มู่หยางจิน

1584 Words
พระราชวัง “ท่านพี่ระวัง” เสียงทุ้มนุ่มของเด็กหนุ่มร้องดังขึ้น มู่หยางหย่งเล่อเบี่ยงตัวหลบปลายดาบที่ทหารนายหนึ่งลอบฟันจากทางด้านหลัง เขาตวัดดาบอย่างแรงจนแขนของทหารนายนั้นขาดออกจากร่างล้มลงไปนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นเลือดไหลนอง เวลานี้ลานด้านหน้าพระราชวังล้วนอาบไปด้วยเลือดสีแดงสดของเหล่าทหารใต้ปกครองของหลู่หนานอ๋อง มู่หยางหย่งเล่อนำทัพเข้าฟาดฟันเหล่ากบฏโดยมีมู่หยางจินน้องชายที่บัดนี้เติบโตเป็นหนุ่มน้อยตามติดพี่ชายออกรบอย่างห้าวหาญ “หลู่จื่อเทาหลบหนีออกจากวังหลวงไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” จางหลงซานที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดกล่าวรายงาน มู่หยางหย่งเล่อกำดาบในมือแน่น เขาแค้นใจที่นำทัพบุกเข้าเมืองหลวงคราวนี้ไม่สามารถสังหารโจรกบฏหลู่หนานอ๋องได้ “ส่งคนไปติดตาม จับเป็นมาให้ข้า ข้าจะใช้เลือดมันเซ่นสังเวยแด่เสด็จพ่อและทุกๆคน” “กระหม่อมรับบัญชา” จางหลงซานรับคำสั่งแล้วเดินจากไปในทันที “องค์ชาย แผ่นดินจะขาดผู้ปกครองไม่ได้ ขอพระองค์ทรงรับบัญชาจากสวรรค์ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ด้วยเถิด” ซ่งชีฟงและเหล่าทหารต่างก็คุกเข่าลงแสดงความเคารพมู่หยางหย่งเล่อ เขาขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตนเองต้องรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่นี้ในสักวัน เพียงแต่เขายังอยากออกติดตามไล่ล่าสังหารหลู่จื่อเทาให้สำเร็จก่อน เขายังไม่พร้อมจะทำหน้าที่ปกครองบ้านเมืองในเวลานี้ “ข้าอยากฆ่าหลู่จื่อเทาให้สำเร็จก่อน บ้านเมืองนี้ให้เสิ่นหนานอ๋องดูแลก่อนก็แล้วกัน” มู่หยางหย่งเล่อมองสหายคนสนิทของพระบิดา คนที่เขาสามารถพึ่งพาให้ช่วยปกครองบ้านเมืองได้ในเวลานี้ เสิ่นอี้เฉินผู้นี้ไม่เพียงแต่มีความรู้ความสามารถ แต่เขายังเป็นคนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนไว้วางใจถึงกับแต่งตั้งให้เป็นเสิ่นหนานอ๋อง พร้อมกับมอบเมืองห่างไกลอย่างซานเป่ยให้ปกครอง “ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะองค์ชายเล็ก พระองค์อย่ามาโยนงานหนักเยี่ยงนี้ให้คนชราอย่างกระหม่อมเลย” เสิ่นอี้เฉินคุกเข่าก้มหน้า ไม่เห็นด้วยกับความคิดของมู่หยางหย่งเล่อว่าที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เขาไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับคนในราชวงศ์มู่หยาง จะให้เขาอาจเอื้อมปกครองแผ่นดินแคว้นหนิงได้อย่างไร แค่เพียงเดี๋ยวเดียวก็ไม่กล้า “คนชราที่ไหนจะถือดาบฟาดฟันศัตรูได้เก่งฉกาจเช่นท่านอา” มู่หยางหย่งเล่อเรียกขานเสิ่นอี้เฉินอย่างสนิทชิดเชื้อ สหายคนสนิทของพระบิดาคนนี้เมื่อรู้ว่าเขาตั้งกองกำลังเตรียมกอบกู้แคว้นคืนจากหลู่จื่อเทา ก็ไม่รอช้ารีบยกทัพนำทหารเมืองซานเป่ยมาสมทบทันที กว่าสองปีที่พวกเขาร่วมรบด้วยกัน มู่หยางหย่งเล่อจึงวางใจให้เสิ่นอี้เฉินช่วยบริหารบ้านเมือง เพื่อที่เขาจะได้ไปตามไล่ล่าศัตรูคู่อาฆาต “ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ยังไงก็ไม่ได้” เสิ่นอี้เฉินคุกเข่าก้มหัวอย่างไม่ยอมรับ “ก็ได้ท่านอา ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด พวกท่านทุกคนด้วย รีบลุกขึ้นได้แล้ว” มู่หยางหย่งเล่อเข้าไปประคองเสิ่นอี้เฉินให้เขารีบลุกขึ้น หากแต่เสิ่นอี้เฉินกลับไม่ยอมลุก และคนอื่นๆ ก็ไม่ยอมลุกขึ้นเช่นกัน “นี่พวกท่านไม่เชื่อฟังข้าแล้วอย่างนั้นหรือ” มู่หยางหย่งเล่อมองเหล่าทหารร่วมรบอย่างเหนื่อยใจ เขาเพียงแค่ต้องการสังหารหลู่จื่อเทาด้วยตนเองเท่านั้น ไม่ได้คิดจะไม่รับช่วงดูแลบ้านเมื่อเสียเมื่อไหร่ “แผ่นดินจะขาดผู้ปกครองบ้านเมืองไม่ได้ ขอพระองค์โปรดไตร่ตรองด้วย” ซ่งชีฟงกล่าวเตือนมู่หยางหย่งเล่อด้วยเสียงอันดังและหนักแน่นอีกครั้ง มู่หยางหย่งเล่อมองเหล่าทหารคนสนิทแล้วถอนหายใจ เขาเพียงแค่อยากทำตามใจตนสักครั้ง ทำไมช่างยากเย็นเหลือเกิน “ขอพระองค์ได้โปรดไตร่ตรองด้วย” เหล่าทหารต่างกล่าวขอร้องมู่หยางหย่งเล่ออย่างพร้อมเพรียงกัน “ข้ายอมพวกท่านแล้ว ต่อไปจะทำสิ่งใดก็ทำตามที่สมควรเถิด” มู่หยางหย่งเล่อเข้าไปประคองเสิ่นอี้เฉินให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้น งานสถาปนาฮ่องเต้พระองค์ใหม่ถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าอย่างเรียบง่าย เพราะบ้านเมืองทรุดโทรมจากสงครามมานาน มู่หยางหย่งเล่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่จึงไม่ต้องการพิธีการมากมายและไม่อยากให้สิ้นเปลืองมากนัก มู่หยางจินในฐานะน้องบุญธรรมของฮ่องเต้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอ๋องน้อยมู่หยางจิน เขาล่วงรู้ถึงเกียรติแห่งตำแหน่งอ๋องน้อยของเขานี้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีความสุขกับตำแหน่งลาภยศนี้ เขาจึงขอประทานอนุญาตจากฮ่องเต้ ติดตามแม่ทัพจางหลงซานที่ได้รับราชโองการให้ไปเป็นเจ้าเมืองรักษาชายแดนเมืองต้าหยาง เพื่อหวังจะตามไปสืบหาหลู่จื่อเทา “ไม่ได้ พี่ไม่ยอมให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด พี่สัญญากับพ่อแม่เจ้าแล้วว่าจะให้เจ้าอยู่สุขสบายและปลอดภัยข้างกายพี่ พี่ไม่ยอม เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสีย” มู่หยางหย่งเล่อกล่าวกับมู่หยางจินอย่างโมโห ที่น้องชายของเขาเอาแต่จะหาเรื่องออกไปเผชิญอันตราย หลายเดือนมานี้เขาสามารถจัดการกับกิจการบ้านเมืองทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แต่มีเพียงแค่มู่หยางจินคนเดียวที่เขาจัดการยังไงก็ยากลำบากเหลือเกิน “เสด็จพี่ กระหม่อมโตแล้ว พระองค์ปล่อยให้กระหม่อมออกไปเรียนรู้โลกกว้างบ้างเถอะ” “เจ้าเพิ่งสิบสาม” “อีกไม่กี่เดือนกระหม่อมก็จะสิบสี่แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” “อย่ามาเถียง กระดูกเจ้าอ่อนบางเพียงนี้ จะเอาไปเทียบกับเจ้าโจรกบฏนั่นได้อย่างไร” “กระหม่อมไปกับท่านหลงซาน พระองค์วางใจได้ อีกอย่างกระหม่อมก็โตแล้ว สูงเกือบเท่าท่านเยี่ยนชางแล้วด้วย” มู่หยางจินเดินไปยืนข้างหัวหน้าราชองครักษ์ซ่งเยี่ยนชาง ที่รับแต่งตั้งให้เป็นองครักษ์คนสนิทของฮ่องเต้ “แม่ทัพจางหลงซาน ไปดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองต้าหยาง แล้วเจ้าที่มียศใหญ่กว่าเขาจะไปทำไม เจ้าจะทำให้เขาจะลำบากใจในการบริหารกิจการเมืองซะเปล่าๆ” มู่หยางหย่งเล่อมองน้องชายอย่างเอือมระอา กับท่าทางที่พยายามทำเหมือนว่าตัวเองเติบโตมากพอที่จะทำอะไรด้วยตนเองแล้ว “แต่ว่าข้าอยากไปนี่ท่านพี่” เมื่อพูดกันด้วยเหตุผลแล้วฮ่องเต้ไม่ทรงยินยอม มู่หยางจินจึงพูดกับพี่ชายเหมือนตอนที่เขาเจอกันใหม่ๆ มู่หยางหย่งเล่อถอนหายใจกับท่าทางก้มหน้ามองพื้นของน้องชาย แล้วก็คิดถึงเรื่องปราบโจรที่เมืองชิงฉางขึ้นมาได้ ถ้าไปปราบโจรคงไม่มีอันตรายมาก แล้วชิงฉางนั้นก็ใกล้กับเมืองหลวงมากกว่าต้าหยาง ถ้าเขาเรียกตัวน้องชายให้รีบกลับวัง มู่หยางจินก็สามารถกลับมาหาเขาได้อย่างรวดเร็ว “พี่ไม่ให้เจ้าไปต้าหยาง แต่ถ้าไปปราบโจรที่เมืองชิงฉางก็พอได้ แต่ว่าเจ้าต้องทำบางอย่างให้สำเร็จก่อนออกเดินทาง” “ทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” มู่หยางจินที่กระตือรือร้นขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าตนจะได้ออกจากเมืองหลวง “พี่คงไม่ทดสอบเรื่องตำรับตำราหนังสือยุทธวิธีการศึกที่เจ้าเก่งกาจอยู่แล้ว แต่พี่จะให้เจ้าประลองฝีมือ คราวก่อนเยี่ยนชางบอกพี่ว่าเจ้าฝึกยิงธนูแล้ว พี่อยากเห็นฝีมือการยิงธนูของเจ้าว่าจะแม่นสักเพียงใด ถ้าเจ้ายิงโดนเป้าทั้งหมดเก้าในสิบเป้าพี่จะพิจารณาให้เจ้าติดตามแม่ทัพเซียวไปปราบโจรที่ชิงฉาง” มู่หยางหย่งเล่อมองมู่หยางจินอย่างหมายมาด เขาได้รับรายงานว่ามู่หยางจินฝึกยิงธนูแล้ว แต่ฝีมือไม่ดีนัก นี่ก็เพิ่งผ่านมาเพียงสามวัน มู่หยางจินคงไม่สามารถยิงธนูได้แม่นยำขึ้นอย่างแน่นอน “ข้าเพิ่งจะเริ่มเรียน ท่านพี่กลับตั้งโจทย์ยากถึงเพียงนี้ ดูก็รู้ว่าท่านยังไม่ยอมให้โอกาสข้า” มู่หยางจินก้มหน้ามองพื้นและพูดจาด้วยท่าทางอย่างเดิม “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นหากเจ้ายิงโดนห้าในสิบเป้าได้พี่จะลองพิจารณาดู” “ขอบพระทัยเสด็จพี่ ถ้าอย่างนั้นเราไปที่สนามยิงเป้ากันเถอะพ่ะย่ะค่ะ” มู่หยางจินเดินเข้ามาลากแขนฮ่องเต้หย่งเล่อที่กำลังดื่มน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ให้รีบออกไปสนามยิงเป้าด้วยกัน ฮ่องเต้ได้แต่ยอมให้น้องชายเดินจับแขนไปทั้งอย่างนั้น แต่เมื่อออกมาจากห้องทรงงานมู่หยางจินผู้รู้ความก็ยอมปล่อยฮ่องเต้ แล้วรอให้พระองค์ได้เดินนำเขาออกไป มู่หยางหย่งเล่อส่ายหัวพร้อมกับยิ้มกับท่าทางที่แสร้งเป็นคนสงบเสงี่ยมเรียบร้อยต่อหน้าธารกำนัลของน้องชาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD