เสียงที่แว่วมาตามสายลมดังพัดผ่านเบาๆ เย็นยะเยือกกระทบโสดประสาทหูคนคนเดียวที่ได้ยินนั้นคือนางโมลี ที่ตอนนี้ทำหน้าตื่นตระหนกตกใจราวกับได้ยินเสียงผี สตินางกลับคืนพยายามเรียกเพื่อนรักและคนที่อยู่รอบๆ ตัวของนาง แต่ก็ไม่มีผู้ใดตื่นขึ้นมาราวกับโดนมนต์สะกดให้หลับไหล
"ท่านเป็นใครกันแน่เหตุใดจึงตามมาหลอกหลอนข้าเช่นนี้"
"ข้าเป็นใครไม่สำคัญ...แต่เจ้าเป็นของข้า จงอย่าลืมสัญญาที่เจ้าได้มอบให้ข้าแล้วอย่าได้กลัวข้าเลยยอดรักของ"
โมลีไม่อาจสัมผัสร่างกายเจ้าของเสียงไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่ามีเพียงสายลมที่พัดผ่านเสียงกระซิบที่แผ่วเบา ทำให้นางมั่นใจแล้วว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในป่านั้นไม่ใช่ความฝันแต่มันคือความจริงที่เกิดขึ้นนางได้ให้พันธะคำศัพท์สัญญากับบุคคลที่ไร้ตัวตนและไม่รู้ว่าคือผู้ใด
เช้าวันรุ่งขึ้นนางโมลีที่ฟื้นคืนสติได้เล่าทุกสิ่งอย่างและเหตุการณ์ให้กับทุกคนในหมู่บ้านฟัง หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้ยินเรื่องราวที่นางโมลีได้เล่าถึงทำให้รู้สึกใจหายเพราะหัวหน้ามั่นใจว่านางโมลีน่าจะหลุดเข้าไปในป่าของ"อสูรไพร" ที่ได้ถูกตำนานกล่าวขานเอาไว้
"หากมันเป็นอย่างที่เองได้เล่ามาเอ็งน่าจะได้เป็นเมียของมันอย่างแน่นอน"
"แต่หัวหน้าจ๊ะคนกับปีศาจมันจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรมันจะใช้ชีวิตได้อย่างไรเราอยู่ต่างภพต่างมิติกันไม่ใช่เหรอจ๊ะ"
"แต่มันเป็นข้อยกเว้นสำหรับอสูรไพร มันอยู่เหนือกาลเวลาอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่มีใครสามารถทำอันตรายมันได้"
"แล้วฉันจะต้องทำอย่างไรฉันไม่อยากไปเป็นเมียของมัน มันคคงฆ่าฉันทิ้งแน่ๆ"
"ชะตาฟ้าลิขิตมาแล้วเอ็งไม่อาจหลีกเลี่ยง"
มีเสียงพูดตะโกนสอดแทรกขึ้นมาขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านกำลังซักไซร้ไล่เรียงเรื่องต่างๆ จากนางโมลีที่ไปพบเจอเสียงนั้นคือแม่หมอทำขวัญ
"แม่หมอจ๊ะฉันควรจะต้องทำยังไง"
"เอ็งไม่สามารถหลีกเลี่ยงโชคชะตาได้สิ่งเดียวที่เองต้องทำคือรักษาเนื้อรักษาตัวรอวันจันทร์เพ็ญเดือนหน้ามาถึงเขาจะมารับเองไปอยู่ด้วยต่อให้เอ็งหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นในเมื่อเองได้ให้คำสั่งสัญญากับมันไปแล้ว"
"ข้าไม่ยอมให้นางโมลีได้ไปแต่งงานกับไอ้ปีศาจนั่นต่อให้มันเป็นใครก็ตามข้าจะปกป้องนาง"
เสียงไอ้สนได้พูดสอดแทรกขึ้นมาอีกคนนึงเพราะมันคือคนที่หลงรักนางโมรีสุดหัวใจถึงแม้จะไม่ชนะใจนางโมลีเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในเมื่อนางโมลีกำลังจะโดนไอ้ปีศาจที่ไหนไม่รู้มาเอาไปทำเมียไอ้สนไม่อาจทนได้
"เอ็งจะเอาอะไรไปสู้กับมันวะไอ้สนเอ็งก็แค่มนุษย์ธรรมดาเดินดิน"
"ฉันไม่รู้เหมือนกันจ้ะแม่หมอแต่ฉันจะปกป้องนางโมลีด้วยชีวิตของฉัน"
นางโมลีที่รู้สึกว่าตัวเองได้ทำผิดมหันต์หากยอมตายไปเสียในป่าคงไม่ต้องทำให้ผู้คนเดือดร้อนวุ่นวายเช่นนี้ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินอาบสองแก้มน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตเหลือเกิน
"โมลีจ๋าอย่าร้องไห้ไปเลยจ้ะพี่สนจะอยู่กับเจ้าเอง"
ไอ้สนที่เอ่ยปากปลอบประโลมนาโมลีราวกับอยากชนะใจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่มันหารู้ไม่ว่าสายตาของปีศาจที่มันได้กล่าวถึงกำลังจับจ้องมาที่พวกมันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"ขอบคุณมากนะจ๊ะที่สน"
"ไม่เป็นไรจ้ะโมลีเอ็งอาศัยอยู่ที่นี่กับข้าก็ได้นะถ้าจะให้พ่อจัดพิธีแต่งงานให้ระหว่างเอ็งกับข้าหากเอ็งยินดีจะรับข้าเป็นสามีของเจ้า"
สิ้นเสียงพูดของไอ้สน อยู่ดีๆ ท้องฟ้าเกิดวิปริตลมพัดกรรโชกแรงความมืดมิปกคลุมไปทั้งหมู่บ้านราวกับฝนห่าจะลง ข้าวของปลิวว่อนกระจัดกระจายหลังคาบ้านเรือนแทบจะไม่อยู่ติดเสียงฟ้าร้องคำราม
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันตื่นตระหนกตกใจกลัวหากเพียงแค่ไอ้สนกล่าวว่าจะรับนางโมลีเป็นเมียก็ทำให้หมู่บ้านปั่นป่วนได้ถึงเพียงนี้ หัวหน้าหมู่บ้านจึงรีบกล่าวทักทายทันทีพร้อมรีบเร่งส่งนางโมลีกลับเรือนของมัน
"เอ็งหยุดคิดอะไรพิเรนๆ เดี๋ยวนี้นะไอ้สน"
"ฉันพูดจริงนะจ๊ะพ่อฉันอยากได้นางโมลีแต่งเมีย"
"ข้าบอกให้เองหยุด!!!"
ไอ้สนที่เห็นถึงความโกรธเกี้ยวของคนเป็นพ่อมันจึงต้องสงบปากสงบคำลงทันที เพราะคนที่เป็นบิดามีอำนาจและสิทธิ์ขาดทุกอย่างในหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านได้กล่าวบริกรรมเบาๆ กับสายลมโดยที่ไม่รู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านได้กล่าวอะไรออกไป ทำให้ฝนฟ้าที่ทำท่าเหมือนจะถล่มเมื่อกี้กลับหยุดชะงักขึ้นทันทีท้องฟ้ากลับมาสดใสเมฆหมอกจางหายไป
"นางโมลีเอ้ยเดี๋ยวเองกลับเดือนนะถ้าจะให้ไอ้สนแล้วพวกพ้องไปส่งเองที่เรือน"
"ขอบคุณมากจ้ะหัวหน้าฉันต้องขอบคุณทุกคนมากนะจ๊ะที่อยู่ดูแลฉันทั้งคืนบุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่ลืมเลยจ้ะ"
"เออๆ เองรีบไปเถอะจะได้กลับไปพักไปผ่อน"
ไอ้สนทำตามบิดาอย่างว่าง่ายได้พานางโมรีเดินออกจากเรือนเพื่อไปส่งที่เรือนของมันระหว่างทางไอ้สนมองนางโมลีเป็นระยะ ๆ มันรู้สึกแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ปริปากพูดอะไรกับนางโมลีเลยได้แต่พาเดินกลับไปส่งที่เรือนเท่านั้น
"พี่สนใจขอบคุณมากนะจ๊ะที่เดินมาส่งฉัน"
ไม่เป็นไรข้าเต็มใจเอ็งก็ดูแลตัวเองแล้วกันนะมีอะไรขาดเหลือก็ไปบอกข้า"
"ได้จากพี่ขอบคุณมากนะจ๊ะ"
นางโมลีเมื่อกลับถึงเรือนยิ่งรู้สึกแปลกใจเข้าไปอีกสภาพเรือนเหมือนมีคนมาปัดกวาดเช็ดถูให้ข้าวปลาอาหารก็ถูกหุงหาเอาไว้ อาหารที่ดูแปลกตาแต่กลับน่ากินนางโมรีนั่งลงที่พื้นเพื่อดูในถาดสำรับข้าวมันช่างดูแปลกประหลาดเหลือเกินกับอาหารต่างๆ
"ใครกันมาทำอะไรแบบนี้ไว้ให้ฉัน เป็นท่านใช่ไหม"
นางโมรีพยายามตะโกนถามราวกับคนบ้าที่พูดคนเดียวอยู่ในเรือน หากแต่ก็ไร้ซึ่งเสี่ยงตอบรับ นางโมลีคิดว่ามันคงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าสิ่งที่นางจะต้องเจอในภายภาคหน้านางจึงไม่ได้สนใจสิ่งใดอีกนั่งลงกินข้าวเงียบๆ ภายในเรือนหลังเล็กของนาง ตกดึกสงัดในคืนนั้นนางโมลีที่หลับไหลอยู่บนฟูกอย่างสบายใจลมเย็นที่พัดผ่านรูไม้ไผ่ของกระต๊อบเสียงใบไม้รู่ไหวตามแรงลมทำให้เพลิดเพลินจนหลับสนิท
มีร่างร่างหนึ่งที่ยืนเฝ้ามองมาที่เรือนของนางโมลีภายใต้ความมืดและแสงจันทร์สาดส่องแววตาที่ดำคลับดูเย็นชาไร้อารมณ์ เขาคนนั้นคือใครกันนะ