อสูรไพรหลังจากที่เห็นนางโมลีว่าที่เมียในอนาคตได้ไปถึงสวรรค์เขาจึงได้ร่ายมนต์สะกดให้นางได้หลับไหลเพื่อพักผ่อนร่างกายอันอ่อนล้าของนางที่เขาได้เสพสมความหวานหอมจากร่างกายอรชร
ส่วนไอ้สนนั้นที่เห็นว่านางโมรีได้เกร็งกระตุกไปแล้วมันตั้งใจจะก้าวขึ้นเรือน แต่กลับต้องตกใจหงายตกกระไดเพราะสิ่งที่มันเห็นคือเงาดำที่ล่องลอยออกมาจากห้องของนางโมลี แววตาที่แดงฉานหันขวับมาทางมันถึงกับตกกระไดทันที ไอ้สนร้องแหกปากเสียงดังขอให้คนช่วยมันวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไม่รู้ทิศรู้ทางกับสิ่งที่มันได้พบเจอ
"ช่วยด้วยช่วยข้าด้วย..ถ้าโดนผีหลอกช่วยข้าด้วย"
ไอ้สนที่วิ่งแหกปากออกจากเรือนของนางโมลีมันสาวท้าวจ้ำอ้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต สติสตางค์เตลิดเปิดเปิง หายไปหมดบันไดของมันทิ้งไว้ที่หน้าเรือนของนางโมลีโดยไม่ได้หันกลับมาเก็บกลับไปด้วย
ส่วนนางโมลีที่โดนมนต์สะกดให้หลับไหลก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากนิทราที่หวานหอม อสูรไพลรู้สึกพึงพอใจกับร่างอรชรตรงนี้เป็นอย่างมากเขาคิดแล้วว่าหากคืนจันทร์เพ็ญมาถึง นางจะต้องเป็นเจ้าสาวของเขาอย่างเต็มตัว
หลับฝันถึงข้าเถิดหนา..ยอดรักของข้า.
อสูรไพรที่ยืนเฝ้ามองร่างหลับไหลนิทรา เขาหลงใหลในรูปลักษณ์ของนางเหลือเกิน สมคำร่ำลือกับที่เป็นอัปสราในพงไพร
ส่วนไอ้สนที่ตอนนี้มันได้วิ่งไปทางลานกลางหมู่บ้านโดยแหกปากร้องเรียกให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครออกมาหามันเลยสักคน จนรุ่งสางผ่านมา ชาวบ้านพากันมามุงดูไอ้สนที่นอนจับไข้ อยู่กลางลานหมู่บ้านตั้งแต่นางโมลีกลับออกมาจากป่าก็เกิดเรื่องไม่เว้นแต่ละวันอย่าง เช่นวันนี้เรื่องของไอ้สนชาวบ้านก็ต่างพากันพูดโจษจัน
ไอ้สนไม่ยอมพูดถึงสิ่งที่มันได้เจอเพราะกลัวความผิดที่มันกำลังปกปิดเอาไว้ มันเพียงแต่บอกว่ามันเพียงตกใจเพราะมันออกไปหาจับกบจะเขียดในยามค่ำคืนก็เลยเจอดีโดนผีหลอก โดยปกติไอ้สนเป็นคนที่เกียจคร้านไม่เอางาน ไอ้สนเกเรเพราะถือว่าตนนั้นเป็นลูกของหัวหน้าหมู่บ้านมักจะแบ่งอำนาจบารมีของผู้เป็นบิดาอยู่เสมอ
"ไอ้สนเอ็งบอกความจริงข้ามาว่าเอ็งไปทำอะไรถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้"
"ฉันก็บอกพ่อไปหมดแล้วไงจ๊ะว่าฉันออกไปจับกบจับเขียดเท่านั้น น่าจะโดนดีเพราะโดนผีหลอก"
"เอ็งแน่ใจนะว่าเอ็งไม่ได้โกหกข้า"
"ฉันจะโกหกพ่อไปทำไมล่ะจ๊ะ ฉันไปกินยานอนพักผ่อนก่อนดีกว่าปวดหัวปวดเนื้อปวดตัวไปหมดแล้ว"
ไอ้สนรีบบอกบัดผู้เป็นบิดาทันที เพื่อไม่ให้จับพิรุธความผิดของมันได้มันรีบก้าวเท้าขึ้นไปบนเรือนโดยไม่หันกลับมาสนใจผู้เป็นบิดาเลย
"หัวหน้า หัวหน้าอ ยู่ไหม"
"อ้าวยายปริก หมอทำขวัญเองมาทำอะไรที่นี่ล่ะ"
"ข้ารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างภายในหมู่บ้านของเราซึ่งมันไม่เคยมีมาก่อน ถ้าอยากจะมาปรึกษากับท่านหัวหน้าดู เราจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง"
หัวหน้าที่รู้สึกว่าแม่หมอทำขวัญนั้นได้สัมผัสถึงบางอย่างมันทำให้เขาฉุกคิดกับเรื่องที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาได้พบเจอเมื่อคืน มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกันก็เป็นได้
"อ้าวยังไงก็ขึ้นมาก่อนขึ้นเรือนมา"
"ขอบใจจ้ะ"
"แม่เนียนหาน้ำหาท่าให้แม่หมอทำขวัญหน่อย"
"ได้จ้ะพี่เดี๋ยวฉันจะเตรียมน้ำให้นะ"
แม่หมอทำขวัญก็ได้นั่งทางในและพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านอย่างจริงจังใช้เวลาเนิ่นนานมากโขอยู่จนบ่ายคล้อย จนได้ข้อสรุปกัน
"ตอนนี้ในหมู่บ้านได้มีบางสิ่งบางอย่าง ที่มีพลังอำนาจเหนือทุกสิ่ง แม้แต่กำแพงวิเศษของหมู่บ้านก็ต้านไว้ไม่ได้ สิ่งที่มันต้องการอยู่ด้านใน และเหมือนว่ามันจะไม่ได้อยากทำร้ายใคร เพียงแค่ว่ามันมาตามว่าที่เมียของมันเท่านั้น"
"ว่าที่เมียนั้นเหรอแม่หมอ"
"เกิดจากใครซะอีกก็นางโมลีนั่นไง"
"เอ็งลองไปถามลูกชายเองดูว่าเมื่อคืนมันไปทำบัตรสีบัตรเถลิงที่ไหนมาหรือเปล่า อย่าให้มันคิดจะทำอีก ครั้งนี้เขาแค่สั่งสอนหาครั้งหน้ายังไปยุ่งกับว่าที่เมียของเขา ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของชีวิตไอ้สน"
หัวหน้าหมู่บ้านถึงกับกุมขมับคุณคิดเขาคิดอยู่แล้วว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมันไม่มีทางที่จะออกไปหากบหาเขียดตามที่มันกล่าวอ้างเด็ดขาด
"เดี๋ยวฉันจะจัดการมันเองจากแม่หมอ แล้วเรื่องนางโมลี แม่จะทำอย่างไรจ๊ะ"
"ปล่อยให้เป็นไปตามชะตาฟ้า เพียงแต่อย่าให้ใครไปแตะต้องนางโมลีเป็นอันขาด หาไม่ชีวิตจะถึงฆาตข้าช่วยได้เท่านี้ งั้นข้าลาล่ะ"
"ให้ฉันไปส่งไหมจ๊ะ"
"ไม่ต้อง ไม่เป็นไร ข้ามาเองได้ ขากลับเองได้"
แม่หมอทำขวัญได้เดินลงเรือนของหัวหน้าหมู่บ้านไปแล้วเดินผ่านเรือนของนางโมลี ที่ตอนนี้ใบหน้าที่ดูหมองคล้ำในวันนั้นดูสดใสอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวลกว่าปกติแม่หมอรู้ถึงการมีอยู่ของคนที่อยู่ข้างกายของนางโมลีแม่หมอมองเห็นในรูปลักษณ์ผู้ชายสูงใหญ่หล่อเหลาที่วนเวียนอยู่ข้างกายของนางโมลีตอนนี้ หาแต่เขายังไม่ปรากฏตัวด้วยเหตุว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะที่ควร
"เอาแม่หมอไปไหนล่ะจ๊ะ"
"ข้าจะกลับเรือน แล้วเอ็งล่ะเป็นยังไงหายดี
แล้วเหรอ"
"ฉันดีขึ้นมากโขอยู่จ๊ะแม่"
"แล้วเมื่อคืนเองหลับสบายดีใช่ไหม"
คำถามที่แสนธรรมดาแต่สำหรับนางโมรีนั้นรู้สึกอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอดไปเพราะนางตื่นมาก็รู้สึกเปียกชุ่มตรงร่องกุหลาบงามราวกับฝันว่าโดนร่วมรัก หน้าถึงกับแดงจนถึงใบหู
"ฉันนอนหลับดีจ้ะ แม่หมอ"
"เออก็ดีแล้ว ข้าไปก่อนนะ"
"จ้ะแม่หมอ"
ส่วนทางด้านไอ้สนที่ตอนนี้ฟื้นคืนกำลังมันกำลังคิดแผนหาทางที่จะเอานางโมลี มาทำเมียก่อนที่คืนจันทร์เพ็ญจะมาถึงเพียงแค่มันนึกถึงเรื่องเมื่อคืน แท่งเอ็นมันกูชูชันแข็งโด่เด่ จนต้องสาวชัก คิดถึงภาพติดตา ร่างอรชรอกอวบอิ่มของนางโมลี เสียงที่คำครวญราวกับจะขาดใจ
"โอ๊ย โมลีจ๋า ข้าอยากเป็นผัวเอ็ง อูย"
เสียงครางระงมอย่างน่ามะอายของไอ้สน โดยไม่สนใจว่าใครจะผ่านมาได้ยิน มือแกร่งก็สาวชักตามจังหวะ ปากก็ครางเรียกชื่อ นางโมลี
นางมะม่วงที่เดินขึ้นมาบนเรือนหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อจะมาขอยาสนุมไพรไปให้เพื่อนรัก กับต้องมาได้ยินเสียงไอ้สน เสพสวาทกับมือตัวเองอย่างเมามัน
นางมะม่วงที่ยืนตัวแข็งทื่อราวกับโดนสาป พอได้สติ ค่อย ๆ ถอยหลังเพื่อหนีลงเรือน แต่บุญบาป สองมือที่คล้ำทางพลาดโดนกะลาตักน้ำดื่มหล่น
"อ๊าย...โครม.."
ไอ้เข้มทีากำลังสาวชักอย่างมันมือ รีบลุกมาดู โดยเปลือยโทงๆ ออกมาจากห้องนอน เพราะมันคิดว่าคงเป็นบ่าวในบ้าน หากเป็นเช่นนั้น มันจะจับเอาให้ขาลากลงเรือนไป แต่มันก็ต้องใจ เพราะคนที่ยืนมองมันตัวแข็งทื่ออยู่คือนางมะม่วง ไอ้สนที่อารมณ์ค้างไม่สนว่าใครเป็นใคร ขอให้มันได้เอากับใครก็ได้เพราะมันงี่เต็มกลืน มันสาวเท้าตรงไปหานางมะม่วงทันที เพื่อจะลากเข้าห้อง
" กรี๊ด...ไอ้สน ไอ้ชั่ว เอ็งจะบ้าหรอ!!"
"ข้าอยากเอากับเอ็ง ขอข้าเอาเอ็งซักครั้งได้ไหมว่ะนางมะม่วง "