แรกพบ เพียงสบตา
นาริมาถึงกรุงเทพฯ ในเวลาค่ำแล้ว เธอไม่อยากเชื่อสายตาที่มองเห็น บ้านอัศวภูมินหลังใหญ่ราวกับวัง มีสาวใช้ที่แต่งตัวดูสวยและสะอาดตามากกว่าเธอเสียอีก นาริรู้จากผู้เป็นแม่ว่าเบญญาดาเลิกกับสามีและได้รับมรดกจากครอบครัว บวกกับความขยันทำให้ได้ดิบได้ดี แต่เธอไม่คิดว่าคำว่าได้ดิบได้ดีของแม่จะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ภายในบ้านหลังใหญ่โตที่นาริย่างกายเข้ามาทุกอย่างดูแปลกตาจากสิ่งที่เธอเคยพบเจอ ข้าวของเครื่องใช้ที่ดูหรูหราจนเธอไม่กล้าที่จะจับต้อง
เบญญาดาพาไปยังห้องของเธอที่อยู่ด้านบนริมสุดของบันได ภายในห้องเป็นห้องนอนสีฟ้าอ่อน ที่ดูโออ่าและอลังการมาก มีห้องหนังสืออยู่ภายในพร้อมกับโต๊ะหนังสือ และยังมีระเบียงยื่นออกไปทางสวนหลังบ้านเมื่อนาริเดินออกไปเธอก็ได้กลิ่นดอกแก้วส่งกลิ่นหอม
“ป้ารู้นานแล้วว่าหนูจะได้มาอยู่ด้วย ป้าเลยให้คนมาทำห้องหนังสือเพราะรู้ว่าหนูชอบอ่านหนังสือ และก็ให้คนสวนปลูกต้นดอกแก้วในสวน หนูกับแม่ชอบดอกแก้วเหมือนกัน จะได้หายคิดถึงบ้าน...” เบญญาดาอธิบายเมื่อเห็นว่าสาวน้อยมีสีหน้าสงสัย “พอจะอยู่ได้ไหมนาริ ขาดเหลือหรือว่าหนูอยากได้อะไรบอกคนของป้าได้เลยนะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ริอยู่ได้ห้องนี้กว้างกว่าห้องที่ริเคยนอนต้องเยอะ อย่าลำบากมากกว่านี้เลยนะคะ แค่นี้ริก็เกรงใจมากแล้ว” เธอตอบอย่างเกรงใจ
“พี่ริมาแล้วเหลอ”
จีรภัทร ลูกสาวของเบญญาดาเธอเองก็จำได้ดีเพราะเบญญาดาเคยพาไปที่อ่าวมะนาวหลาย ๆ ครั้ง เธอออกจะดีใจมากที่นาริจะมาอยู่ด้วย ทันทีที่เห็นนาริเธอก็สวมกอดอย่างดีใจจนนาริหายใจแทบไม่ออก
“น้องริน พี่หายใจไม่ออก....”
“อุ้ย... ขอโทษค่ะ ก็มันดีใจนี่นา ดีใจที่พี่นาริจะมาอยู่กับพวกเรา”
สาวน้อยที่กำลังเรียนม.ปลายกอดเธอหลวม ๆ และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างดีใจ
“อย่ากวนพี่เขาเลยลูกริน” เบญญาดาลูบหัวลูกสาว “พี่เขาเดินทางมาเหนื่อย ๆ ให้พี่เขาพักผ่อน... แล้วเดี๋ยวไปกินข้าวเย็นด้วยกัน”
“ก็ได้ค่ะ พี่ริพักผ่อนนะคะ” จีรภัทรเดินออกจากห้องไปพร้อมกับผู้เป็นแม่ ทิ้งไว้เพียงสาวใช้หน้าตาน่ารักอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
“สวัสดีค่ะคุณนาริ ดิฉันชื่อวีนะคะ จะมาเป็นสาวใช้ประจำตัวคุณ...”
“สาวใช้ประจำตัว...” นาริถึงกับอุทานออกมา ไม่อยากเชื่อว่าการเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้เธอจะมีสาวใช้ประจำตัว อย่างกับเจ้าหญิงในนิทาน
“ค่ะ.... แต่ก่อนวีไม่ได้ประจำตัวใคร วีคอยดูแลอาหารให้กับบ้านคุณวินหลังนั้นไงคะ...”
“ใครคือคุณวิน”
“ก็ลูกชายคนโตของบ้านหลังนี้ไงคะ แต่เดิมทีคุณวินพักอยู่บ้านหลังใหญ่ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของคุณเบจวรรณน้องสาวคุณเบญญาดา แต่พอเธอแต่งงานและมีครอบครัวเธอก็ย้ายออกไป....”
“........”
“ตอนนั้นคุณวินเรียนจบและกลับมาเมืองไทย คุณวินพาผู้หญิงเข้าบ้านมาไม่ซ้ำหน้า ทะเลาะกับคุณเบญญาดาทุกวันเลยนะคะ..” วีเล่าไปก็จัดแจงเอาข้าวของออกจากกระเป๋านาริ “จนในที่สุดคุณเบญญาดาต้องให้คุณวินไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น คุณเบญญาดาบอกว่าในเมื่อห้ามไม่ได้ก็จะปล่อยและไม่สนใจคุณวิน วีเลยต้องรับหน้าที่ดูแลคุณวินและบ้านหลังนั้น พอคุณวินได้ทำงานทำให้เรื่องผู้หญิงดูเพลา ๆ ลง แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีเลย...”
“คุณวินเป็นคนใจร้ายมาก ที่ทำให้คนเป็นแม่เสียใจตั้งหลายครั้ง...”
“แต่วีว่าคุณวินน่าสงสาร วีว่าที่คุณวินเป็นแบบนี้เพราะคุณเบญญาดา คุณวินน่าจะน้อยใจที่คุณเบญญาดาไม่สนใจ ตลอดสามปีที่ไปเรียนเมืองนอกคุณเบญญาดาเอาแต่ทำงานไม่สนใจลูก ๆ ขนาดคุณรินคุณเบญญาดายังไม่เคยไปรับที่โรงเรียนเลยนะคะ ให้แต่คนรถไปรับ แต่หลังจากที่คุณวินกลับมาจากเมืองนอกคุณเบญญาดาก็เริ่มสนใจลูก ๆ บ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นคุณรินเพราะยังเด็กอยู่ คุณวินเลยประชดด้วยวิธีนี้”
“.......”
นาริฟังและคิดตาม ต่างคนก็มีเหตุผลกันคนละแบบลูกก็อยากได้ความสุขจากแม่ แม่ก็อยากให้ลูกสบายด้วยเงินตรา ต่างมีเหตุผลแต่เป็นเหตุผลที่เข้ากันไม่ได้เอาเสียเลย
“วีมัวแต่ชวนคุณนาริคุย คุณนาริไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเรื่องเสื้อผ้าวีจัดการเอง....” สาวใช้หน้าหวานยิ้ม
ในตอนเย็นโต๊ะอาหารที่ยาวราวกับนั่งกันได้สักสามสิบคน แต่มีคนที่นั่งเพียงแค่สามคนทำให้นาริรู้สึกไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าจะสรรหาโต๊ะที่ใหญ่ขนาดนี้ไว้เพื่ออะไรในเมื่อใช้ประโยชน์ได้เพียงน้อยนิด แต่เธอก็เข้าใจว่าผู้คนที่มีฐานะต้องสร้างของที่ดูหรูหราเพื่อประดับบารมี บนโต๊ะอาหารก็มีอาหารมากมายจนลายตา จนนาริแอบที่จะคิดไม่ได้ว่าเธอกินทั้งอาทิตย์จะหมดหรือไม่
“ป้าไม่รู้ว่าหนูชอบกินอะไร ป้าเลยให้แม่บ้านทำหลาย ๆ แบบ ไม่อยากให้หนูเบื่อ”
“ริไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่ริไม่สบายใจที่ทำให้ทุกคนต้องลำบาก ทำอาหารมากมายขนาดนี้ ต้องสิ้นเปลืองแย่ และเรากินกันแค่สามคนยังไงก็ไม่หมด...”
“นี่ยังน้อยค่ะพี่นาริ ถ้าพี่วินอยู่นะ.... แม่บ้านจะทำอาหารจนเต็มโต๊ะนี่เลย เพราะไม่รู้ว่าพี่วินจะกินอะไร ทำอาหารกว่าจะถูกใจน่ะยาก”
“.....” นาริฟังเงียบ ๆ เพราะเธอรู้จากวีมาบ้างแล้ว
“ป้าลืมบอกไปว่าป้ามีลูกชายอีกคน หนูเองก็ไม่เคยเจอสินะเค้าไม่เคยไปกับป้า”
“พี่วินเขาหล่อมากเลยนะคะ เป็นนักธุรกิจด้วย สาว ๆ น่ะเพียบเลย” นาริเริ่มจดจำข้อมูลของคนที่เธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยอย่างละเอียด
“แต่ก่อนตาวินไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจหรอก โดยปกติเขาเป็นคนละเอียดอ่อน เข้าใจคนอื่นว่ากำลังรู้สึกอะไรคิดอะไร เขาเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก รูปในบ้านนี้ก็ฝีมือเขาทั้งนั้น เขาชอบเดินทางไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ตั้งแต่เด็ก ๆ แต่หลังจากกลับมาจากเมืองนอกก็กลับเป็นคนเอาแต่ใจ นาริไม่ต้องกลัวพี่เขานะ เขาไม่ได้พักบ้านเดียวกับเรา เห็นบ้านหลังข้าง ๆ เราไหม ป้าให้เขาแยกบ้านอยู่เพราะไม่อยากพบเจอผู้หญิงของเขา ตั้งแต่เข้ามาทำงานในบริษัทก็เริ่มเพลาๆ บ้างแล้ว ”
นาริเงียบเธอจะตอบอะไรได้ สายตาของเบญญาดาฉายแววเป็นห่วง คงเพราะกลัวว่าเธอจะกลัวลูกชายคนโตของตน แต่สำหรับนาริมันคงไม่มีปัญหาอะไรในเมื่อเราอยู่กันคนละบ้านอีกอย่างเธอก็มั่นใจว่าเธอสามารถที่จะดูแลตัวเองได้ เธอเองก็เรียนศิลปะการต่อสู้มาพอตัว ถึงขนาดได้รับเลือกให้เป็นโค้ชยูโดของมหา’ลัยมาแล้ว
ในตอนค่ำนารินอนไม่หลับ คงเป็นเพราะแปลกที่แปลกทางทำให้เธอไม่คุ้น เธอจึงออกมาเดินรับลมเย็น ๆ ที่สวนหลังบ้าน ตอนนี้กลิ่นของดอกแก้วหอมมาก ยิ่งเธอได้กลิ่นเธอก็ยิ่งสบายใจที่นี่ท้องฟ้าแทบไม่เห็นดาว แต่สวนที่นี่สวยงามคงเป็นเพราะมีการดูแลที่ดีทำให้ดูน่ามองทั้งที่เป็นเวลากลางคืน นาริเหลือบมองไปทางบ้านหลังขนาดกลางแต่ก็จัดว่าใหญ่เอามาก ๆ สำหรับนาริ ภายในบ้านมีแสงไฟเปิดอยู่บ้างแล้วแสดงว่าเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว
นาริเดินเล่นฮัมเพลงอยู่คนเดียวนานสองนาน โดยที่เธอไม่ได้รู้เลยว่ากำลังอยู่ภายใต้สายตาของใครบางคน ธีรภัทรแอบมองเธออยู่นาน ความจริงเขาน่าจะแปลกใจที่เห็นใครที่เขาไม่เคยเจอมาอยู่ในบ้านของตน แต่ทันทีที่เขาเห็นเธอความรู้สึกแรกมันกลับไม่ใช่ มันมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดให้เขามองเธออย่างหลงใหล ทั้งที่เขาเองก็พบเจอผู้หญิงมามากมายกับผู้หญิงเรียบ ๆ ธรรมดาเอามาก ๆ กลับอยากมองนาน ๆ ผู้หญิงคนนี้เหมือนใครสักคนที่เขาเคยพบ
“ใครน่ะ”
นาริตะโกน เมื่อเธอสามารถรับรู้ได้ว่ามีใครสักคนกำลังแอบมองเธออยู่ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดปรากฏหลังพุ่มไม้นั้น ทำให้นาริชักไม่แน่ใจ เธอลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเขวี้ยงแก้วโกโก้ร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว
.....โอ๊ย.....
เป็นคนอย่างที่นาริคิดไว้จริง ๆ แต่ใครล่ะที่จะแอบมองเธอ ไม่นานนักธีรภัทรก็เดินออกมาพร้อมกับมือที่กุมหางคิ้วที่มีเลือดไหลออกมา การแต่งตัวที่ภูมิฐานทำให้เขาไม่น่าจะเป็นโจร แต่นาริก็ยิ่งระแวงเอามาก ๆ
“นายเป็นใคร....”
“ผมน่าจะเป็นคนถามมากกว่าว่าคุณเป็นใคร...” ประโยคนี้ทำให้นาริคิดถึงชายที่เป็นเจ้าของบ้านหลังที่เธอกำลังแอบสงสัยอยู่ลูกชายคนโตของเบญญาดา เธอเองยังไม่ได้รู้จักเขาเลยแถมยังเจอแก้วโกโก้ไปอีก
“.....”
“ผมเป็นลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้ แล้วคุณล่ะเป็นใคร....”แล้วเธอจะอธิบายยังไง พูดไม่ออกจริง ๆ นาริเอาแต่อ้ำอึ้งเธอไม่สามารถที่จะบอกชายที่อยู่ตรงหน้าได้เลยว่าเธอเป็นผู้อาศัยที่เพิ่งมาอยู่วันแรก
“คุณวิน..” วี สาวใช้หน้าสวยเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่เห็นเจ้านายหนุ่มมีเลือดไหลที่หางคิ้ว “ไปโดนอะไรมาคะ...”
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร...” น้ำเสียงที่นิ่งและดูดุดันเอ่ยขึ้น
“คุณนาริเป็นแขกของคุณเบญญาดาค่ะ จะมาอยู่บ้านหลังนี้” ธีรภัทรยิ้มมุมปากเขานึกออกแล้ว ตอนกลับมาจากญี่ปุ่นแม่ของเขาเคยบอกอยู่ว่าจะรับลูกสาวของเพื่อนมาอยู่ด้วย กำชับเขาหนักหนาว่าผู้หญิงคนนี้แม่หวงห้ามแตะต้อง ธีรภัทรยื่นแก้วโกโก้ให้วีและเดินตรงไปหานาริ
“วีเอาแก้วไปเก็บ... และจะไปทำอะไรก็ไป...” วีมองนาริอย่างเป็นห่วง แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งเจ้านายเธอก็ต้องทำ
“ฉันขอโทษ คือ...ไม่ได้ตั้งใจ”
“ทำแผลให้พี่หน่อยสิ” สิ้นประโยคนาริก็หันไปหาวีที่กำลังจะเดินเข้าบ้านหมายจะให้วีเป็นคนทำแผล แต่ก็ดูจะสายไป “ทำผมเจ็บไม่คิดที่จะรับผิดชอบเลยเหรอคุณ...”
“ก็ได้...” นาริรู้สึกไม่ชอบใจที่ธีรภัทรพยายามจะใช้สายตาในการรุกรานเธอบวกกับคำพูดและน้ำเสียงที่ยิ่งฟังก็ยิ่งขัดใจ
“กล่องยาอยู่บ้านพี่ กล้าไปหรือเปล่า” ธีรภัทรคิดว่าไม้เดิมที่เขาเคยใช้กับผู้หญิงทั่วไม่คงไม่ได้ผลกับผู้หญิงคนนี้ ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ท้าทายความสามารถเขา เขาก็จะแสดงให้เธอรู้ว่าพิษสงชายอย่างเขาเป็นเช่นไร
“.......”นาริไม่ตอบแต่เธอเลือกที่จะเดินนำไปยังบ้านหลังนั้น ทั้งที่เธอเองก็ไม่เคยไปแต่ก็พยายามทำตัวอาจหาญเดินไป ธีรภัทรเดินตามอย่างอารมณ์ดีสายตาของเขากำลังสำรวจสาวเจ้าที่กำลังเดินอย่างทะมัดทะแมง ผู้หญิงอะไรไม่ได้มีท่าทีที่ดูเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย แต่กลับมีหน้าตาที่สุดแสนจะหวาน
“หยุดเดินทำไม...” ธีรภัทรร้องถามเมื่อสาวหน้าหวานที่ทำตัวอาจหาญหยุดเดินกะทันหันขณะเดินมาถึงหน้าบ้านของธีรภัทร
“กล่องยาอยู่ไหนล่ะ...”
“เดินเข้าไปอยู่มุมห้องขวามือ มุมเสาข้างโซฟา”
นาริจำต้องเดินเข้าไปในบ้านอย่างระแวงใจ สายตากับรอยยิ้มของธีรภัทรมันทำให้นาริไม่ไว้วางใจกับการกระทำของเขา ภายในบ้านหลังนี้ไม่ค่อยมีข้าวของเครื่องใช้ โทนสีของบ้านแสดงออกว่าเจ้าของบ้านเป็นคนอ่อนโยน ไม่น่าจะเป็นของชายที่ดูเจ้าชู้อย่างที่นาริกำลังรู้สึกอยู่ ณ ตอนนี้
ภาพถ่ายที่มีจำนวนมากในบ้านหลังนี้มองไปมุมไหนก็จะเป็นรูปภาพธรรมชาติในมุมต่าง ๆ ที่น่ามอง ทุกภาพสะดุดสายตาเธอไปหมด ตอนนี้เธอกำลังหลุดเข้ามาอยู่ในห้องภาพอย่างงั้นหรือ มันน่าหลงใหลซะเหลือเกิน แต่เธอกลับหยุดอยู่ที่ภาพบานใหญ่ที่อยู่กลางห้อง ภาพพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินพื้นน้ำทะเลกลายเป็นสีคราม มีเงาเด็กหญิงผมยาวที่กำลังเดินอยู่ที่ชายหาด ในมือเธอมีดอกไม้อยู่
“พี่ถ่ายที่อ่าวมะนาวเมื่อหลายปีที่แล้ว...”
นาริหันไปตามต้นเสียงและพบว่าชายหนุ่มยืนห่างจากเธอเพียงคืบ ใบหน้าของผู้ชายตัวโตคนนี้ยิ่งมองใกล้ ๆ ก็ยิ่งดูหล่อเหลา คิ้วหนาดกดำและดวงตาที่คมราวกับมีด มีแพรขนตาวาวระยับโดยรอบดวงตาดูเข้มขรึม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม รับกับจมูกที่โด่งสันได้รูปทำให้ชายคนนี้ดูมีเสน่ห์
นาริมัวแต่พินิจดวงหน้าของชายหนุ่มโดยที่เธอไม่ได้รู้เลยว่าใบหน้าของธีรภัทรอยู่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ธีรภัทรต้องก้มเล็กน้อย เพราะนาริสูงเพียงแค่บ่าเขาเท่านั้น กว่านาริจะรู้ตัวอีกทีเธอก็สัมผัสลมหายใจอุ่น ๆ ที่กำลังรินรดใบหน้าเธอ ใบหน้าเธอร้อนวาบ เธอเองมีเพื่อนเป็นผู้ชายแต่ไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายขนาดนี้
“...” นาริผลักอกชายหนุ่มออกก่อนจะพยายามเรียกสติตัวเอง “แล้วผู้หญิงในรูปนี้เป็น...แฟนคุณเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก เธอคงเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกับพี่ ตอนนั้นพี่จะจมน้ำและเธอก็เข้ามาช่วย พี่ก็เลยซื้อกุหลาบที่มีคนมาขายแถวนั้นให้เธอเป็นการขอบคุณ และพี่ก็ยังแอบเอาสร้อยที่พี่ใส่ประจำคล้องกับช่อกุหลาบไว้ ตอนนั้นพี่หนีแม่ไปเที่ยวตอนจบม.ปลายถ้าจำไม่ผิด...”
“ดูเหมือนเธอจะพิเศษสำหรับ...พี่มาก”
“...จะเรียกว่ารักแรกก็ได้... รักแรกที่ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้จักที่อยู่ และไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร..” ธีรภัทรเล่าไปก็มองภาพนี้ไป และเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังเล่าเรื่องส่วนตัวให้หญิงแปลกหน้าฟัง ปกติแล้วเขาไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครที่ไม่สนิทฟัง แต่กับผู้หญิงคนนี้มันเหมือนมีความผูกพันบางอย่างซ่อนอยู่ “จะไม่ทำแผลแล้วใช่ไหม...”
“....”
เธอเดินไปหยิบกล่องยา และวางบนโต๊ะข้างโซฟา ของในกล่องเป็นของที่ยังไม่ได้ใช้เลย แสดงว่าคนในบ้านไม่เคยบาดเจ็บแล้วใช้ของพวกนี้เลย ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้เพื่อให้นาริทำแผลได้ง่าย แต่ยิ่งเข้ามาใกล้ นาริก็ยิ่งเสียความมั่นใจ เธอยืดตัวและพยายามมองแต่แผลไม่อยากให้สายตามองไปยังใบหน้าของชายหนุ่ม แต่ผิดกับธีรภัทรที่มองดวงหน้าเธออย่างหลงใหล และอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว แววตาหวาน ๆ กับริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ ใบหน้าที่ไม่มีการตกแต่งแต่อย่างใด แต่กลับสวยหมดจดไม่มีที่ติ
“นาริ”
“คะ..”
เมื่อเธอหันมาสบตาชายหนุ่มก็พบว่ามันใกล้มาก จมูกของชายหนุ่มอยู่ห่างกับหน้าเธอเพียงฝ่ามือกั้น ชายคนนี้เริ่มน่ากลัวอีกแล้ว ใจเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก แต่เธอกลับเคลื่อนไหวใด ๆ ไม่ได้ราวกับต้องมนต์
“พี่คงไม่อยากได้อีกแผล..” ธีรภัทรค่อย ๆ ถอยกายออกห่างอย่างช้า ๆ เมื่อมีดพกที่นาริถือเลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาจอที่อกของเขา
“...โอเค ...โอเค”
“ทำแผลเรียบร้อยแล้ว ฉันจะไปนอน”
นาริพยายามรักษาคำพูดแม้จะเริ่มไม่สบอารมณ์กับชายคนนี้เสียแล้ว เธอเดินออกจากบ้านอย่างโล่งใจ ดีนะที่เธอมีมีดอยู่ในมือไม่งั้นคงเสียทีชายคนนี้เสียแล้ว
“นายคิดจะทำอะไรไอ้วินแม่เสือสาวถึงได้เอามีดจอแกได้”
วิทยาเพื่อนสนิทและเป็นผู้ช่วยในการทำงานคนสำคัญของธีรภัทร เขาตามวินมาบ้านเพื่อเอาเอกสารบางอย่างและได้เห็นฉากรักที่วินพยายามเริ่ม ส่วนสาวเจ้าก็เป็นคนจบอย่างไม่เหลือเยื่อใย สาวคนนี้คงเป็นคนแรกที่ปฏิเสธธีรภัทร โดยปกติสาว ๆ ต่างรุมล้อมที่จะถวายตัวแก่ชายหนุ่ม
“มาเอาอะไรวะกลางดึก”
“มาเอาเอกสารแต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากเกือบจะได้รัก”
“ไม่ต้องพูดมาก แกรู้ใช้ไหมว่าผู้หญิงที่แม่รับมาอยู่ด้วยเป็นใคร เมล์ประวัติมาให้ฉันทันทีที่แกถึงบ้าน เอกสารอยู่ในห้องทำงานไปหาเอา”