ดึกเกินค่ำคืนที่เงียบสงัดแสงจันทร์สาดส่องพอให้เห็นสลัว ผืนป่าผืนนี้ช่างน่าพิศวงเสียจริงนาโมลีที่หลับไปกลับต้องสะดุ้งตื่นผวาเพราะได้ยินเสียงแผ่วเบามาตามลมเรียกชื่อของนาง
" โม.,..ลี...ข้าอยู่กับเจ้า"
เสียงที่แผ่วเบามาตามสายลมจนทำให้รู้สึกขนลุกซู่เสียวสันหลังว่า ในป่าผืนใหญ่ผืนนี้หากแม้แต่เสียงเล็กน้อยก็ไม่อาจไว้ใจได้เพราะทั้งผืนป่ามีเพียงนางโมลีคนเดียวที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ความกลัวเริ่มกัดกินหัวใจนางโมรีลุกขึ้นแล้วกดกายซุกตรงรากไม้ใหญ่ เพื่อซ่อนเร้นกำบังกายจากสิ่งที่มองไม่เห็น นางพยายามตั้งใจฟังเสียงนั้นคือเสียงของใคร
"โมลี ข้าอยู่กับเจ้า ข้าอยู่กับเจ้าเสมอ,.."
สายลมเริ่มพัดไหวราวกับพายุกระหน่ำความกลัวที่กัดกินหัวใจของนางโมรีอยู่แล้วยิ่งทำให้รู้สึกขนพองสยองเกล้ากับสิ่งที่เห็นตรงหน้านั่นมันอะไรกันนะกองไฟกองเล็กๆ ถูกดับลงไปนานแล้วทำให้สายตาในยามค่ำคืนที่มองอะไรไม่ชัดเจนเพียงแค่แสงจันทร์สาดส่อง
ร่างกายเล็ก ๆ ขดงอซ่อนเร้นกายให้พ้นจากสิ่งที่กำลังเรียกหาเธอ
"อย่าได้กลัวข้าเลย ถ้าไม่ทำร้ายเจ้า"
โมลีไม่กล้าตอบรับกับเสียงที่ได้ยิน เพราะในป่าดงพงไพรแห่งนี้ มีสิ่งเร้นลับมากมาย ทั้งในความเชื่อที่สืบต่อกันมาเนิ่นนาน นางนึกถึงตำนานอสูรไพร ที่สามารถแปลงเป็นอะไรก็ได้ไม่มีตัวตนไม่มีรูปลักษณ์
"หากเจ้ายังหนีข้า หนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอก"
สายตาที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก และแววตาของการเป็นมนุษย์ กำลังจ้องมองมาที่ร่างบางใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาตั้งใจที่จะทำให้เธอ อยู่กับเขาที่นี่ตลอดไป ร่างดำทมิฬค่อย ๆ คลืบคลานมาในเงาของความมืด เนิ่นนานมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นอิสตรี ที่งดงามเช่นนี้ หลายร้อยปีมาแล้ว ที่ไม่มีใครเข้ามาในที่แห่งนี้ เมื่อเขาได้เห็นร่างเล็ก ๆ พร้อมกับรอยยิ้ม ใบหน้ารูปไข่ผิวนวลผ่อง ผมยาวดำคลับถึงกลางหลัง รูปร่างอรชรอ้อนแอ่นที่สมส่วนชวนหลงไหลสม กับคำร่ำลือ อัปสราแห่งพงไพร เธอช่างสวยสะกด ป่าซะเหลือเกิน
'ได้โปรด..อย่าทำอะไรข้าเลย ข้าเพียงแค่หลงทางมาเท่านั้น ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย ที่จะมารุกล้ำพื้นที่ของท่าน เพียงแต่ข้าหาอาหารประทังชีวิต"
โมลีตอบกับเจ้าของเสียง ถึงแม้ว่าเธอจะมองไม่เห็น ว่าเสียงปริศนานั้นมาจากที่ใด แต่ในเมื่อเธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้หูฝาดไป เธอจึงเลือกที่จะตอบรับ เพราะเธอไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
"ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก แต่ข้ามีข้อแม้ ในเมื่อเจ้าได้ลุกล้ำเข้ามาในเขตของข้าโดยจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม"
"ท่านมีข้อแม้อะไรบอกข้ามาเถิด"
"หากวันนี้ข้าช่วยเจ้า ให้กลับบ้านของเจ้าได้ เจ้าจะต้องให้สัญญาฉบับหนึ่งกับข้า โดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ ในสัญญาฉบับนี้ เจ้าจะยอมหรือไม่"
โมลีที่ใช้ความคิดพร้อมกับตรึกตรองอยู่นานเพราะนางไม่รู้ว่าในสัญญานั้นคืออะไรแล้วมันเป็นสัญญาที่จะต้องตราตรึงหรือจองจำนางหรือไม่
"ท่านช่วยบอกข้าเถิด ว่าในสัญญานั้นคืออะไร"
"ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าถ้าเจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้ากลับบ้าน เจ้าจะต้องไม่มีข้อกังขาใด ๆ ในสัญญาของข้า"
"หากท่านไม่บอกข้า แล้วข้าจะตัดสินใจได้อย่างไรเล่า"
"หากเจ้ายังคงมีข้อกังขา ในสัญญา ก็เปรียบเสมือนเจ้า กำลังมีข้อกังขาในตัวข้าเช่นกัน โมลี"
"เหตุใดท่านจึงรู้จักชื่อของข้า"
"บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้ ไม่เห็น ข้าสัมผัสมาทุกอย่างหมดแล้ว ยกเว้นเพียงแต่ตัวเจ้าเท่านั้น"
"ท่านได้โปรดปล่อยข้าไปเถิดข้าขอสมาหากคข้าได้ทำอันใดล่วงเกินท่านไป"
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ทำอันใดเจ้า เพียงแต่เจ้าต้องลงนามในสัญญาที่ข้ากำลังจะหยิบยื่นนั่นคือโอกาสที่จะกลับบ้านของเจ้า เจ้าเลือกเอาเถิด หากเจ้ายังไม่เลือกข้าจะจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก"
โมลีที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้นก็รู้สึกใจเสีย เธอเองก็ไม่มีที่พึ่งพิงในยามนี้ ทั้งมืดหนาวและหิว ที่นี่ที่ไหนเธอก็ไม่รู้เธออาจจะตายภายในพรุ่งนี้เลยก็เป็นไปได้เพราะสุดท้ายถ้าเธอไม่สามารถออกจากป่านี้ได้เธอก็ต้องตายอยู่ดี
"ข้ายอมท่านแล้ว ข้ายอมให้สัญญากับท่าน ตามที่ท่านต้องการก็ได้"
"หากเจ้ายอมแล้วก็จงหลับตาลง จงรักษาสัญญาของเจ้า ด้วยชีวิตของเจ้า นับจากบัดนี้ไป
เจ้าจะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว อย่าได้ผิดสัญญากับข้า"
โมลีทำตามอย่างว่าง่าย เพราะสุดท้ายเธอก็ไร้ซึ่งที่พึ่งพิง หากเธอมีโอกาสได้เลือก เธอก็คงต้องเลือกทางเดิมอีกครั้ง หากมันทำให้เธอกลับบ้านได้ เธอก็ทำ ความรู้สึกวูบไหวสะลึมสะลือราวกับฝันไป
แสงแดดสาดส่อง ทิ่มแทงตา โมลีที่นอนสลบอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน เธอจำเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้แล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าเธอกลับมาที่นี่ได้อย่างไร ชาวบ้านต่างพากันมุงดูด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
"หัวหน้า หัวหน้าจ๊ะ นางโมลีมันกลับมาแล้ว"
"เอ็งว่ากระไรนะ มิ่ง"
"ฉันบอกว่า นางโมลีมันกลับมาแล้ว แต่มันนอนสลบอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้านโน้นจะ"
"เอา ๆ รีบพาข้าไปดูมันที"
ไอ้มิ่งและหัวหน้าหมู่บ้านรีบเดินจ้ำอ้าว เพื่อไปดูนางโมลีที่นอนสลบอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านยังไม่ยอมให้นางโมรีเข้าหมู่บ้าน จนกว่าหัวหน้าจะมาดูว่าเป็นนางโมลีจริงๆ หรือเปล่า
"โมลีเอ็งเป็นยังไงบ้าง ถ้าขอโทษที่ข้าทิ้งเองออกมา"
เสียงของนางมะม่วง ที่รีบรถมาหานางโมลี ที่กำลังนั่งสะลึมสะลือไร้สติอยู่ตรงปากทางหมู่บ้าน
"โมลีเอ็งลุกขึ้นก่อนมาเร็ว ๆ ข้าขอโทษเอ็งนะ เอ็งเป็นยังไงบ้าง"
โมลีที่ลุกตามแรงพยุงของนางมะม่วง เพื่อนรัก ที่ตอนนี้พานางโมลีไปพักตรงแคร่ไม้ไผ่ นางโมรีนนั่งและคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่นะ หรือเธอแค่ฝันไป
"หัวหน้ามาแล้วเหรอจ๊ะ ชาวบ้านเขาเห็นนางโมลีสลบอยู่ตรงปากทางเข้านี่แหละจ้ะ"
"แล้วอาการมันเป็นยังไงบ้าง"
"ก็อย่างที่เห็นนี่แหละจ้าหัวหน้าเหม่อลอยยังไม่พูดไม่จาไม่รู้มันไปเจออะไรมาบ้างแล้วมันกลับมาได้อย่างไรมันก็ยังจำไม่ได้จ้ะ"
นางมะม่วงที่เล่าทุกอย่างให้กับหัวหน้าหมู่บ้านฟัง อย่างละเอียด ถึงอาการเพื่อนรักของตนที่เหม่อลอย ไร้สติราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง เรื่องราวของนางโมลีถูกโจษจัน ไปทั่วทั้งหมู่บ้าน การหายตัวไปในครั้งนี้ของนางโมลี อาจจะทำให้เกิดเภทภัยหรือไม่ชาวบ้านต่างพากันโจษจันไปต่างๆ นานา