แต่งงานกันเถอะ

1636 Words
“ดาด้า ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก” เวณิกาบอกเพื่อนเสียงยานคาง เพราะยังง่วงอยู่มาก ดวงตากลมโตหรี่ปรือขึ้นมองนาฬิกาบนโต๊ะโคมไฟข้างหัวเตียง ทว่ายังไม่ทันดูเวลา ประกายวิบวับของบางอย่างก็สะท้อนเข้าตา ดึงความสนใจของเธอไปจนหมด แสงแวววาวนั้นมาจากแหวนทองคำขาววงบาง หัวแหวนทำจากเพชรน้ำงามเจียระไนประณีต แม้จะมีเพชรแค่เม็ดเดียว แต่ดูแล้วราคาคงแพงระยับ แหวนมาจากไหนเนี่ย? คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจกว่าเดิม เมื่อเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตสีขาววางซ้อนอยู่ใต้แหวนวงสวย เธอเอื้อมมือไปหยิบมาดูและพบข้อความที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า Will You Marry Me? “แต่งงานกันเถอะ?” เวณิกายิ้มบางๆ ยัยดาด้าตัวแสบจะแกล้งอะไรเธอเนี่ย ถึงขนาดลงทุนซื้อแหวนราคาแพง แล้วยังเขียนข้อความชวนสยิวนั่นอีก หญิงสาวพลิกตัวกลับไปอีกด้านของเตียงเพื่อจะถามรัญชิดาหรือดาด้าเพื่อนของเธอที่มาเที่ยวลาสเวกัสด้วยกัน แต่ก็ต้องอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโตด้วยความตกใจระคนงุนงงสุดขีด เมื่อพบว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆไม่ใช่เพื่อนรัก เวณิกาตาสว่าง ใจเต้นระรัวเมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าของทรงผมสกินเฮดสีน้ำตาลเข้มผู้มีใบหน้าคมแกร่งกร้าวเหมือนพระเอกฮอลลีวู้ดกำลังนอนหลับตาพริ้ม สายตาของเธอไล่สำรวจชายแปลกหน้าโดยอัตโนมัติตั้งแต่ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งมีหนวดเคราตัดแต่งเรียบร้อยตามแนวสันกราม ปลายคางบึกบึน ท่อนบนเปลือยเปล่าของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นหนั่น ซิกส์แพ็กเป็นลอนยั่วยวนสายตา โชคดีที่ท่อนล่างมีผ้าห่มนวมปกปิดไว้ เธอจึงไม่ต้องใจหายใจคว่ำไปมากกว่านี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เร้าใจแม้ยามหลับตา เขาสมบูรณ์แบบจนดูเหมือนหลุดออกมาจากจินตนาการมากกว่าความจริง แต่เดี๋ยวก่อน! นี่เขาเป็นใคร ทำไมถึงมานอนอยู่บนเตียงข้างเธอได้ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเธอบ้าง เธอยังไม่ได้ตกเป็นของเขาใช่ไหม ไม่! หวังว่าจะไม่นะ แล้วยัยดาด้าหายไปไหน เอ๊ะ! นี่ไม่ใช่ห้องพักของเธอด้วย เพราะมันใหญ่และตกแต่งหรูหรากว่ามาก! เวณิกาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ สมองสับสนมึนงงไปหมด แล้วก็เห็นเค้าลางของหายนะอยู่ไม่ไกล เมื่อชายปริศนาเจ้าของแหวนและข้อความชวนประหลาดใจเริ่มรู้สึกตัว โอ๊ย! ตายแล้ว จะทำยังไงดีเนี่ย เธอนอนอยู่บนเตียงสองต่อสอง…กับผู้ชายต่างชาติที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน! หญิงสาวมองไปรอบๆห้องพักที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ประตูอยู่ห่างจากตรงนี้ยี่สิบก้าวกว่าๆ ถ้ากระโดดลงจากเตียงและวิ่งออกจากห้องตอนนี้จะทันไหมนะ ทันสิ เธอเป็นแชมป์วิ่งผลัดสี่คูณร้อยเมตรสมัยอนุบาลเชียวนะจะบอกให้ เสียงความคิดของเวณิกาบอก ว่าแล้วเธอก็สลัดผ้าห่มที่คลุมกายออก ใจชื้นขึ้นเล็กน้อยที่พบว่าตัวเองอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม ไม่ได้เปลือยเปล่า ทว่าตอนจะก้าวลงจากเตียงนั้นเอง เธอก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงเมื่อถูกมือแข็งๆคว้าข้อมือเอาไว้ “จะรีบไปไหนล่ะ” เสียงทุ้มห้าวนั้นไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด “ปล่อยนะ! ฉันจะกลับห้องของฉัน” หญิงสาวร่างเล็กหันไปบอกเสียงเข้ม แต่แล้วเรี่ยวแรงที่มีก็หดหายไปหมดเมื่อประสานสายตาเข้ากับดวงตาสีเทาควันบุหรี่ที่เป็นประกายพราวระยับชวนหวามไหวและเต็มไปด้วยแรงดึงดูดประหลาดจนยากที่หัวใจดวงเล็กๆจะต้านทานอยู่ ที่สำคัญน้ำเสียงและดวงตาของเขาทำให้ภาพของใครคนหนึ่งซ้อนทับขึ้นมาในความคิดโดยอัตโนมัติ แต่ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ เขาจะใช่คนคนนั้นได้ยังไง โลกจะกลมขนาดนี้เลยเหรอ เวณิกาไม่มีเวลาคิดมากกว่านั้นเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอีก “เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการเลยนะ” ริมฝีปากหยักลึกแต้มยิ้มบางๆ แต่เมื่อประกอบกับดวงตาวิบวับแล้วทำให้รอยยิ้มดูเจ้าเล่ห์มากกว่าเป็นมิตร เวณิกาเรียกสติกลับมา เธอต้องไม่หวั่นไหวกับความหล่อกระชากใจของเขาง่ายๆ เพราะผู้ชายคนนี้คือใครก็ไม่รู้ เขาอาจจะเป็นผู้ก่อการร้าย มาเฟีย เจ้าพ่อ โจรเถื่อน หรืออะไรก็ตามที่เลวร้าย และเธอต้องออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด! “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร กรุณาปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างสุภาพ เพราะกลัวว่าโวยวายแล้วจะโดนทำร้ายร่างกาย แม้ว่าเมื่อคืนอาจจะโดน…ไปแล้ว บ้า เธอยังไม่ได้โดนอะไรทั้งนั้นแหละ “คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ ผมไม่ให้ไปหรอก” เขาสบตาเธอนิ่งและเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ “ตอบ? ตอบอะไร?” ใบหน้าคมแกร่งพยักพเยิดไปยังโต๊ะโคมไฟข้างหัวเตียง เวณิกามองตามก็เข้าใจทุกอย่าง “แต่งงานกันเถอะ?” หญิงสาวเลิกคิ้วเรียวขึ้น “ใช่ ถ้าคุณตกลง ผมจะสวมแหวนให้เดี๋ยวนี้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงโน้มน้าว ดวงตาคมกริบสีควันบุหรี่กรุ้มกริ่มมองอย่างเชิญชวนจนคนมองใจเต้นรัวแรงขึ้นอีก ทั้งที่หักห้ามได้แล้ว “คุณจะบ้าหรือไง แต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักนี่นะ” ว๊าย เธอเผลอพูดไม่สุภาพ เขาจะโกรธไหมนะ เวณิกาคิดอย่างครั่นคร้าม แต่โชคดีที่อีกฝ่ายเพียงกระตุกยิ้มขันและถามเสียงสบายๆ “ทำไมถึงไม่อยากแต่งงานกับผม รู้ไหมว่าผมเป็นใคร” “ลูกชายประธานาธิบดีเหรอ หรือว่าเจ้าชายจากต่างดาว?” เวณิการวน เขาจะยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน “ไม่ถึงขนาดนั้น” “แล้วตกลงเป็นใคร” ดวงตาคมเป็นประกายอ่อนเชื่อมมองมาราวจะหว่านเสน่ห์ “ชาร์ลส์ แอชตัน วินเทอร์ เจ้าของโรงแรมนี้และคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส พอจะทำให้คุณยอมเสียเวลาคุยกันได้ไหม?” น้ำเสียงห้าวทุ้มและดวงตาสีเทาสวยของเขาทรงอำนาจมากจนรู้สึกได้ เวณิกาอ้าปากค้าง นี่เธอกำลังอยู่บนเตียงกับเจ้าของดิ แอชตัน วินเทอร์ โรงแรมห้าดาวที่มีกว่าสองร้อยสาขาทั่วโลกและมีคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัสเหรอเนี่ย นั่นก็แสดงว่าเขารวยมาก! แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจนะ เพราะคนอย่างเวณิกาไม่เคยสนใจใครเพียงเพราะเปลือกนอก โดยเฉพาะเขาซึ่งเธอไม่รู้จักมาก่อน จะให้มานั่งคุยบนเตียงนี่นะ ฝันไปเถอะ! “เหรอคะ” หญิงสาวยักไหล่ “ยังไม่สนใจเหรอ ทำไมล่ะ?” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาตระการตา ดวงตาสีสวยหรี่แคบลงราวจะค้นใจหญิงสาวที่ประหลาดกว่าผู้หญิงทั่วไป เพราะใครๆก็อยากเป็นเจ้าสาวของเขาทั้งนั้น ติดก็แต่เขายังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆ จนได้มาเจอเธอ “ถามได้!” เวณิกามองเขาหัวจรดเอว เพราะส่วนล่างจนถึงเท้ามีผ้าห่มนวมปกอยู่ และตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย “คุณก็แค่หล่อ ตาสวย จมูกโด่ง หุ่นเซ็กซี่ รวยติดอันดับต้นๆของโลก แค่เนี้ย? ไม่เห็นจะน่าแต่งงานด้วยตรงไหนเลย!” สนามบินนานาชาติ แมคคาร์แรน, รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา “มีงานด่วน! ให้ดาด้ากลับพรุ่งนี้เลยเหรอคะ” รัญชิดาทำหน้าเซ็ง เพราะทันทีที่เท้าแตะพื้นสนามบินก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการแผนกต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรงซึ่งทำงานอยู่ แต่แม้จะอารมณ์เสียแค่ไหนก็ไม่แสดงออกทางน้ำเสียง เพราะไม่ใช่ความผิดของคนที่โทร.มา แต่เป็นซีอีโอหนุ่มผู้เอาแต่ใจนั่นต่างหาก “ค่า ขอบคุณพี่แจนมากนะคะที่โทร.มาบอก ดาด้าจะหาไฟลท์เช้าพรุ่งนี้แล้วกลับให้เร็วที่สุดค่ะ” หญิงสาววางสายพร้อมถอนหายใจเหยียดยาว “งานด่วนอะไรเหรอดาด้า” เวณิกาอดเห็นใจเพื่อนไม่ได้ เพราะเพิ่งมาถึงไม่ทันหายเหนื่อยก็ต้องเตรียมตัวเดินทางกลับเสียแล้ว “ก็อีตาแม็กน่ะสิ จะบินมาเยี่ยมโรงแรมแบบไม่แจ้งล่วงหน้า แล้วก็อยากประชุมกับผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการของทุกแผนก ห้ามใครไม่ว่างเด็ดขาด ถ้าใครลางานไปเที่ยวก็ให้บินกลับมาด่วน ซึ่งตอนนี้คนที่ลางานมีฉันคนเดียว ดีนะที่ชดเชยค่าเครื่องบินกับค่าที่พักที่จ่ายไปแล้วให้ ไม่งั้นจะโกรธกว่านี้” คนที่ถูกกล่าวถึงคือแม็กซิมิเลียน คีธ ไฟร์เยอร์ ผู้บริหารหนุ่มจอมบ้าอำนาจของโรงแรมเดอะ แกรนด์ ไฟร์เยอร์ รัญชิดาแสดงอาการหงุดหงิดเต็มที่ เพราะไม่จำเป็นต้องวางฟอร์มเมื่ออยู่กับเพื่อนสนิท “เอาเถอะน่า คิดเสียว่าเพื่ออนาคต” หญิงสาวให้กำลังใจเพื่อน “ก็เพราะอย่างนั้นแหละเลยต้องกลับ แต่ทำไมเขาต้องมาตอนฉันลาพักร้อนด้วยเนี่ย อีตาซีอีโอบ้า” เจ้าตัวยังอดบ่นไม่ได้ “อย่าเผลอพูดแบบนี้ต่อหน้าเขาล่ะ โดนไล่ออกแน่” เวณิกาแซวพลางยิ้มขัน “รู้น่า ก็แค่อยากระบายบ้างเท่านั้นเอง” เวณิกาส่ายหน้าไปมาและหัวเราะเสียงใส “อย่างน้อยแกก็มีเวลาเที่ยวหนึ่งวัน ไม่ต้องบินกลับทันที เดี๋ยวเราเอาของไปเก็บที่โรงแรมแล้วเริ่มเที่ยวกันเลยก็ได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD