คนปองร้ายคือกบฏ

1611 Words
“พระองค์รู้สึกอย่างไรบ้าง” หยวนปินคุกเข่าต่อหน้ามู่หยางหย่งเล่ออย่างนอบน้อม ตามแบบฉบับขุนนางในราชสำนักที่แสดงความเคารพต่อเชื้อพระวงศ์ “ข้าสบายขึ้นมากแล้วท่านอาเขย อยู่ที่นี่ท่านปฏิบัติต่อข้าและเรียกชื่อข้าเหมือนอย่างที่ท่านอาหญิงเรียกข้าเถิด” “กระหม่อมจะเรียกชื่อพระองค์อย่าสนิทชิดเชื้ออย่างนั้นได้เยี่ยงไร มิบังควรพ่ะย่ะค่ะ” “ตอนนี้เราเป็นเพียงเล่อเอ๋อร์เท่านั้น อย่าทำให้จินเอ๋อร์ต้องสงสัยเลย ท่านอาหญิงคงไม่อยากให้จินเอ๋อร์รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกท่านเป็นใคร ข้าพูดถูกหรือไม่” “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่ที่หยวนจินเกิด พวกเราก็เป็นเพียงครอบครัวคนธรรมดา กระหม่อมเข้าป่าล่าสัตว์ หาของป่าไปขาย ท่านอาหญิงของพระองค์ก็อยู่บ้านปลูกผักเลี้ยงลูกดูแลพ่อแม่ให้กระหม่อม” หยวนปินก้มหน้าพูดอย่างสำรวมขณะพูดถึงหญิงอันเป็นที่รัก แววตาของเขาช่างมีความสุขเมื่อพูดเรื่องของครอบครัว ทุกการแสดงออกนั้นมู่หยางหย่งเล่อจดจำเอาไว้หมดทั้งสิ้น “เพราะกฎเกณฑ์บ้าบอ และข้าราชบริพารพวกนั้นที่ทำให้พวกท่านต้องลำบาก” “บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง กระหม่อมผิดที่อาจเอื้อมหลงรักองค์หญิง มีโทษสมควรตาย แต่องค์ฮ่องเต้ก็ทรงเว้นโทษตายให้ครอบครัวกระหม่อม ทรงยอมเนรเทศพวกเราให้มามีชีวิตครองคู่กันถึงทุกวันนี้ เพียงแค่นี้พวกเราก็สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์มากแล้ว” หยวนปินหมอบกราบแสดงความเคารพไปยังทิศที่ฮ่องเต้ประทับอยู่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เขาและครอบครัวได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้ในครั้งนั้น “ท่านอาหญิงของข้ามีความสุขมาก ขอบคุณท่านอาเขยที่ดูแลนางเป็นอย่างดี” มู่หยางหย่งเล่อพยุงให้เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับจับที่ไหล่ของเขาและยิ้มให้อย่างขอบคุณ “เป็นสิ่งที่กระหม่อมสมควรทำ” “จริงสิ ท่านอาเขย เมื่อครั้งที่ข้าเดินทัพมาถึงต้าหยางก็ได้ข่าวว่าเสด็จพ่อส่งคนให้มารับพวกท่านกลับเมืองหลวงแล้วนี่ เหตุใดพวกท่านยังอยู่ที่นี่อีก” “พวกเขาอาจจะคลาดกับพวกเรากระมัง เพราะตั้งแต่มีสงครามกระหม่อมก็พาครอบครัวหลบหนีเรื่อยมา ท้ายที่สุดก็มาถึงที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หยวนปินตอบโดยเลี่ยงที่จะไม่มองหน้าองค์ชาย ในใจของเขาเฝ้าคิดถึงเหตุการณ์ในครั้งแรกที่เขาต้องหลบหนีออกจากบ้านมา “แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้น ท่านย่อมรู้ดีว่าเหล่าองครักษ์ของเสด็จพ่อทุกคนล้วนเก่งกาจ พวกเขาจะตามหาพวกท่านไม่เจอจริงหรือ ท่านอาเขยโปรดบอกความจริงข้ามาเถิด” มู่หยางหย่งเล่อมองอาเขยของเขาอย่างต้องการคำตอบ เขาสงสัยตั้งแต่ที่อาหญิงของเขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้กับเขาตั้งแต่ครั้งแรก จะต้องมีเหตุไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน “ความจริงเรื่องนี้องค์หญิงไม่ต้องการให้พระองค์รู้ กระหม่อมเองก็มิกล้าปิดบังพระองค์ ทหารองครักษ์เหล่านั้นไม่ได้มาช่วยพวกเราพ่ะย่ะค่ะ หากแต่มาตามฆ่า” หยวนปินตอบเสียงเบา กับความจริงที่เกิด เขายังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่ตนเองต้องลงมือสังหารทหารองครักษ์เหล่านั้นที่จะทำร้ายครอบครัวของเขาเองกับมือทีละคน “ฆ่า! เป็นไปได้อย่างไร เสด็จพ่อไม่มีทางส่งคนมาฆ่าพวกท่านแน่” มู่หยางหย่งเล่อ คิดใคร่ครวญถึงความน่าจะเป็นอื่น เสด็จพ่อของเขารักท่านอาหญิงมาก ไม่มีทางที่พระองค์จะสั่งสังหารนางได้อย่างแน่นอน สิ่งที่เขาคิดได้ในตอนนี้คือต้องมีคนสวมรอยสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งนี้อย่างแน่นอน “ท่านอาเขยคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ” “กระหม่อมคิดว่าคงมีใครต้องการสังหารพวกเราทั้งครอบครัว เพียงแค่ไม่รู้ว่าเขาจะทำสิ่งนี้เพื่ออะไรกัน พวกเราจากมานานนับสิบปี และปฏิเสธการกลับเมืองหลวงเสมอมา กระหม่อมคิดไม่ออกจริงๆ พ่ะย่ะค่ะว่าผู้ใดที่ต้องการทำร้ายครอบครัวของกระหม่อม แต่สิ่งที่กระหม่อมแน่ใจที่สุดคือเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฝ่าบาทแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” “ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์เคยบอกกับข้าว่า เขารู้สึกว่าการเดินทางมาทำสงครามกับแคว้นอู่ในครั้งนี้ช่างแปลกยิ่งนัก ท่านน้าข้าหลู่หนานอ๋องอยู่ๆก็ล้มป่วย ทั้งที่ท่านสุขภาพแข็งแรงเรื่อยมา เสด็จพ่อจึงมีราชโองการให้ข้ามาสู้ศึกแทนโดยแต่งตั้งเจ้าคนชั่วหลู่โหย่วอี้นั้นเป็นรองแม่ทัพมากับข้า ไม่คิดว่ามันจะลวงให้ข้าเข้าไปติดกับดักของศัตรู ที่ป่าชายแดนชุยสุ่ยนั่นล้วนเป็นทหารแคว้นอู่ที่สวมชุดทหารของเรา เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าหลู่โหย่วอี้นั่นเป็นกบฏแน่แล้ว ข้าตีฝ่าวงล้อมหนีมาได้แต่ก็คลาดกันกับกลุ่มของอาจารย์ ทหารที่ติดตามข้าล้วนตายหมด ไม่รู้ว่าตอนนี้คนของข้าจะเหลืออยู่เท่าไหร่ จริงสิ ท่านอาเขยมีข่าวทัพของข้าหรือไม่” “กระหม่อมออกไปสืบข่าวได้ความว่า ตอนนี้รองแม่ทัพหลู่โหย่วอี้กำลังยกทัพกลับเมืองหลวงแล้ว และข่าวที่ว่าพระองค์หนีทัพตอนนี้ก็กระจายไปทั่วแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “ไอ้โจรกบฏหลู่โหย่วอี้ ข้ามองมันเป็นน้องชาย แต่มันกลับหักหลังข้า ข่าวที่มันแจ้งมาล้วนเป็นข่าวลวง ข้าเลี้ยงอสรพิษไว้ข้างกายแท้ๆ ท่านได้ข่าวซ่งชีฟงอาจารย์ข้าหรือไม่” “ข่าวบอกว่าเขาเองก็หนีทัพออกมาพร้อมกับพระองค์เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” “ที่อาจารย์เตือนข้าไม่ผิดเลยสักนิด เพราะข้าไว้ใจคนผิด จนเกือบจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ หากจินเอ๋อร์กับท่านอาเขยไม่ผ่านมาพบและช่วยเหลือข้าไว้ ตอนนี้ข้าคงเป็นผีเฝ้าป่าไปแล้ว ขอบคุณท่านอาเขยที่ช่วยข้าไว้” “เป็นสิ่งที่กระหม่อมสมควรทำพ่ะย่ะค่ะ ที่ผ่านมาพวกเราช่วยชาวบ้านที่บาดเจ็บจากสงครามมามาก ข้างนอกนั่นก็ล้วนเป็นชาวบ้านที่เราช่วยมาทั้งสิ้น กว่าสิบครอบครัวที่เราช่วยเหลือ สามสิบกว่าชีวิตที่ร่วมเดินทางและหลบหนีมาด้วยกัน พระองค์จะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่ แต่อาจจะไม่นาน เราไม่ควรพักอาศัยที่เดิมนานๆพ่ะย่ะค่ะ” “เพราะสงคราม เหล่าราษฎรทั้งแคว้นหนิงและแคว้นอู่ต่างก็เป็นผู้รับเคราะห์ ตอนที่ข้าเดินทางมา จิตใจก็มุ่งหวังจะทำให้สงครามยุติ อยากให้บ้านเมื่อสงบสุข ประชาชนทุกหมู่เหล่าจะได้พ้นทุกข์จากสงครามที่ยาวนานนี้เสียที” “กระหม่อมก็ปรารถนาให้บ้านเมืองสงบสุขเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” “ท่านอาเขย ท่านคิดว่าหลู่หนานอ๋องกับลูกชายของเขา จะคิดกบฏหรือไม่ เขาออกรบที่ต้าหยางนานนับสิบปี เขาจะโดนซื้อตัวไปโดยคนแคว้นอู่หรือไม่ ลูกชายของเขาตอนนี้ก็เข้ากับแคว้นอู่แล้ว” มู่หยางหย่งเล่อมองอาเขยของเขาอย่างคิดไม่ตก ไม่อยากให้สิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องจริง แต่เพราะอำนาจที่หวานหอม ท่านน้าของเขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ เพราะลูกชายของเขาตอนนี้ได้คิดกบฏอาจหาญปองร้ายองค์ชายอย่างเขาแล้ว “ท่านอาจารย์ของพระองค์เป็นคนบอกอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” หยวนปินไม่ตอบ หากแต่ตั้งคำถามกลับไป “ท่านอาจารย์ไม่เคยพูด ข้าแค่ลองคิดดู หลู่หนานอ๋องอยู่ๆก็ล้มป่วย ลูกชายเขาลวงข้าไปให้ทหารแคว้นอู่ฆ่า ปล่อยข่าวว่าข้ากับอาจารย์หนีทัพ เรื่องพวกนี้มันบังเอิญไปหรือไม่ท่านอาเขย สิ่งที่หลู่โหย่วอี้ทำล้วนเป็นการก่อกบฏ หลู่หนานอ๋องที่เป็นพ่อของเขาจะไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยจริงๆหรือ ถ้าท่านน้ากบฏจริง ตอนนี้เสด็จพ่อจะรู้หรือไม่ ข้าเป็นห่วงทุกคนที่เมืองหลวงเหลือเกิน” “อย่าเพิ่งทรงวิตกกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องราวอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่พระองค์คิด หลู่หนานอ๋องคงไม่กล้าคิดหักหลังฝ่าบาทอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาเป็นพี่สาวแท้ๆของเขา เขาคงเห็นแก่สายสัมพันธ์พี่น้องคงไม่ทำเรื่องผิดร้ายแรงขนาดนั้นอย่างแน่นอน พระองค์พักผ่อนให้มาก กระหม่อมจะไปสืบข่าวคราวท่านอาจารย์ของพระองค์ให้เอง องค์ชายโปรดวางใจ” “ข้าขอบคุณท่าอาเขยมาก ท่านอาเขยโปรดระวังตัวด้วย” “กระหม่อมจะระวังตัวพ่ะย่ะค่ะ ดาบของพระองค์อยู่ใต้ที่นอน กระหม่อมเก็บมาตอนที่พบพระองค์ โปรดซ่อนมันไว้จากหยวนจินด้วยพ่ะย่ะค่ะ เขาสนใจดาบของพระองค์มาก” มู่หยางหย่งเล่อเข้าใจดีว่าท่านอาเขยของเขาไม่ปรารถนาให้บุตรชายต้องจับดาบฆ่าฟันกับใคร เขาเองก็ไม่ต้องการให้น้องชายที่เพิ่งพบกันของเขาต้องมีชะตากรรมเดียวกับคนในราชวงศ์ที่ต้องรบราฆ่าฟันอริราชศัตรูไม่ได้หยุดหย่อนเช่นกัน “ข้าทราบแล้ว ท่านอาเขยโปรดวางใจ ข้าเองก็ปรารถนาให้น้องชายข้ามีชีวิตที่สงบสุขเช่นกัน” “ขอบพระทัยที่ทรงเข้าใจกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD