ทันทีที่วางสายจากมิสเตอร์กรีน ชาร์ลส์ก็รีบออกจากห้องทำงานตรงไปยังลิฟต์ ก่อนหน้านี้เขาวานให้แอนนาลงไปรับแองจี้แทน เนื่องจากมิสเตอร์กรีนเป็นคู่ค้ารายสำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธการรับสายได้ หวังว่าตอนนี้ผู้หญิงชื่อเวณิกาจะยังอยู่ เพราะเขาฝากแอนนาให้ช่วยบอกเธอว่ารอพบเขาก่อน
ประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นหนึ่ง ชาร์ลส์เดินไปยังบริเวณล็อบบี้และกวาดตามองหาแองจี้ ดวงตาสีควันบุหรี่เป็นประกายเจิดจ้าเมื่อเห็นลูกสาวนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งกับผู้ช่วยสาว
“แดดดี๊!” แองจี้วิ่งเข้ามาหาเขาและร้องอย่างดีใจ
ความหล่อเหลาโดดเด่นและทรงอำนาจของชาร์ลส์ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ต่างมองมายังจุดที่เขายืนอยู่พลางส่งสายตาหวานทอดไมตรี
ทว่าชายหนุ่มไม่มีเวลาใส่ใจ ก้มลงอุ้มลูกสาวขึ้นหอมแก้มฟอดใหญ่ ทั้งโล่งใจและยินดีที่นางฟ้าตัวน้อยของเขาปลอดภัย
“แดดดี๊ขอโทษนะคะที่ลงมาช้า แองจี้โกรธแดดดี๊ไหม” เขาเอ่ยเสียงอ่อน
“ไม่ค่ะ หนูรู้ว่าแดดดี๊งานยุ่ง” คนตัวเล็กเอ่ยจบก็โน้มเข้าไปหอมแก้มสากที่มีหนวดเคราตามแนวสันกรามของคุณพ่ออย่างประจบ
“แบบนี้ต้องหอมคืนหลายๆรอบเลย” ชาร์ลส์หอมแก้มยุ้ยด้วยความรักและเอ็นดู
แองจี้หัวเราะร่าเริง ยิ้มกว้างจนดวงตาสีฟ้าใสยิบหยี แอนนาพลอยยิ้มตามไปด้วย เพราะในเวลางานเธอแทบไม่เห็นเจ้านายหนุ่มยิ้มและมีมุมผ่อนคลายแบบนี้เลย
“ผู้หญิงที่มาส่งแองจี้ไปไหนแล้วล่ะคะ” เจ้าของร่างสูงหนาว่าพลางมองหา
“พี่สาวกับเพื่อนไปแล้วค่ะ”
ดวงตาสีควันบุหรี่ตวัดไปมองแอนนาเพื่อขอคำตอบ “ผมฝากคุณบอกให้เธอรอก่อนไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ ดิฉันบอกเธอแล้ว แต่คุณเวณิกากับเพื่อนต้องรีบไปน่ะค่ะ” ผู้ช่วยสาวหน้าเสียเล็กน้อย เพราะกลัวจะทำให้ผู้บังคับบัญชาไม่พอใจ
“พี่สาวพักที่นี่ค่ะ แดดดี๊ต้องได้เจอแน่นอน” เสียงเล็กใสบอก
“จริงเหรอคะ แล้วพี่สาวคนนั้นรู้ไหมว่าแดดดี๊ของแองจี้เป็นเจ้าของโรงแรมนี้” ชาร์ลส์อยากรู้ว่าลูกเล่าอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง
“ไม่รู้ค่ะ หนูลืมบอก” แองจี้ยิ้มแห้งๆ แล้วเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว “หนูรู้แต่ว่าพี่สาวสวยและใจดีมากๆค่ะ”
“แดดดี๊อยากเจอเธอจัง จะได้รู้ว่าตัวจริงสวยแค่ไหน” คำพูดของลูกทำให้ชาร์ลส์ยิ่งอยากพบหญิงสาว หากได้เจอกันและสบตาชัดๆ เขาคงได้คำตอบให้กับอาการแปลกๆของตัวเอง
“เมื่อกี้หนูให้คุณแอนนาถ่ายรูปหนูกับพี่สาวด้วยค่ะ” ดวงตากลมเป็นประกายตื่นเต้นเมื่อหันไปมองผู้ช่วยของบิดา
แอนนายื่นสมาร์ทโฟนของเธอมาให้เจ้านายหนุ่ม ดวงตาสีเทาเป็นประกายแรงกล้าเมื่อเห็นรูปหญิงสาวใบหน้าหวานเหมือนตุ๊กตากำลังกอดลูกสาวเขาและยิ้มกว้าง
ดวงตากลมโตสีดำขลับสดใสนั้นเหมือนดวงตาคู่ที่เขาคุ้นเคย รอยยิ้มร่าเริงและเป็นมิตรของเธอไม่เคยลบจากความทรงจำ รวมถึงไฝเล็กๆสามเม็ดเรียงกันใต้ดวงตาข้างซ้ายที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ และสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่าความรู้สึกเขาถูกต้องก็คือสร้อยข้อมือไพลินที่เขาเคยมอบให้เธอ!
ไม่น่าเชื่อว่ายัยเด็กกะโปโลหน้ามอมแมมจะเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่งไม่มีที่ติและดูหอมหวานได้ขนาดนี้ แล้วเธอก็เป็นคนที่ทำให้หัวใจซึ่งถูกแช่แข็งของเขาหลอมละลายและสั่นคลอนได้อีกครั้งอย่างประหลาด
“พี่สาวสวยใช่ไหมคะ แดดดี๊ชอบไหมคะ” เสียงร่าเริงของแองจี้ทำให้ชาร์ลส์หลุดจากความคิด
“เธอช่วยลูกสาวของแดดดี๊นี่คะ แดดดี๊ก็ต้องชอบอยู่แล้ว” แววตาชายหนุ่มเป็นประกายพราวลึกล้ำ
“ถ้าแดดดี๊ชอบ… ให้พี่สาวมาเป็นหม่ามี้ของหนูได้ไหมคะ” หนูน้อยมองผู้เป็นพ่อตาละห้อย เธออยากมีแม่เหมือนเพื่อนคนอื่นบ้าง และเวลาไปเที่ยวก็อยากไปแบบพ่อแม่ลูก คงจะสนุกกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“แองจี้ว่าไงนะคะ?” ผู้เป็นพ่อประหลาดใจไม่น้อยที่จู่ๆลูกสาวพูดออกมาเช่นนั้น
“หนูอยากให้พี่สาวมาเป็นหม่ามี้ค่ะ เพราะพี่สาวสวยและใจดีมาก ไม่เหมือนคุณเฮเลน คุณโรซี่ คุณเจนนิเฟอร์ที่ใจดีกับหนูต่อหน้าแดดดี๊เท่านั้น” แองจี้เอ่ยถึงบรรดากิ๊กของบิดา
ชาร์ลส์ไม่ตอบ แต่กระตุกยิ้มมุมปาก ตามธรรมชาติของเด็ก หากไม่ไว้ใจใครคงไม่พูดออกมาแบบนี้ แองจี้คงสัมผัสได้ว่าเวณิกาเป็นคนดีจริงๆ เพราะที่ผ่านมา แม้จะเคยเจอคู่ควงของเขาหลายคน แต่ลูกไม่เคยสนใจและแสดงท่าทีชื่นชมเหมือนที่มีต่อผู้หญิงคนนี้
ในเมื่อลูกขอร้องอย่างนั้น คนเป็นพ่ออย่างเขาจะขัดได้ยังไง อีกอย่างหัวใจบอกว่าการปล่อยให้เวณิกาเดินผ่านไปอีกครั้งเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด!
เวณิกาและรัญชิดาปิดท้ายทริปคืนนี้ด้วยการมานั่งดื่มและฟังเพลงในผับของโรงแรมดิ แอชตัน วินเทอร์ ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องราตรีที่มาปลดปล่อยอารมณ์ แสงสีวูบวาบและเพลงจังหวะคึกคักจากดีเจทำให้ไม่ค่อยมีใครนั่งนิ่งอยู่กับโต๊ะ สองสาวมองฝรั่งตัวโตเต้นเบียดเสียดสุดเหวี่ยงพลางจิบไวน์ขาวรสละมุนลิ้น
“ฉันอยากเต้นอะ” รัญชิดาซึ่งนั่งโยกอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์มาพักใหญ่หันไปชวนเพื่อน
“ฉันเต้นไม่เป็น แกไปเถอะ” เวณิกาทำหน้าเหมือนถูกสั่งให้กินยาขม เธอไม่ค่อยชอบดื่มและเที่ยวหากไม่จำเป็น การแต่งหน้าที่โฉบเฉี่ยวและชุดแซกเกาะอกสั้นเหนือเข่าสุดเซ็กซี่ที่เพื่อนจัดหาให้ก็ไม่ใช่สไตล์ของเธอเลย แต่ที่ยอมมาก็เพราะทนคำรบเร้าของรัญชิดาไม่ไหว อีกอย่างถ้าให้อีกฝ่ายมาคนเดียวในที่แบบนี้จะอันตรายเกินไป
“ไปเหอะน่า สนุกๆ ไม่มีใครจับผิดว่าเราเต้นเป็นหรือเปล่าหรอก หรือว่าดีกรียังไม่พอ เลยยังเขินอยู่” คนที่แก้มเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์หรี่ตามองพลางยิ้มหวาน
“จะสั่งอีกเหรอ นี่สามแก้วแล้วนะ กินพอเป็นพิธีก็พอ ถ้าฉันเมาอีกคนใครจะหิ้วแกกลับห้อง” หญิงสาวเสียงเข้มงวดเล็กน้อย คราวนี้ตื๊อแค่ไหนก็จะไม่ใจอ่อนแล้ว
“ฉันยังไม่เมาสักหน่อย พูดช้าดขนาดนี้ จะเมาได้ไง” คนไม่เมาแต่ตาหวานเยิ้มว่า แล้วหันไปสั่งพนักงานหนุ่มผมทอง “ขอเบอร์เบิน วิสกี้[1]สองแก้ว”
“แรงไปไหมแก แค่ไวน์ก็พอแล้ว” เวณิกาติงทันที
อีกฝ่ายโบกมือไปมา “ไม่ได้ๆ มาถึงอเมริกาแล้ว จะพลาดเบอร์เบิน วิสกี้ได้ไง อีกอย่างสั่งไปแล้ว ถ้ายกเลิกน่าเกลียดตาย”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ ยัยเวย์ มาเที่ยวแล้วก็สนุกให้สุดเหวี่ยงไปเลย จะมัวมานั่งกังวลนู่นนั่นนี่ไปทำไม”
หญิงสาวเห็นท่าทางเพื่อนจะไม่ยอมเลิกยุ จึงยอมดื่มวิสกี้ต่ออีกแก้ว และบอกตัวเองว่านี่จะเป็นแก้วสุดท้ายสำหรับค่ำคืนนี้จริงๆ!
อีกด้านหนึ่งของผับ ชาร์ลส์นั่งแอบมองเวณิกามาระยะหนึ่งแล้ว มือหนาหมุนแก้ววิสกี้ชั้นดีในมือไปมา ดวงตาสีเทาเป็นประกายพราวระยับหมายมาด
ท่ามกลางแสงสีวูบวาบ ใบหน้าหวานเหมือนตุ๊กตาของหญิงสาวที่อยู่ในชุดแซกเกาะอกสีดำสั้นเหนือเข่าแลดูเย้ายวนจนละสายตาไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนความร้อนภายในกายเริ่มปะทุขึ้นมาทีละนิด เมื่อนึกว่าผิวกายเธอจะหวานละมุนแค่ไหน ชาร์ลส์ยอมรับว่าไม่เคยคิดมากกับการเข้าหาผู้หญิงคนไหนมากเท่านี้มาก่อน ทั้งที่เตรียมแผนการทุกอย่างสำหรับรื้อฟื้นความทรงจำไว้หมดแล้ว
“บ้าฉิบ!” มหาเศรษฐีหนุ่มสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมดวงตาที่กร้าวขึ้น เมื่อเห็นหนุ่มนักเที่ยวคนหนึ่งเดินเข้าไปหาเวณิกาและเพื่อนของเธอที่เคาน์เตอร์บาร์ คุยกับสองสาวอย่างสนุกสนาน ก่อนยื่นแก้วเครื่องดื่มที่ถือมาให้เวณิกาและเพื่อน
ชาร์ลส์หรี่ตาลงเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจับตามองต่อไม่ให้คลาด
เพื่อนของหญิงสาวที่ท่าทางเมามากหลังดวดเครื่องดื่มอะไรสักอย่างไปสามแก้วรวด คะยั้นคะยอเวณิกาให้รับแก้วเครื่องดื่ม ตอนแรกเวณิกาอิดออด แต่สุดท้ายก็รับมาดื่มอย่างเสียไม่ได้ ขณะที่เพื่อนเธอยังไม่ทันดื่มก็ทำแก้วคว่ำ แล้วก็หมอบฟุบไปกับเคาน์เตอร์บาร์
[1] เบอร์เบิน วิสกี้ (Bourbon Whiskey) คือวิสกี้ที่ผลิตในประเทศอเมริกาเท่านั้น กลั่นจากข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ ก่อนนำไปหมักบ่มในถังไม้โอ๊คโดยใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ทำให้มีรสหวานนุ่มละมุนลิ้นและได้กลิ่นหอมของไม้โอ๊ค ยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งมีรสชาติดี โดยเฉพาะถ้าหมัก 25 ปีจะได้รสชาติที่เยี่ยมยอดที่สุด สูตรของเบอร์เบินอาจแตกต่างกันไปตามแหล่งผลิต