“เราเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี่เองนะคะพอร์ช แนนนี่ยังไม่อยากกลับเลยเราอยู่ต่อได้มั้ยคะ”
“ปู่ของผมเข้าโรงพยาบาลนะแนนแล้วคุณจะให้ผมอยู่เที่ยวหาความสุขสำราญให้กับตัวเองได้หรือไง”
พฤทธิ์พูดด้วยความไม่พอใจที่แฟนสาวไม่เห็นความสำคัญปู่ของเขา
“หมอก็มีนี่คะพอร์ช
คุณไม่ใช่หมอถึงไปก็รักษาท่านไม่ได้อยู่ดีค่ะ”
“คุณไม่ไปก็ตามใจ
แต่อย่ามาห้ามผมเพราะคุณปู่ท่านเป็นยิ่งกว่าพ่อของผม”
ชายหนุ่มพูดด้วยความโกรธแฟนสาวและคิดว่าเขากับนิวารินคงไปด้วยกันต่อไม่ได้แล้ว
“พอร์ชคะรอแนนนี่ด้วยค่ะ” นิวารินลุกขึ้นแล้วรู้ตัวว่าเธอพูดผิดไปจึงรีบเข้าไปในห้อง
“ถ้าจะกลับพร้อมผมก็เก็บของซะ”
พฤทธิ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเพราะไม่ชอบคำพูดของนิวารินที่ไม่เห็นความสำคัญของคนในครอบครัวของเขาและผู้หญิงแบบนี้เหมาะจะเป็นแม่และรับผิดชอบครอบครัวได้หรือเปล่าและเขาเองก็คิดถูกแล้วที่คบหานิวารินในสถานะแค่แฟนที่ยังศึกษานิสัยใจคอกันอยู่ยังไม่ข้ามไปถึงคนรักและไปต่อไม่ได้แล้ว
“พอร์ชคะ
แนนนี่ขอโทษที่พูดอะไรไปไม่คิดก็เราเพิ่งมาถึงยังไม่ได้เที่ยวก็จะกลับกันแล้ว”
นิวารินแก้ตัวเมื่อรู้ว่าแฟนหนุ่มไม่พอใจเธอและที่ผ่านมาเธอกับพฤทธิ์ก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน
“ไม่เป็นไร ผมไปรอข้างนอกนะ”
พฤทธิ์พูดจบก็หิ้วกระเป๋าเดินทางแล้วเดินออกไปจากห้องพักสุดหรูที่เลขาจองให้สำหรับพักร้อนครั้งนี้
นิวารินมองแฟนหนุ่มที่เดินออกไปจากห้องแล้วเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทางโดยไม่สนใจว่ามันจะยับย่นหรือไม่เพราะเธอต้องกลับบ้านแล้วก่อนจะปิดประเป๋าเดินทางแล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมจะเดินทางกลับด้วยเครื่องบินเล็กส่วนตัวที่บินตรงมาจากสนามบินสุวรรณภูมิลงจอดรีสอร์ทหรูที่เธอมาพักเมื่อวานนี้และวันนี้ก็บินกลับ
พฤทธิ์เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมกับแฟนสาวเวลาสิบเอ็ดนาฬิกากว่าเพราะเขาแจ้งทางรีสอร์ทขอบินกลับทันทีที่สามารถบินได้แล้ใช้วลาเดินทางสองชั่วโมงแต่บินแค่หนึ่งชั่วโมงยี่สิบห้านาทีเท่านั้น
“ทางนี้ครับคุณพอร์ช”
ปรีชาเรียกเจ้านายหนุ่มที่เดินมาพร้อมกับแฟนสาวที่หน้าตาบูดบึ้งเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างและถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเรื่องที่เขาโทรรายงานเจ้านายแล้วทำให้แผนการเที่ยวล้มไม่เป็นท่า
“เอากระเป๋าฉันไปเก็บด้วย”
นิวารินบอกปรีชาอย่างหงุดหงิดเพราะเขาทำให้แผนการเที่ยวของเธอล่มทั่งที่ถ่ายรูปอัพลงไอจีอวดเพื่อนๆแต่ไม่ทันไปไปไหนก็กลับบ้านมันเซ็งจริงๆ
“ครับ” ปรีชาตอบเบาๆแล้วลากกระเป๋าเดินทางแฟนของเจ้านายเดินตามหลังไปที่รถตู้คันใหญ่ที่จอดรออยู่หน้าประตูทางออก
“ไปส่งแนนนี่ก่อนเดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลเอง”
พฤทธิ์บอกคนสนิทเพราะเขาไม่อยากอารมณ์เสียหากนิวารินพูดไม่เข้าหู
“พอร์ชคะ แนนี่จะไปเยี่ยมคุณปู่กับคุณก่อนค่ะ”
“เอาไว้วันหลังนะแนนนี่”
ชายหนุ่มพูดจบก็เดินไปเรียกแท็กซี่แล้วขึ้นรถไปโดยไม่ฟังเสียงของแฟนสาว
“พอร์ชคะ พอร์ชรอแนนนี่ด้วยค่ะ”
นิวารินยืนกระทืบเท้าอยู่กับที่ด้วยความไม่พอใจที่แฟนหนุ่มไม่ให้เธอไปด้วย
“เชิญครับคุณแนนนี่”
“เพราะแกคนเดียวที่ทำให้พอร์ชทิ้งฉัน”
“ถ้าคุณแนนี่ไม่กลับก็ตามใจนี่ครับกระเป๋า”
“หยุดนะนายเปาแกเป็นแค่ลูกน้องของพอร์ชอย่าสะเออะมาตีเสมอฉัน
คอยดูนะฉันจะให้พอร์ชไล่แกออก”
นิวารินตวาดใส่คนยนิทของแฟนหนุ่มที่ไม่เคารพเธอทั้งที่เป็นแฟนของเจ้านาย
“งั้นเรียกแท็กซี่กลับเองนะครับ”
ปรีชาไม่กลัวจะถูกไล่ออกเพราะเจ้านายของเขามีเหตุผล
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เปา ไปส่งฉันที่คอนโดด้วย”
นิวารินกระฟัดกระเฟียดขึ้นรถแล้วโยนกระเป๋าเดินทางใบเล็กใส่ปรีชาด้วยความโมโหและยังจิกเรียกปรีชาว่าไอ้
ปรีชามองนิวารินและมองคนขับรถก่อนจะปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งคู่กับสมิตคนขับรถที่สนิทกันดีเพราะทำงานร่วมกันเรียกว่าเป็นคู่หูของเขาก็ได้ถึงแม้สมิตแกจะไม่ได้จบปริญญาตรีแต่แกก็จบปวส.สายวิชาชีพช่างยนต์แล้วถูกเรียกตัวมาช่วยขับรถตั้งแต่พฤทธิ์กลับมาทำงานเพราะเจ้าสัวติรภพเห็นว่าหน่วยก้านดีจึงส่งไปเรียนการต่อสู้เบื้องต้นและยิงปืนเพื่อให้ช่วยดูแลหลานชายของท่าน
“ไหวมั้ยเปา หึหๆๆ..” สมิตถามคู่หูรุ่นน้องขำๆ
“ไหวไม่ไหวก็ต้องไหวมั้ยพี่เขียว ผมล่ะหนักใจแทนคุณพอร์ชจริงๆถ้าได้เป็นเจ้านายอีกคนผมคงตกงานแน่ครับ”
ปรีชาตอบสมิตหรือพี่เขียวแล้วถอนหายใจ
“ทนมาได้ตั้งนานแล้วจะทนต่อไปอีกไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิจริงมั้ย”
เขาก็ทนเหมือนกับปรีชาหากทำอะไรไม่พอใจนิวารินก็จะเหวี่ยงวีนใส่พวกเขาทันทีแต่ไม่ทำต่อหน้าเจ้านาย
“ครับพี่ ไปส่งเธอที่คอนโดนะครับ”
ฝ่ายพฤทธิ์ก็ตรงไปโรงพยาบาลทันทีพอถึงก็ขึ้นไปห้องพักของปู่ด้วยความเป็นห่วงเพราะท่านอายุแปดสิบกว่าแล้วยังแข็งแรง
ส่วนย่าเสียไปเมื่อสิบปีก่อนจึงเหลือปู่คนเดียว
“ก๊อกๆๆ..”
“คุณพอร์ชมาได้ยังไงครับ”
นายไสวถามหลานชายของเจ้านายที่ยืนตรงหน้าเพราะเจ้านายห้ามไม่ให้ใครบอกหลานชาย
“ผมบินมาครับ แล้วปู่เป็นยังไงบ้างครับลุงไหว”
“ดีขึ้นแล้วครับ
ท่านเจ้าสัวความดันสูงทำให้หน้ามืดจะเป็นลมครับ”
“แล้วคนทำให้ปู่เป็นแบบนี้ไปหนแล้วครับ
มาเยี่ยมปู่บ้างมั้ยครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยความไม่พอใจแล้วเดินเข้าไปในห้องพักของปู่ที่นอนพักผ่อนอยู่
“เสียงดังอะไรกันเจ้าพอร์ช”
เจ้าสัวรนภพแกล้งว่าหลานชายก่อนที่จะถูกหลานชายบ่นตัวเอง
“ปู่ก็ดูแข็งแรงดีนี่ครับ
รู้อย่างนี้ผมอยู่เที่ยวต่อดีกว่า”
คนเป็นหลานพูดกวนปู่แต่สายตามองด้วยความรักและเป็นห่วงท่าน
“ก็ดีสิ เผื่อแกจะมีเหลนให้ปู่เลี้ยงสักคนหรือว่าไม่มีน้ำยาล่ะ”
คนเป็นปู่ก็ปากดีไม่ยอมแพ้หลานชายที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกจึงรักเหมือนลูกมากกว่าหลานเพราะลูกชายกับลูกสะใภ้จากไปเพราะเครื่องบินตกก็ยิ่งทำให้ท่านรักหลานทั้งสองมากแต่ท่านไม่ได้ลำเอียงเพราะรักหลานเหมือนกันทุกคนแค่ไม่ได้ใกล้ชิดเหมือนพัชรวลัยกับพฤทธิ์เท่านั้น
“น้ำยาน่ะมีแต่ยังหาแม่ของลูกไม่ได้เลยปู่
เอาไว้ผมหาได้เมื่อไหร่ปู่ได้อุ้มเหลนแน่ครับ”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ปู่อาจจะตายก่อนเห็นเหลนก็ได้”
“พี่พู่ไง อีกไม่กี่เดือนพี่พู่ก็แต่งงานแล้วครับ
ดีไม่มีป่านนี้แอนดี้เสกเหลนปู่เข้าท้องพี่พู่แล้วก็ได้ครับ”
พฤทธิ์พูดถึงพี่สาวกับพี่เขยที่ตอนนี้จดทะเบียนสมรสกันแล้วแต่อยู่ด้วยกันก่อนแต่งมานานแล้ว
“ไอ้เจ้านี่
พูดถึงพี่ถึงเชื้อให้มันดีไหน่อยสิใครมาได้ยินเข้าจะคิดยังไง”
ถึงแม้หลานสาวจะอยู่ก่อนแต่งกับแฟนหนุ่มแต่แอนดี้ก็เข้าตามตรอกออกตามประตูให้พี่แม่มาสู่ขอนานแล้วแต่หลานสาวของท่านยังไม่อยากแต่งงานและเมื่อต้นปีก็พากันมาบอกท่านว่าพร้อมจะแต่งงานแล้วจึงหาฤกษ์งามยามดีให้และอีกสี่เดือนก็จะแต่งงานแล้ว
“ไม่มีใครว่าหรอกปู่
ว่าแต่คู่กรณีของปู่ไม่มาเยี่ยมเหรอครับ”
“ปู่ไม่ให้แม่พู่บอกใครน่ะ”
“ทำไมครับปู่
อาโมต้องการอะไรอีกทุกวันนี้ที่ได้ไปยังไม่พอใจอีกหรือไงกัน”
พฤทธิ์พูดถึงอาสาวที่ถูกสามีจูงจมูกเพื่อตำแหน่งประธานบริษัทและก่อหวอดภายในบริษัทแต่เขาควบคุมได้จึงมาพาลกับปู่ว่ารักเขากับพี่สาวมีอะไรก็ยกให้ทั้งที่ตัวเองไม่มีความสามารถเองแต่อยากนั่งตำแหน่งสำคัญและตำแหน่งประธานบริษัทเขาก็ได้มาเพราะความสามารถ
ส่วนสามีและลูกทั้งสองของอาสาวทั้งสองคนก็ไม่เอาถ่านนอกจากรอกินเงินกงสี
ต่างจากอาคนเล็กที่เป็นรองประธานฝ่ายบริหารและภรรยากับลูกทั้งสองก็ทำงานตามความสามารถไม่มีใครมีปัญหายกเว้นอาคนรองที่เรียกร้องไม่หยุด
“ก็เรื่องเดิมๆนั่นแหละ
แต่คราวนี้มาขอให้ตาเก้าเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารฝายการตลาดแต่ไม่มีประสบการณ์ปู่กลัวมันจะมาป่วนงานในบริษัทมากกว่า”
เจ้าสัวรนภพพูดถึงหลานชายอีกคนอย่างระอาเพราะทำอะไรก็ไม่สำเร็จและท่านก็ลงทุนให้ทำธุรกิจนับสิบก็ไม่ประสบความสำเร็จและจะมาขอทำงานในบริษัทในตำแหน่งใหญ่และสำคัญอีกท่านจึงไม่รับปากเพราะมันเป็นหน้าที่ของหลานชายทำให้ลูกสาวไม่พอใจโวยวายใส่ท่านจนความดันขึ้นทำให้ต้องมานอนโรงพยาบาล
“ถ้านายเก้าอยากทำงานก็ให้มันมาคุยกับผมดีกว่าครับ
ทางบริษัทของเรามีแบบทดสอบให้พนักงานทำเพื่อเลือกตำแหน่งหน้าที่ให้อย่างเหมาะสมครับ”
แต่สำหรับกวีเขาแน่ใจว่ามันไม่เหมาะกับงานในบริษัทเลย
แต่ถนัดเรื่องดื่มกินเที่ยวเมาหัวราน้ำเท่านั้น
“ปู่บอกไปแล้วถึงได้เป็นแบบนี้ไง
แกก็หาตำแหน่งลอยสักตำแหน่งให้มันหน่อยมันอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่เดี๋ยวปู่จัดการให้เองไม่งั้นมันก็ไม่จบสักที”
เจ้าสัวพูดอย่างเหนื่อยใจเพราะลูกสาวคนรองขยันหาเรื่องปวดหัวมาให้ทานบ่อยๆ
“ครับปู่” แม้เขาใอยากทำแต่เพื่อความสบายใจของปู่จึงจำใจต้องทำและจะให้คนประกบตัวมันอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ก่อความวุ่นวายในบริษัท
“แล้วนี่แฟนแกไม่มาด้วยรึเจ้าพอร์ช”
“ไม่มาครับ”
“แล้วคนนี้คิดจริงจังถึงขั้นไหนล่ะ”
“ไม่รู้ครับ
ก็ดูกันไปเรื่อยๆก่อนถ้าไปกันไม่ได้ก็แยกทางกันเดินเท่านั้นเองครับ”
“แกเป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไร
แต่แฟนแกเป็นผู้หญิงเธอจะเสียหายได้และตระกูลของเธอก็กว้างขวางไม่น้อยเลยนะ
“ผมกับแนนตกลงคบหากันโดยไม่มีพันธะผูกพันกันและเราเป็นแค่แฟนกันยังไม่ได้เป็นคนรักกันครับ
ส่วนความสัมพันธ์ไปไกลแค่ไหนผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ” เขาคิดว่าไม่สามารถไปต่อกับนิวารินได้เพราะสามเหตุจากเรื่องปู่เข้าโรงพยาบาลแล้เธอไม่เห็นความสำคัญทีที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
“ถ้าไม่คิดจริงจังกับเขาก็อย่ายื้อไว้ให้เขาเสียเวลากับชีวิตที่เขาอาจจะเจอคนที่ดีกว่าเรา”
“ที่จริงผมคบใครก็คิดจริงจังนะครับปู่
แต่บางทีการกระทำของพวกเธอทำให้ผมรับไม่ได้อย่างแนนเขาเห็นเรื่องเที่ยวสำคัญกว่าทุกอย่างและผมไม่ต้องการผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยาและแม่ของลูก
จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ยอมรับครับ”
เขายอมรับว่าเห็นแก่ตัวเพราะคนที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตนั้นไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทองแต่ขอแค่มีจิตใจดีรักครอบครัวและสามารถดูแลครอบคัวได้และเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ก็พอแล้ว
“เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะเจ้าพอร์ช
แต่เอาเถอะเรื่องคู่ครองของแกปู่จะไม่ยุ่งไม่ว่าแกจะรักใครชอบใครปู่ก็จะรักด้วย”
เพื่อความสุขของลูกหลานท่านให้ตัเดสินใจเรื่องคู่ครองเองเหมือนหลานสาวคนโตที่ถึงเวลาพร้อมจะสร้างครอบครัวก็มาบอกท่านด้วยตัวเอง
“ขอบคุณครับปู่ แล้วนี่หมอจะให้ออกโรงบาลเมื่อไหร่ครับ”
“น่าจะพรุ่งนี้แหละ แกก็กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ
ที่นี่มีไสวดูแลปู่คนเดียวก็พอแล้ว”
“งั้นผมกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวผมจะกลับมานอนเป็นเพื่อนปู่นะครับ”
พฤทธิ์บอกปู่ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปไม่ฟังท่านพูดอะไรแล้วไปคุยกับหมอเรื่องอาการของปู่และหมอก็ยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรมากนอกจากความดันสูงเท่านั้น
“แกแน่ใจนะไอ้หมอ”
“แน่ใจสิวะ
ฉันตรวจเช็คอย่างละเอียดและพ่อของฉันก็ตรวจเช็คร่างกายของคุณปู่ตลอดทุกปีอยู่แล้วถ้ามีอะไรท่านต้องบอกสิวะ”
อำพลหรือหมอต้อมตอบเพื่อนที่มาถามอาการของปู่ด้วยความเป็นห่วง
"ขอบใจมากไอ้หมอ
เดี๋ยวกูกลับไปอาบน้ำก่อนแล้วจะมาเฝ้าปู่"
พฤทธิ์บอกเพื่อนเพราะลงเครื่องเขาก็มาหาปู่เลย