานเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่คาลไลน์เคยทิ้งเอาไว้
"จูบงั้นเหรอ! นี่มันได้จูบแรกของเธอไปแล้วเหรอ!!" แจนนี่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ คนอย่างเอสเธอร์ไม่เคยยอมจูบกับใคร แม้จะเป็นนักแสดงแต่ทุกครั้งเธอก็จะขอจูบแบบหลอกๆ ตลอด
"พาเธอร์กลับบ้านหน่อย" เธอเอ่ยบอกสั้นๆ แล้วหยัดกายลุกขึ้นยืน โดยเมินคำโวยของผู้จัดการสาวเมื่อครู่ ท่าทีที่ดูแปลกไปของเอสเธอร์ทำให้แจนนี่เป็นห่วงเธอไม่น้อย
"โอเคไหมเธอร์"
"เธอร์โอเค แค่อยากกลับบ้านพักผ่อน" แจนนี่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีกเมื่อได้รับคำตอบกลับมาแบบนั้น เธอพาคนตัวเล็กเดินไปขึ้นรถแล้วขับไปส่งถึงที่คอนโด
หลายวันต่อมา..
"เดี๋ยวพอถึงฉากนี้แล้วจะมีการจูบด้วยนะ" ทิมมี่ผู้กำกับหนุ่มชี้แจงรายละเอียดกับดาราสาวด้วยความเกรงใจ ตั้งแต่ที่เธอได้รับรางวัลก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะให้เกียรติเธอมากขึ้น "แต่ไม่ต้องห่วงนะ จูบหลอกเหมือนเดิม"
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ทิม" เอสเธอร์กระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ คำพูดของเธอสร้างความแปลกใจให้กับทิมมี่และเดนนิสที่รับบทพระเอกละครเรื่องนี้ไม่น้อย "เพราะรอบนี้เธอร์จะจูบจริง!"
"อะไรนะ!!" ทิมมี่และเดนนิสโพล่งขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ ทั้งสองคนยกมือขึ้นขยี้ไปรอบๆ ดวงตาของตัวเองแล้วมองดาราสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"ตกใจอะไรกันคะ แค่เธอร์ยอมจูบจริงต้องเล่นใหญ่กันขนาดนี้เลยเหรอ?"
"กะ..ก็ต้องตกใจสิเธอร์ ปกติเธอร์ไม่เคยยอมจูบจริงเลยนี่นา" ผู้กำกับหนุ่มขยับกรอบแว่นตาที่สวมอยู่แก้เก้อเล็กน้อย ถึงจะตกใจไปบ้างแต่ลึกๆ เขาก็ดีใจจนแทบทำตัวไม่ถูก เพราะละครของเขาจะเป็นเรื่องแรกที่เอสเธอร์ยอมจูบจริง
"นะ..นั่นสิ..จูบหลอกมาตลอดพอรู้ว่าจะได้จูบจริงมันเลยเขินๆ ยังไงไม่รู้นะ" เดนนิสยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขิน แค่ได้ร่วมแสดงละครกับเธอก็รู้สึกดีใจแทบแย่ ยิ่งพอได้รู้ว่าตัวเองจะได้เป็นจูบแรกของเธอก็ยิ่งมีความสุขมากเข้าไปใหญ่
"เอาเป็นว่าตามนี้นะคะขอตัวไปท่องบทก่อน ถ้าจะถ่ายแล้วให้คนเข้ามาตามได้เลยนะพี่ทิม" เอสเธอร์ฉีกยิ้มหวานให้ทิมมี่และเดนนิส ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องพักนักแสดงส่วนตัวที่ทางกองถ่ายจัดเตรียมเอาไว้ให้
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหนักๆ ที่ดังขึ้นทำให้คาลไลน์ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงประวัติและรูปตั้งแต่เด็กจนโตของเอสเธอร์มองไปยังประตูที่กำลังจะถูกเปิดเข้ามา
"นายครับ นี่คือข้อมูลและประวัติของเธอทั้งหมดที่ไม่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตครับ" อีธานโค้งศรีษะเล็กน้อย ก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับมาเฟียหนุ่ม
"พ่อเธอเป็นหนี้ที่คาสิโนของกูด้วยงั้นเหรอ?" คิ้วหนาเลิกขึ้นเชิงเป็นคำถาม
"ครับนาย พ่อเธอติดหนี้นายอยู่ประมานยี่สิบล้านไม่รวมดอกเบี้ยครับ"
"ดี มึงคอยส่งคนไปตามทวงหนี้เธอนะ เอาตอนที่เธอกำลังถ่ายละครหรือออกงานจนกว่าเงินเก็บเธอจะหมด"
"ครับนาย"
"มึงแน่ใจว่าข้อมูลในนี้ไม่มั่ว กูไม่อยากเสียหน้าให้เธอ"
"ครับนาย แน่ใจมากครับ"
"ดี แล้วเรื่องที่ให้จับตาดูเธอล่ะ"
"ก็ปกติดีครับ คุณเอสเธอร์ไม่ได้บอกเล่าเรื่องของนายให้ใครฟัง"
"ตอนนี้เธออยู่ไหน"
"กำลังถ่ายละครครับ"
"อืม" เขาเอ่ยตอบสั้นๆ ด้วยสีหน้าและแววตาเรียบเฉย
"เอ่อนายครับ ผมว่ามีอีกอย่างที่ผมควรจะบอกให้นายรู้" อีธานพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะเขาไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของมาเฟียหนุ่มได้เลย
"อะไร"
"คุณเอสเธอร์ตั้งใจจะจูบจริงในฉากที่ต้องถ่ายทำวันนี้ทั้งที่ตั้งแต่เล่นละครมาเธอจะจูบหลอกตลอด"
"หึ" มาเฟียหนุุ่มแค่นเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างรู้ทันดาราสาว เธอคงตั้งใจอยากที่จะปั่นหัวเขา ใบหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่ค่อยๆ แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"เอ่อ..."
"เดี๋ยวกูจะเข้าไปเช็กของที่โกดังไม่ได้กลับเข้าบริษัทอีก มึงเข้าประชุมแทนกูตอนบ่ายด้วย" คาลไลน์ออกคำสั่งกับมือขวาคนสนิทพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วติดกระดุมเสื้อสูทให้ครบทุกเม็ด ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป
"หรือว่ารอบนี้นายคิดจะมีเมียจริงๆ" มือขวามาเฟียพึมพำกับตัวเองเบาๆ ในตอนที่เจ้านายเดินออกไปแล้ว เพราะปกติคาลไลน์ไม่เคยสนใจเรื่องของผู้หญิงคนไหนเท่ากับเธอคนนี้มาก่อน
@โกดังเก็บของ
"ได้ข่าวว่าวันนี้ไอ้คาลไลน์มันก็เข้าไปเช็กของที่โกดังมันเหมือนกันใช่ไหม" รามิลเอ่ยถามมือขวาคนสนิทขณะที่กำลังเช็กอาวุธปืนในมือล็อตใหม่อย่างอารมณ์ดี เพราะครั้งนี้เขาค้าขายสินค้าได้จำนวนเทียบเท่ากับคาลไลน์ นั่นหมายความว่าอีกไม่นานเขาอาจจะได้อยู่เหนือกว่า
"ครับนาย ดีใจด้วยนะครับที่นายตีตื้นมันได้สักที" คารอสแสดงความยินดีกับเจ้านายหนุ่มที่พยายามแข่งขันกับอีกฝ่ายอย่างจริงจังมานาน แม้บนใบหน้าหล่อเหลาจะไม่ได้ปรากฏรอยยิ้มก็ตาม
"ขอบใจมึงด้วยที่ซื่อสัตย์กับกู" แม้ภายนอกของรามิลจะดูเคร่งขรึมและเย็นชาไปไม่ต่างจากคาลไลน์ แต่เขามีความรู้สึกของการเป็นมนุษย์มากกว่าอีกฝ่าย
"นายครับ! มีเรื่องด่วนครับ!" ขณะที่รามิลและคารอสกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น แฟรงค์ลูกน้องของคารอสก็วิ่งเข้ามาหน้าตาแตกตื่น
"ถ้าคราวหน้ามึงพรวดพราดเข้ามาแบบนี้อีก กูเป่าหัวมึงแน่" คารอสหยิบปืนในมือไปจ่อที่ขมับข้างขวาของลูกน้องตนเองอย่างไม่สบอารมณ์นัก
"ขอโทษครับพี่ แต่ผมมีเรื่องด่วนเรื่องใหญ่ที่ต้องรายงานให้นายรู้ครับ"
"ถ้าไม่ด่วนจริงมึงรู้ใช่ไหมว่าจะเจอกับอะไร"
"ครับ"
"มึงว่ามา" รามิลแทรกขึ้นด้วยความรำคาญ เมื่อเห็นทั้งสองคนเถียงกันไม่จบสิ้น
"คือว่าคุณเอสเธอร์ที่นายให้สืบน่ะครับ ผมไปรู้มาว่าพ่อของเธอติดหนี้พนันที่คาสิโนของเราอยู่ด้วยครับ" คำพูดของแฟรงค์ ทำเอารามิลที่ฟังอย่างไม่ใส่ใจนักถึงกับต้องวางอาวุธในมือลงอย่างลืมตัว
"มึงว่าไงนะ"
"พ่อของเธอเป็นหนี้นายครับ"
"หึ น่าสนุกดีนี่" มือหนาลูบปลายครางที่มีเคราบางๆ อย่างนึกสนุก มุมปากหนากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาจนลูกน้องทั้งสองรู้สึกแปลกใจ
"จะให้ไปเอาตัวเธอมาเลยไหมครับ" คารอสเอ่ยถามเมื่อเห็นรามิลดูให้ความสนใจเธอมากเป็นพิเศษ
"ยังไม่ต้อง ตอนนี้พ่อเธอเป็นหนี้เราเท่าไหร่"
"ยี่สิบล้านครับ" เป็นแฟรงค์ที่เอ่ยตอบ
"ดี เงินเยอะขนาดนี้คงใช้ไม่หมดง่ายๆ มึงคอยส่งคนไปทวงหนี้เธอเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะหมดตัว แล้วค่อยมารายงานกู"
"รับทราบครับ!" ลูกน้องมาเฟียรับคำสั่งพร้อมเพรียงกัน แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในตัวของเจ้านายสักเท่าไหร่ แต่ลูกน้องอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์ไปสงสัย
________________________________________
To be continued
เอาแล้วเสือสองตัวมันกำลังจะรุมขย้ำน้อนแล้ว5555555555555555