หลงป่า

1343 Words
ความลึกลับซับซ้อน ของป่าดงพงไพรที่ใครก็ยากรู้หยั่งถึง นางโมลีที่เดินตามทางไปเหมือนกับต้องมนต์สะกดบางอย่าง ความสวยงามของบรรยากาศข้างทางในป่าลึก ต้นไม้ใหญ่หลายสิบคนโอบ ปกคลุมหน้าแน่นจนแสงอาทิตย์ส่องลงมาแทบไม่ถึง เวลาผ่านไปจนบ่ายคล้อย ดวงอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลง นางโมลีที่เดินเก็บพืชพันธุ์ธัญญาหารจนเต็มตะกร้า นางจึงรู้สึกว่าควรพอแก่การเก็บเกี่ยว นางโมลีกำลังจะเดินกลับไปตามทิศทางเดิม แต่นางก็รู้สึกมีความแปลกประหลาดขึ้นมาภายในใจเหตุใดถนนหนทางจึงได้เปลี่ยนไป ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัดหรือใบไม้กระดิก นางโมลีเริ่มใจไม่ดีจึงตะโกนเรียกหาเพื่อนของนางทันที "มะม่วง มะม่วงเอ็งอยู่ที่ไหน!!?? เสียงของนางโมลีตะโกนเรียกเพื่อนรักจนลั่นป่าแต่ก็ไม่ได้มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา ความกลัวเริ่มกัดกินหัวใจของนางโมลี สองเท้ารีบเดินจ้ำให้พ้นจากเขตป่านี้แต่ใครจะรู้ว่านางมะม่วงเองก็เดินออกตามหาเพื่อนรักเช่นกันทั้งสองคนได้พลัดหลงจากกันโดยที่ไม่รู้เลย "โมลี โมลี เอ็งอยู่ไหน ข้าได้ของเต็มตะกร้าแล้วนะกับเรือนกันเถอะ" ทางด้านนางมะม่วงก็ใจไม่ดีเช่นกันที่อยู่ๆ เพื่อนรักก็เดินหายเข้าไปในป่าใหญ่ แล้วป่าแถบนี้ก็ดูพิลึกพิกลจนดูหน้าวังเวง "เอ็งหายไปไหนของเองนะโมลี แล้วข้าจะทำยังไงขืนให้ข้าอยู่ในนี้รอเองทั้งคืนข้าคงได้ถูกเสือคาบไปกิน" โมลีเองพยายามเดินไปตามเส้นทางเดิมเพื่อจะกลับไปหาเพื่อนรักแต่ดูเหมือนว่ายิ่งเดินยิ่งไกลห่างยิ่งเดินยิ่งมองไม่เห็นทาง ถนนบนผืนป่าดูเปลี่ยนไป ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มราวกับโดนมนต์สะกดสั่งฟ้าสั่งฝนนางโมลีรู้แล้วว่าตัวเองอาจจะหลงมาในที่ที่ไม่ควรเข้ามาก็เป็นไปได้ "สาธุ เจ้าป่าเจ้าเขาเปิดทางให้ลูกด้วยเถิด" นังโมลีที่พูดพร่ำกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในป่าเขาลำเนาไพรราวกับต้องการความหวังที่จะออกไปจากผืนป่าแห่งนี้ เหตุไฉนถึงต้องเป็นเช่นนี้ หากแต่ต้องตายอยู่ในป่าใหญ่จริงๆ หรือ นางโมลีคิดในใจเรากับสิ้นหวัง นางมะม่วงเองจึงต้องตัดสินใจทิ้งเพื่อนไว้ในป่าใหญ่เพื่อไปตามพ่อของไอ้สนหรือที่เขาเรียกขานกันว่าหมอยาหรือหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเอง นางมะม่วงรีบจ้ำฝีเท้าเพื่อให้พ้นเขตป่าให้เร็วที่สุดตอนนี้ตะวันคล้อยบ่ายหากน้ำมะม่วงออกไม่พ้นเขตป่า ชีวิตของนางก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นกัน "โมลีข้าจะไปตามคนมาช่วยเอ็ง เอ็งต้องรอข้านะ" กว่านางมะม่วงจะเร่งฝีเท้ามาให้พ้นเขตป่าก็เย็นย่ำค่ำรุ่งน้ำมะม่วงรีบตรงดิ่งไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันทีเพื่อแจ้งข่าวและเตรียมคนออกค้นหาโมลีเพื่อนรักของนางมะม่วง "หัวหน้า หัวหน้าจ๊ะ ช่วยฉันด้วยจ้ะ" ตอนนี้ก็เป็นเพลาคอยบ่ายจนเย็นย่ำ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าคนส่วนใหญ่มักจะขึ้นบ้านและไม่ลงมาจากเรือนกันแล้วแต่หัวหน้าหมู่บ้านกลับได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกอยู่ตรงหน้าเรือน เขากลับไม่เอะใจหรือรีบลงมาไม่ขานใดๆ ทั้งสิ้นจึงมายืนอยู่ตรงหน้าชานบ้านแล้วตะโกนถามไปทันที "เอ็งมาทำอะไรเย็นป่านนี้นางมะม่วง" "ข้าพลัดหลงกับนางโมลี ในป่าข้าอยากให้หัวหน้าพาคนออกตามหามันที" "ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วพวกเองเข้าไปในป่าตรงไหนมาเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้" "ข้าคนออกไปเก็บผลไม้ป่าตามปกติแต่ว่าเขตชานหมู่บ้านของเราผลไม้และผักมันเจริญเติบโตไม่ทันฆ่า 2 คนเลยเดินลึกเข้าไปในป่าอีกสักหน่อยแต่ไม่คิดว่าได้ไปเจอกับผืนป่าแห่งหนึ่งที่ดูประหลาดตาพืชพันธุ์ธัญญาหารเต็มไปหมดทั้งผลไม้ป่าและของป่าเยอะแยะจนดูกินไม่หมด" ทันทีที่นางมะม่วงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับหัวหน้าหมู่บ้านฟังเพื่อเป็นการยืนยันเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดขึ้นจริง น้ำมะม่วงรีบวางของทุกอย่างลงเพื่อแสดงให้กับหัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่านางมะม่วงได้เก็บพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ตลาดตาทั้งหลายเอากลับมาด้วย "นี่ไงจ๊ะหัวหน้าผลไม้รากไม้ที่ฉันไปเก็บกับนางโมลี" แต่เมื่อนางมะม่วงหยิบขึ้นมาก็ต้องตกใจตาเบิกโพลงเหตุเพราะว่าของทุกอย่างที่อยู่ในตะกร้ากับแปรเปลี่ยนเป็นเพียงใบไม้แห้งในตะกร้าไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากใบไม้ "ไม่จริง ข้าเก็บผลไม้ป่ามาจนเต็มตะกร้าส่วนนางโมลีก็ไปเก็บยอดผักยอดขี้เหล็ก นี่มันอะไรกัน!!!" "เอ็งใจเย็นๆ เองคิดดีๆ ว่าเอ็งสองคนไปหยุดอยู่ตรงไหนของป่ากันแน่แล้วนี่มันก็เย็นมากแล้วมันคงไม่ดีแน่ถ้าจะต้องเกณฑ์คนเข้าไปในป่า' "แต่ว่าหัวหน้าจะปล่อยให้นางโมลีอยู่ในป่าอย่างนั้นทั้งคืนเหรอจ๊ะ" "ข้าทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะนี่มันเย็นมากแล้วตะวันก็รับขอบฟ้าหากจะต้องออกตามหามันจริงๆ คงต้องเป็นพรุ่งนี้เช้าเราจะออกจากหมู่บ้านแต่เช้ามืด" นางมะม่วงไม่อาจขัดคำสั่งผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านได้จึงได้แต่รีบเดินกลับบ้าน นางมะม่วงไปถึงบ้านก็เล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังแล้วก็รู้สึกประหลาดใจกับข้าวของในตะกร้าที่เปลี่ยนเป็นเพียงใบไม้ แต่เมื่อนางมะม่วงกลับมาเปิดตะกร้าอีกครั้ง มันก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นผลละหมาดก็รากไม้กลับมาเป็นดังเดิม พ่อกับแม่ของนางมะม่วงก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเพราะผลไม้รากไม้ที่นางมะม่วงพูดถึงนั้นก็มีอยู่จนล้นตะกร้า "แล้วนี่เองจะทำยังไงต่อไป" "ข้าเป็นห่วงนางโมลีเหลือเกินจ้ะแม่" "เอ็งไม่ต้องคิดมากพวกเราทุกคนก็เป็นห่วงนางโมลีไม่ต่างจากเอ็งไปนอนพักเอาแรงเถอะพรุ่งนี้ชาวบ้านจะพากันออกตามหามัน" "ถ้าเกิดมันเป็นอะไรเพราะข้าขึ้นมาข้าคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต" โมลีตอนนี้เธอรู้สึกหวาดกลัวกับป่าใหญ่ที่เธอต้องเผชิญความมืดมิดเริ่มกลืนกิน สิงสาราสัตว์เริ่มส่งเสียงร้องไห้ได้ยิน จิตใจของมนุษย์ยามใดที่รู้สึกสิ้นหวังก็มักจะนึกคิดและจินตนาการไปต่างๆ นานา ความมืดมิดที่น่ากลัวปกคลุมไปทั้งผืนป่า นางโมลีได้แต่เดินไปตามทางอย่างไม่รู้ว่าตัวเองนั้นอยู่แห่งหนตำบลใด ด้วยความหิวกระหายนาโมลีหยิบน้ำขึ้นมากินพร้อมกับผลไม้ป่าที่อยู่ในตะกร้าของเธอเพื่อดับความหิว "ฉันทำไมถึงเกิดมาดวงอาภัพเช่นนี้" นางโมรีที่พูดพร่ำบ่นกับตนเองในวาสนาและโชคชะตาของนางนั้นแค่เป็นลูกกำพร้าพ่อแม่ก็น่าสงสารพออยู่แล้วบัดนี้คิดว่าตัวนั้นจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งในป่าใหญ่เป็นแน่แท้ นางโมรีไม่รู้จะหาที่หลับที่นอนที่ไหนจึงได้แต่จึงได้แต่นั่งพักเหนื่อยที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อไฟกองเล็กๆ เพื่อให้แสงสว่างและป้องกันสัตว์ร้าย ค่ำคืนที่แสนน่ากลัวนาโมลีต่อให้กลัวแค่ไหนก็ยังแพ้ความเหนื่อยล้าที่ได้รับมาทั้งวันนางโมลีจึงหลับไป .....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD