กรงสวาทมาเฟีย
Ep.5
________________________________________
งานเปิดตัวรถยนต์คันหรูถูกดำเนินมาจนกระทั่งถึงโชว์ที่เอสเธอร์จะต้องทำการแสดง เธอยืนเบ้ปากอยู่หลังเวทีเมื่อรู้ว่ามีคนกำลังรอจับตาดูเธออยู่ หากไม่กลัวว่าแจนนี่จะต้องเดือดร้อนในภายหลัง เธอก็อยากจะหนีออกจากงานนี้ไปให้รู้แล้วรู้รอด
"ทำหน้าดีๆ หน่อยสิ จะโชว์แล้วนะ" ผู้จัดการสาวพูดบอกเมื่อเห็นเอสเธอร์ปั้นหน้าบูดบึ้ง ขณะที่กำลังดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า หน้า ผมของเธออีกครั้ง
"พี่แจนก็รู้ว่าเธอร์เสแสร้งไม่เป็น" ดาราสาวเบ้ปากไปมาพลางกลอกตามองบน
"เอาล่ะครับ เพื่อเป็นการขอบคุณแขกผู้เกียรติและบรรดาสื่อมวลชนทุกท่าน เราจะขอมอบโชว์ของดาราสาวที่กำลังมาแรงในตอนนี้ให้ได้รับชมกัน ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณเอสเธอร์ด้วยครับ!" เสียงปรบมือดังก้องขึ้นทันทีที่พิธีกรพูดจบ จากนั้นเพลงที่จะใช้ในการแสดงโชว์ก็ดังขึ้น
เอสเธอร์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองเบาๆ เป็นการเรียกสติ ก่อนจะเดินนวยนาดขึ้นไปบนเวทีแล้วเริ่มทำการแสดง เรียวแขนเล็กตวัดวาดลวยลายตามท่าเต้นที่ฝึกฝนมาได้อย่างสวยงามสมบูรณ์แบบ เสียงกรีดร้องดังขึ้นทุกครั้งที่เธอฉีกรอยยิ้มให้กับคนข้างล่าง
ดาราสาวชะงักไปเล็กน้อยในตอนที่บังเอิญหันมาสบตากับคาลไลน์ เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวหน้าที่มีไว้สำหรับประธานบริษัท ดวงตาคมกริบจ้องเธออย่างไม่ยอมละไปไหน สีหน้าและนัยน์ตาของเขาดูเรียบเฉยเสียจนไม่สามารถคาดเดาความคิดได้ ทำเอาคนโดนจ้องรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่ก็ยังฝืนทำการแสดงได้จนจบ
เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งในตอนที่เอสเธอร์โน้มศรีษะลงหลังจากทำการแสดงเสร็จ เธอส่งยิ้มให้เหล่าบรรดาแฟนคลับที่ตั้งใจมางานนี้เพื่อมาเจอโดยเฉพาะ ก่อนจะเชิดใบหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งเมื่อได้สบตากับมาเฟียหนุ่มอีกครั้ง
@ห้องแต่งตัว
"เป็นไงโอเคไหม?" แจนนี่เอ่ยถามในตอนที่ดาราสาวเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางอ่อนล้า บนใบหน้าหวานแสดงออกได้ถึงความเหน็ดเหนื่อย
"ก็ดีค่ะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีอีตามาเฟียนั่นมาคอยนั่งดู" เธอเอ่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก พลางถอดต่างหูและเครื่องประดับออกทีละชิ้น เพราะมีคาลไลน์ที่เป็นเหมือนแรงกดดันเลยทำให้วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมากเป็นพิเศษ "โอ๊ย ซิบนี่รูดยากทุกทีเลย!"
"หันหลังมาเดี๋ยว..."
ครืด~ ครืด~
ขณะที่กำลังจะช่วยรูดซิบให้ดาราสาว โทรศัพท์มือถือของแจนนี่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็แผดเสียงร้องขึ้น เธอรีบหยิบมันออกมากดรับเพราะคิดว่าปลายสายอาจจะติดต่อมาเรื่องงาน
"ฮัลโหล แจนนี่พูดค่ะ"
(คุณแจนนี่รบกวนมาถอยรถออกหน่อยได้ไหมครับ พอดีรถของคุณแจนนี่จอดขวางรถของแขกคนอื่นเอาไว้อยู่)
"อ๋อได้ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้" เมื่อพูดจบเธอก็กดวางสายทันที
"มีอะไรรึเปล่าคะ" เอสเธอร์เอ่ยถามผู้จัดการสาวเมื่อเห็นท่าทางที่ดูรีบร้อนของหล่อน
"เธอร์รอก่อนพี่ไปถอยรถแป๊ปนึง"
"โอเคค่ะ" เธอคลี่ยิ้มให้แจนนี่บางๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องแต่งตัวไป
"เอาล่ะ พี่แจนไม่อยู่เราก็ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้" เอสเธอร์เดินเข้าไปอีกมุมของห้องแต่งตัวเพื่อจัดการรูดซิบชุดที่ใส่อยู่ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าใครบางคนเพิ่งเปิดประตูเดินเข้ามา พร้อมกับกดล็อกและลงกลอนอย่างแน่นหนา
"จำได้ว่าจอดรถเอาไว้ตรงนี้นิ หายไปไหนเนี่ย" ผู้จัดการสาวบ่นอุบกับตัวเองด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือเพื่อต่อสายหาคนที่โทรเข้ามาเมื่อครู่
"พี่แจนกลับมาแล้วเหรอ ดีเลย มาช่วยเธอร์ที" เอสเธอร์ที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้รีบเอ่ยขอความช่วยเหลือเพราะคิดว่าคนที่เข้ามาคือผู้จัดการสาว
ครืด!
"ขอบคุณค่ะ แล้วนี่เรา...คะ..คาลไลน์!!" ร่างบางโพล่งขึ้นด้วยความตกใจเมื่อหันหลังกลับมาแล้วเจอกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาอย่างคาลไลน์ หัวใจดวงน้อยหล่นร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มในตอนที่เขาเลื่อนใบหน้าคมคายเข้ามาใกล้ๆ
"เกลียดมาเฟียอย่างฉันมากนักเหรอ" ดวงตากลมเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ คาดไม่ถึงว่าเขาจะได้ยินในสิ่งที่เธอพูดกับผู้จัดการสาว
"คะ..คาลไลน์..ถะ..ถอยไปนะ" เอสเธอร์เบือนหน้าหลบสายตาดุดันคู่นั้นที่กำลังจ้องมองเธอราวกับกำลังโกรธเคือง
"รู้อะไรไหมว่าฉันไม่เคยปล่อยให้ไอ้พวกที่มันนินทาฉันลับหลังได้มีโอกาสหายใจต่อเลยสักคน" ก้อนเนื้อในอกซ้ายกระตุกวูบอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินในสิ่งที่ไม่คาดคิดออกมาจากปากของมาเฟียหนุ่ม เธอเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเขาขึ้นมาจนอยากจะร้องไห้ ยิ่งได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจ "แต่เธอคือข้อยกเว้น"
"...." คำพูดที่ดูเหมือนกับกำลังหว่านล้อมทำให้เอสเธอร์หันหน้ากลับมาจ้องเขาอย่างลืมตัว ภายในใจมีแต่คำถามและความสับสน "นะ..นายต้องการอะไร"
"ถ้าไม่อยากให้คนที่เธอรักเดือดร้อนก็อย่าเที่ยวพูดเรื่องของฉันกับใครอีก" พูดจบคาลไลน์ก็เลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าหวาน ก่อนจะประกบริมฝีปากหนาลงมาหนักๆ บนริมฝีปากอวบอิ่ม
เอสเธอร์กำหมัดเข้าหากันแน่นจนมันสั่นเทาในตอนที่ถูกเขาขบเม้มริมฝีปากอย่างหนักหน่วง เธอรู้ดีว่าการผลักเขาออกในตอนนี้มันช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลา
ทุกอย่างชัดเจนขึ้นแล้วว่าคนอย่างคาลไลน์คงทำได้ทุกอย่างหากต้องการหรือไม่ต้องการอะไร เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรทำตัวยังไง แม้ในความเป็นจริงจะรังเกียจคนอย่างเขามากก็ตาม
"หวังว่าคงจะได้เจอกันอีก" คาลไลน์กล่าวทิ้งท้ายหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกแล้ว ก่อนจะหมุนตัวเดินหันหลังออกจากห้องนี้ไป
"บ้าเอ๊ย!!" ดาราสาวสบถออกมาด้วยความโมโห พร้อมกับใช้มือขยี้ริมฝีปากของตัวเองอย่างรุนแรงจนคราบลิปสติกเลอะไปทั่วพวงแก้มนวล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถลบสัมผัสอุ่นๆ บนริมฝีปากที่เขาทิ้งเอาไว้ได้
________________________________________
To be continued
พี่คาลขี้ขโมยอ่า555555 ขโมยจูบน้องแบบหน้าด้านๆ เลยเด้อ???