พี่ชาย

1705 Words
“ฟื้นแล้วขอรับ พี่ชายฟื้นแล้วขอรับท่านแม่” เสียงเด็กชายที่เข้ามาช่วยเช็ดตัวพยาบาลให้คนป่วยร้องดังขึ้น พร้อมกับรีบเดินออกไปเรียกมารดาที่กำลังต้มยาอยู่ข้างนอก คนป่วยนอนหลับไปหนึ่งวันเต็ม เขาค่อยๆลืมตาตื่นมองดูรอบๆตัวอย่างพิจารณา สิ่งที่เขาพบตอนนี้คือห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของยา เขาขยับตัวอย่างยากลำบาก และเจ็บปวดไปทั้งตัว ความทรงจำครั้งสุดท้ายคือเขาหนีการไล่ล่าของกลุ่มทหารแคว้นอู่มา เดินทางสามวันสามคืนไม่ได้พักและหมดแรงนอนอยู่ที่ข้างต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในป่า ตอนนั้นเขาจำได้ว่าได้ยินเสียงเดินของใครบางคนที่ดังเข้ามาเรื่อยๆ เขาที่บาดเจ็บและอ่อนล้าจนแทบจะหมดแรงแล้วก็พบกับเด็กชายคนหนึ่ง เด็กคนนั้นตกใจที่ถูกเขาคว้าจับขาเอาไว้ แต่สายตากลับไม่ได้หวาดกลัวเขาสักนิดเลย และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้ “ฟื้นแล้วหรือ ดื่มยานี่ก่อนเถิด” เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นตามการประคองของหญิงคนหนึ่ง เขามองหน้าหญิงคนนั้น แล้วก็ต้องตกใจที่พบว่านางคือคนคุ้นเคยที่ไม่ได้พบหน้ากันเกือบสิบปีแล้ว “ท่านอาหญิง” เขาพูดเสียงแหบพร่า นางทำเพียงยิ้มให้ และป้อนยาให้เขา “ความจำท่านช่างดียิ่งนัก อย่าได้พูดอะไรเลย ท่านรีบรักษาตัวให้หายเถิด” เขาพยักหน้าแล้วรีบดื่มยาตามที่ท่านอาหญิงบอก ในใจทั้งดีใจและกังวลใจกลัวว่าเขาจะนำความเดือดร้อนมาให้ท่านอาหญิงของเขา “ข้า........ ตอนที่ได้รับราชโองการจากเสด็จพ่อให้นำทัพมาสู้ศึกที่เมืองต้าหยางใหม่ๆ เคยคิดจะมาหาท่านอาหญิงหลายครั้ง ข้าคิดถึงท่าน อยากมาบอกให้ท่านอาหญิงและครอบครัวเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงด้วยตัวเอง ข้าได้ข่าวว่าเสด็จพ่อส่งคนมารับท่านอาหญิงแล้วนี่ เหตุใดพวกท่านยังอยู่ที่นี่อีก” “พูดธรรมดาเถิด น้องชายท่านไม่รู้ความ อีกเดี๋ยวคงได้ถามไม่หยุด ท่านจะไม่ได้พักผ่อนเอาได้” “บอกให้ข้าพูดธรรมดา เหตุใดท่านอาหญิง จึงไม่เรียกเพียงชื่อของข้าเหมือนอย่างก่อนเล่า ชื่อที่ท่านเรียกข้าเมื่อครั้งที่ข้ายังเด็ก” “เอาเถอะ อาหญิงยอมเจ้าแล้วเล่อเอ๋อร์ โตขนาดนี้แล้วก็ยังทำตัวเป็นเด็กเหมือนอย่างเคย” นางส่งยิ้มให้หลานชายอย่างอ่อนโยน เขามองรอยยิ้มที่คิดถึงนั้นอย่างเศร้าใจ “ตั้งแต่ท่านแม่ข้าจากไป ข้าก็มีแต่ท่านอาหญิงที่ห่วงใยข้า รักข้า” ชายหนุ่มก้มหน้าลงอย่างเศร้าใจเมื่อพูดถึงมารดาที่รักและคิดถึง “เล่อเอ๋อร์” อาหญิงมองหลานชายที่รักอย่างสงสาร นึกถึงวังหลวงที่อยู่สุขสบายเบื้องหน้า แท้จริงแล้วช่างวุ่นวาย องค์ชายน้อยหย่งเล่อของนางต้องเสียพระมารดาตั้งแต่มีอายุเพียงห้าปีเท่านั้น “อาหญิงขอโทษเจ้า ที่จากเจ้ามา” นางกล่าวกับหลานชาย และหวนคิดถึงเมื่อครั้งที่ต้องแยกจากหลายชายที่รักโดยที่ไม่ได้พบหน้าและบอกลากัน สิบปีแล้ว หลานรักของนางเติบโตและสง่างามยิ่งนัก “ท่านขอโทษข้าทำไมกันท่านอาหญิง ข้าเห็นอาหญิงก็ดูมีความสุขและสบายดี สามีท่านเป็นคนดี ท่านอาจารย์บอกข้าอย่างนั้น” “เพราะเขาเป็นคนดีมาก อาหญิงจึงจากเจ้ามา” “ข้าดีใจที่ได้พบท่านอาหญิงอีก แต่ก็เกรงว่าจะทำให้ท่านและครอบครัวเดือดร้อนเพราะข้า” “เล่อเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลไป รีบรักษาตัวให้หาย อาเขยเจ้าได้ไปกลบร่องรอยให้เจ้าแล้ว” “หลานขอบคุณท่านอาหญิงกับท่านอาเขยขอรับ” “จินเอ๋อร์ แม่รู้ว่าเจ้าอยู่ตรงนั้น” เด็กชายรีบเดินออกมาจากหลังประตูเมื่อรู้ว่าท่านแม่ของเขารู้แล้วว่าเขาแอบฟังพวกท่านคุยกัน “ขอโทษขอรับท่านแม่ ลูกแค่อยากรู้ว่าพี่ชายผู้นี้เป็นใคร ลูกได้ยินพี่ชายเรียกท่านแม่ว่าท่านอา ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องเป็นพี่ชายของลูกใช่หรือไม่ขอรับ” เด็กชายพูดเสียงสลดอย่างรู้สึกผิดที่เสียมารยาทแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน แต่ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางกลับมาร่าเริงทันทีที่คิดได้ว่าตนเองมีพี่ชาย และคิดว่าตั้งแต่นี้ไปเขาก็จะมีพี่ชายเป็นเพื่อนเล่นแล้ว “เขาเป็นพี่ชายของเจ้า แต่เจ้าต้องไม่บอกใครว่าเขาเกี่ยวพันกับเจ้า เจ้าทำได้หรือไม่” “ทำไมขอรับ ท่านพี่เป็นคนไม่ดีหรือขอรับ” เด็กชายมองพี่ชายคนใหม่แล้วมองแม่ของเขาอย่างต้องการคำอธิบาย “เจ้าฉลาดเกินเด็ก ยังต้องถามแม่อีกอย่างนั้นหรือ” “พี่ชายมีบาดแผลเต็มตัว ลูกไม่รู้ว่าท่านทำให้ใครไม่พอใจถึงได้ถูกทำร้ายมาเยี่ยงนี้ ลูกไม่เคยพบกับพี่ชายมาก่อน ลูกจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าพี่ชายเป็นคนดีหรือไม่” เขาพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงฉะฉานชัดเจนอย่างมั่นใจในความคิดของเขา “น้องชายข้าคนนี้ช่างพิเศษนัก นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านอาไม่ยอมกลับบ้าน จินเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้เป็นกังวล พี่ชายของเจ้าคนนี้ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อบ้านเมือง” “จินเอ๋อร์รู้ความตั้งแต่ยังเด็ก อ่านเขียนก็เรียนรู้ไวกว่าเด็กวัยเดียวกัน และเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้ เหมือนกับเล่อเอ๋อร์สมัยเด็กไม่มีผิด อาหญิงยิ่งแปลกใจนักที่จินเอ๋อร์เอาแต่มาวนเวียนอยู่กับเล่อเอ๋อร์” “พวกเราพี่น้องคงดึงดูดกันกระมัง ตอนที่ข้าเห็นเขาครั้งแรกข้าก็รู้สึกว่าข้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา” “คงเป็นสายใยของพี่น้อง” เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้น ดึงดูดความสนใจจากคนทั้งสาม “ท่านพ่อกลับมาแล้ว” เด็กชายลุกขึ้นไปหาผู้เป็นพ่อของเขาอย่างรวดเร็ว คนป่วยมองผู้มาใหม่อย่างพิจารณา ชายผู้นี้ดูภูมิฐานและแข็งแรงคงเพราะออกกำลังอยู่เป็นประจำ ท่าทางที่เขากำลังพูดคุยกับบุตรชายช่างอ่อนโยน เขาคล้ายกับที่ท่านอาจารย์เคยพูดให้ฟังยิ่งนัก “มู่หยางหย่งเล่อ ขอคารวะท่านอาเขย” ชายหนุ่มลุกขึ้นทำความเคารพอาเขยของตนอย่างนอบน้อม “มิควร ท่านมิควรแสดงความเคารพผู้มีความผิดอย่างข้า” เขารีบเข้ามาห้ามองค์ชายน้อยผู้เป็นบุตรชายคนเล็กของฮ่องเต้เจ้าเหนือหัว เขาผิดที่หลงรักองค์หญิงหรูอี้ ทำให้นางต้องลำบาก แล้วยังจะมีหน้ารับการแสดงความเคารพจากเชื้อพระวงศ์อย่างองค์ชายเล็กได้อย่างไร “จะมิควรได้อย่างไร ท่านเป็นอาเขยของข้า ท่านรักและดูแลท่านอาหญิงของข้าเป็นอย่างดี พระคุณนี้ข้าย่อมจำไว้” ชายหนุ่มยอมนั่งลง เมื่อเห็นว่าอาเขยของเขาไม่ยอมให้เขาทำความเคารพ “พอเถอะทั้งคู่ เล่อเอ๋อร์ อาเขยของเจ้าชื่อหยวนปิน ส่วนเด็กคนนี้ชื่อหยวนจิน จินเอ๋อร์ มาทำความเคารพพี่เจ้าดีๆเถิด” เด็กชายเดินมาทำความเคารพพี่ชายที่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชื่อ ‘มู่หยางหย่งเล่อ’ “จินเอ๋อร์ ขอคารวะท่านพี่” “น้องชายข้า” มู่หยางหย่งเล่อมองน้องชายของเขาด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งดีใจ สุขใจ ที่ตอนนี้เขาได้มีน้องชายที่ไม่เคยคิดว่าจะมี แต่ก็รู้สึกทุกข์ใจที่คิดว่าเขาอาจจะไม่ได้เจอน้องชายคนนี้อีก “ท่านอาหญิงและครอบครัวจะกลับบ้านกับข้าได้หรือไม่ บ้านเมื่อไม่สงบสุขเช่นนี้ อยู่ข้างนอกแบบนี้ข้ากลัวว่าพวกท่านจะได้รับอันตราย” “อาหญิงตั้งใจแล้วว่าจะไม่กลับบ้าน เจ้าก็รู้ว่าครอบครัวของเราใหญ่ยิ่งนัก ถ้าอาหญิงกลับไป จะต้องมีคนมากมายทำให้พ่อเจ้าไม่สบายใจ” “แต่ท่านพ่อคิดถึงท่านอาหญิงมากนะขอรับ” “อาหญิงรู้ อาหญิงเองก็คิดถึงท่านพ่อของเจ้า เรามีกันเพียงสองคนพี่น้อง อาหญิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านพ่อของเจ้าคิดสิ่งใด การที่อาหญิงกับครอบครัวอยู่ที่นี่บ้านของท่านพ่อของเจ้าก็จะวุ่นวายน้อยลง” “ท่านพ่อหาได้กลัวความวุ่นวายนั้นไม่” “อาหญิงรู้ ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนเก่ง เขาปกครองคนเหล่านั้นได้ดี เพียงแต่อาทั้งสองละอายใจนัก ที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพวกเรา” “จะเป็นเพราะท่านอาทั้งสองได้อย่างไร เหตุผลของพวกมันล้วนแต่เป็นข้ออ้างในการช่วงชิงของของบ้านเราทั้งนั้น” “เพราะอย่างนั้น อาหญิงถึงบอกว่าเป็นเพราะอาทั้งสองอย่างไรเล่า” “คนพวกนั้นเป็นใครกัน ทำไมต้องทำให้พวกเรากลับบ้านกับท่านพี่ของลูกไม่ได้ขอรับ” “คนพวกนั้นคือพวกที่ทำร้ายพี่ของเจ้าอย่างไรเล่าจินเอ๋อร์” มู่หยางหย่งเล่อกล่าวเสียงเย็น นึกถึงพวกทหารแคว้นอู่ที่เอาเรื่องของท่านอาหญิงของเขามาเป็นสาเหตุรุกรานแคว้นหนิงจนถึงทุกวันนี้ สิบปีแล้วที่แคว้นอู่หาเรื่องรุกรานแคว้นหนิง เพราะต้องการแร่เหล็กของเมืองต้าหยาง “จินเอ๋อร์ เจ้าออกไปเก็บผักกับแม่ดีกว่า ไปดูว่าวันนี้เราจะทำอะไรให้ท่านพี่ของเจ้ากินดี” พูดจบองค์หญิงหรูอี้ก็เดินนำบุตรชายออกไปจากห้องทิ้งให้ชายหนุ่มทั้งสองคุยกันตามลำพัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD