“ฟื้นแล้วขอรับ พี่ชายฟื้นแล้วขอรับท่านแม่” เสียงเด็กชายที่เข้ามาช่วยเช็ดตัวพยาบาลให้คนป่วยร้องดังขึ้น พร้อมกับรีบเดินออกไปเรียกมารดาที่กำลังต้มยาอยู่ข้างนอก
คนป่วยนอนหลับไปหนึ่งวันเต็ม เขาค่อยๆลืมตาตื่นมองดูรอบๆตัวอย่างพิจารณา สิ่งที่เขาพบตอนนี้คือห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของยา เขาขยับตัวอย่างยากลำบาก และเจ็บปวดไปทั้งตัว ความทรงจำครั้งสุดท้ายคือเขาหนีการไล่ล่าของกลุ่มทหารแคว้นอู่มา เดินทางสามวันสามคืนไม่ได้พักและหมดแรงนอนอยู่ที่ข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในป่า ตอนนั้นเขาจำได้ว่าได้ยินเสียงเดินของใครบางคนที่ดังเข้ามาเรื่อยๆ เขาที่บาดเจ็บและอ่อนล้าจนแทบจะหมดแรงแล้วก็พบกับเด็กชายคนหนึ่ง เด็กคนนั้นตกใจที่ถูกเขาคว้าจับขาเอาไว้ แต่สายตากลับไม่ได้หวาดกลัวเขาสักนิดเลย และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้
“ฟื้นแล้วหรือ ดื่มยานี่ก่อนเถิด” เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นตามการประคองของหญิงคนหนึ่ง เขามองหน้าหญิงคนนั้น แล้วก็ต้องตกใจที่พบว่านางคือคนคุ้นเคยที่ไม่ได้พบหน้ากันเกือบสิบปีแล้ว
“ท่านอาหญิง” เขาพูดเสียงแหบพร่า นางทำเพียงยิ้มให้ และป้อนยาให้เขา
“ความจำท่านช่างดียิ่งนัก อย่าได้พูดอะไรเลย ท่านรีบรักษาตัวให้หายเถิด” เขาพยักหน้าแล้วรีบดื่มยาตามที่ท่านอาหญิงบอก ในใจทั้งดีใจและกังวลใจกลัวว่าเขาจะนำความเดือดร้อนมาให้ท่านอาหญิงของเขา
“ข้า........ ตอนที่ได้รับราชโองการจากเสด็จพ่อให้นำทัพมาสู้ศึกที่เมืองต้าหยางใหม่ๆ เคยคิดจะมาหาท่านอาหญิงหลายครั้ง ข้าคิดถึงท่าน อยากมาบอกให้ท่านอาหญิงและครอบครัวเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงด้วยตัวเอง ข้าได้ข่าวว่าเสด็จพ่อส่งคนมารับท่านอาหญิงแล้วนี่ เหตุใดพวกท่านยังอยู่ที่นี่อีก”
“พูดธรรมดาเถิด น้องชายท่านไม่รู้ความ อีกเดี๋ยวคงได้ถามไม่หยุด ท่านจะไม่ได้พักผ่อนเอาได้”
“บอกให้ข้าพูดธรรมดา เหตุใดท่านอาหญิง จึงไม่เรียกเพียงชื่อของข้าเหมือนอย่างก่อนเล่า ชื่อที่ท่านเรียกข้าเมื่อครั้งที่ข้ายังเด็ก”
“เอาเถอะ อาหญิงยอมเจ้าแล้วเล่อเอ๋อร์ โตขนาดนี้แล้วก็ยังทำตัวเป็นเด็กเหมือนอย่างเคย” นางส่งยิ้มให้หลานชายอย่างอ่อนโยน เขามองรอยยิ้มที่คิดถึงนั้นอย่างเศร้าใจ
“ตั้งแต่ท่านแม่ข้าจากไป ข้าก็มีแต่ท่านอาหญิงที่ห่วงใยข้า รักข้า” ชายหนุ่มก้มหน้าลงอย่างเศร้าใจเมื่อพูดถึงมารดาที่รักและคิดถึง
“เล่อเอ๋อร์” อาหญิงมองหลานชายที่รักอย่างสงสาร นึกถึงวังหลวงที่อยู่สุขสบายเบื้องหน้า แท้จริงแล้วช่างวุ่นวาย องค์ชายน้อยหย่งเล่อของนางต้องเสียพระมารดาตั้งแต่มีอายุเพียงห้าปีเท่านั้น
“อาหญิงขอโทษเจ้า ที่จากเจ้ามา” นางกล่าวกับหลานชาย และหวนคิดถึงเมื่อครั้งที่ต้องแยกจากหลายชายที่รักโดยที่ไม่ได้พบหน้าและบอกลากัน สิบปีแล้ว หลานรักของนางเติบโตและสง่างามยิ่งนัก
“ท่านขอโทษข้าทำไมกันท่านอาหญิง ข้าเห็นอาหญิงก็ดูมีความสุขและสบายดี สามีท่านเป็นคนดี ท่านอาจารย์บอกข้าอย่างนั้น”
“เพราะเขาเป็นคนดีมาก อาหญิงจึงจากเจ้ามา”
“ข้าดีใจที่ได้พบท่านอาหญิงอีก แต่ก็เกรงว่าจะทำให้ท่านและครอบครัวเดือดร้อนเพราะข้า”
“เล่อเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลไป รีบรักษาตัวให้หาย อาเขยเจ้าได้ไปกลบร่องรอยให้เจ้าแล้ว”
“หลานขอบคุณท่านอาหญิงกับท่านอาเขยขอรับ”
“จินเอ๋อร์ แม่รู้ว่าเจ้าอยู่ตรงนั้น” เด็กชายรีบเดินออกมาจากหลังประตูเมื่อรู้ว่าท่านแม่ของเขารู้แล้วว่าเขาแอบฟังพวกท่านคุยกัน
“ขอโทษขอรับท่านแม่ ลูกแค่อยากรู้ว่าพี่ชายผู้นี้เป็นใคร ลูกได้ยินพี่ชายเรียกท่านแม่ว่าท่านอา ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องเป็นพี่ชายของลูกใช่หรือไม่ขอรับ” เด็กชายพูดเสียงสลดอย่างรู้สึกผิดที่เสียมารยาทแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน แต่ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางกลับมาร่าเริงทันทีที่คิดได้ว่าตนเองมีพี่ชาย และคิดว่าตั้งแต่นี้ไปเขาก็จะมีพี่ชายเป็นเพื่อนเล่นแล้ว
“เขาเป็นพี่ชายของเจ้า แต่เจ้าต้องไม่บอกใครว่าเขาเกี่ยวพันกับเจ้า เจ้าทำได้หรือไม่”
“ทำไมขอรับ ท่านพี่เป็นคนไม่ดีหรือขอรับ” เด็กชายมองพี่ชายคนใหม่แล้วมองแม่ของเขาอย่างต้องการคำอธิบาย
“เจ้าฉลาดเกินเด็ก ยังต้องถามแม่อีกอย่างนั้นหรือ”
“พี่ชายมีบาดแผลเต็มตัว ลูกไม่รู้ว่าท่านทำให้ใครไม่พอใจถึงได้ถูกทำร้ายมาเยี่ยงนี้ ลูกไม่เคยพบกับพี่ชายมาก่อน ลูกจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าพี่ชายเป็นคนดีหรือไม่” เขาพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงฉะฉานชัดเจนอย่างมั่นใจในความคิดของเขา
“น้องชายข้าคนนี้ช่างพิเศษนัก นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านอาไม่ยอมกลับบ้าน จินเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้เป็นกังวล พี่ชายของเจ้าคนนี้ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อบ้านเมือง”
“จินเอ๋อร์รู้ความตั้งแต่ยังเด็ก อ่านเขียนก็เรียนรู้ไวกว่าเด็กวัยเดียวกัน และเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้ เหมือนกับเล่อเอ๋อร์สมัยเด็กไม่มีผิด อาหญิงยิ่งแปลกใจนักที่จินเอ๋อร์เอาแต่มาวนเวียนอยู่กับเล่อเอ๋อร์”
“พวกเราพี่น้องคงดึงดูดกันกระมัง ตอนที่ข้าเห็นเขาครั้งแรกข้าก็รู้สึกว่าข้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา”
“คงเป็นสายใยของพี่น้อง” เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้น ดึงดูดความสนใจจากคนทั้งสาม
“ท่านพ่อกลับมาแล้ว” เด็กชายลุกขึ้นไปหาผู้เป็นพ่อของเขาอย่างรวดเร็ว คนป่วยมองผู้มาใหม่อย่างพิจารณา ชายผู้นี้ดูภูมิฐานและแข็งแรงคงเพราะออกกำลังอยู่เป็นประจำ ท่าทางที่เขากำลังพูดคุยกับบุตรชายช่างอ่อนโยน เขาคล้ายกับที่ท่านอาจารย์เคยพูดให้ฟังยิ่งนัก
“มู่หยางหย่งเล่อ ขอคารวะท่านอาเขย” ชายหนุ่มลุกขึ้นทำความเคารพอาเขยของตนอย่างนอบน้อม
“มิควร ท่านมิควรแสดงความเคารพผู้มีความผิดอย่างข้า” เขารีบเข้ามาห้ามองค์ชายน้อยผู้เป็นบุตรชายคนเล็กของฮ่องเต้เจ้าเหนือหัว เขาผิดที่หลงรักองค์หญิงหรูอี้ ทำให้นางต้องลำบาก แล้วยังจะมีหน้ารับการแสดงความเคารพจากเชื้อพระวงศ์อย่างองค์ชายเล็กได้อย่างไร
“จะมิควรได้อย่างไร ท่านเป็นอาเขยของข้า ท่านรักและดูแลท่านอาหญิงของข้าเป็นอย่างดี พระคุณนี้ข้าย่อมจำไว้” ชายหนุ่มยอมนั่งลง เมื่อเห็นว่าอาเขยของเขาไม่ยอมให้เขาทำความเคารพ
“พอเถอะทั้งคู่ เล่อเอ๋อร์ อาเขยของเจ้าชื่อหยวนปิน ส่วนเด็กคนนี้ชื่อหยวนจิน จินเอ๋อร์ มาทำความเคารพพี่เจ้าดีๆเถิด” เด็กชายเดินมาทำความเคารพพี่ชายที่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชื่อ ‘มู่หยางหย่งเล่อ’
“จินเอ๋อร์ ขอคารวะท่านพี่”
“น้องชายข้า” มู่หยางหย่งเล่อมองน้องชายของเขาด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งดีใจ สุขใจ ที่ตอนนี้เขาได้มีน้องชายที่ไม่เคยคิดว่าจะมี แต่ก็รู้สึกทุกข์ใจที่คิดว่าเขาอาจจะไม่ได้เจอน้องชายคนนี้อีก
“ท่านอาหญิงและครอบครัวจะกลับบ้านกับข้าได้หรือไม่ บ้านเมื่อไม่สงบสุขเช่นนี้ อยู่ข้างนอกแบบนี้ข้ากลัวว่าพวกท่านจะได้รับอันตราย”
“อาหญิงตั้งใจแล้วว่าจะไม่กลับบ้าน เจ้าก็รู้ว่าครอบครัวของเราใหญ่ยิ่งนัก ถ้าอาหญิงกลับไป จะต้องมีคนมากมายทำให้พ่อเจ้าไม่สบายใจ”
“แต่ท่านพ่อคิดถึงท่านอาหญิงมากนะขอรับ”
“อาหญิงรู้ อาหญิงเองก็คิดถึงท่านพ่อของเจ้า เรามีกันเพียงสองคนพี่น้อง อาหญิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านพ่อของเจ้าคิดสิ่งใด การที่อาหญิงกับครอบครัวอยู่ที่นี่บ้านของท่านพ่อของเจ้าก็จะวุ่นวายน้อยลง”
“ท่านพ่อหาได้กลัวความวุ่นวายนั้นไม่”
“อาหญิงรู้ ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนเก่ง เขาปกครองคนเหล่านั้นได้ดี เพียงแต่อาทั้งสองละอายใจนัก ที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพวกเรา”
“จะเป็นเพราะท่านอาทั้งสองได้อย่างไร เหตุผลของพวกมันล้วนแต่เป็นข้ออ้างในการช่วงชิงของของบ้านเราทั้งนั้น”
“เพราะอย่างนั้น อาหญิงถึงบอกว่าเป็นเพราะอาทั้งสองอย่างไรเล่า”
“คนพวกนั้นเป็นใครกัน ทำไมต้องทำให้พวกเรากลับบ้านกับท่านพี่ของลูกไม่ได้ขอรับ”
“คนพวกนั้นคือพวกที่ทำร้ายพี่ของเจ้าอย่างไรเล่าจินเอ๋อร์” มู่หยางหย่งเล่อกล่าวเสียงเย็น นึกถึงพวกทหารแคว้นอู่ที่เอาเรื่องของท่านอาหญิงของเขามาเป็นสาเหตุรุกรานแคว้นหนิงจนถึงทุกวันนี้ สิบปีแล้วที่แคว้นอู่หาเรื่องรุกรานแคว้นหนิง เพราะต้องการแร่เหล็กของเมืองต้าหยาง
“จินเอ๋อร์ เจ้าออกไปเก็บผักกับแม่ดีกว่า ไปดูว่าวันนี้เราจะทำอะไรให้ท่านพี่ของเจ้ากินดี” พูดจบองค์หญิงหรูอี้ก็เดินนำบุตรชายออกไปจากห้องทิ้งให้ชายหนุ่มทั้งสองคุยกันตามลำพัง