สามีของข้า(2)

1432 Words
วันนี้ ในห้องขังอันเหน็บหนาว ซย่าซูเมิ่งตัดสินใจทำตัวแข็งกร้าวสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่ยอมหย่ากับแม่ทัพใหญ่ คนพวกนั้นจึงตอบแทนนางโดยการสังหารสาวใช้ที่ติดตามนางมาจากจวนตระกูลซย่า จับนางเฆี่ยนตี และมอบอาหารสำหรับสุนัขให้กับนาง ทรมานจนกว่านางจะยอมลงนามหย่ากับกู้จิ่งหยวน โดยที่นางจะไม่ได้อะไรจากตระกูลกู้เลย คนสุดท้ายที่มาหานางในห้องขังก็คือกู้กุ้ยหนิง น้องสาวฝาแฝดของกู้กุ้ยอิง ที่มีร่างกายอ่อนแอ นางนำอาหารอย่างดี และของบำรุงมาให้ ซย่าซูเมิ่งเมื่อเช้านี้ พร้อมเอ่ยว่า “พี่สะใภ้จะดื้อไปไย พี่ชายของข้าเห็นแก่ที่ตลอดหนึ่งปีมานี้ ท่านทำทุกอย่างเพื่อตระกูลกู้ หากว่าพี่ชายของข้าหย่ากับท่านเสียตั้งแต่ก่อนที่จะมีคำตัดสินตระกูลซย่า ท่านก็จะต้องถูกพาตัวไปประหาร ป่านนี้คงจะอยู่ในคุกหลวงที่เหน็บหนาว ทรมาน และน่ากลัวกว่านี้หลายเท่านัก แต่นี่พี่ชายของข้ายังมีไมตรีกับท่าน ช่วยเหลือท่านให้รอดชีวิต ท่านก็ยอมจากไปแต่โดยดีเถิด” ซย่าซูเมิ่งได้ยินคำพูดนั้นแล้วหัวเราะหยัน “กู้กุ้ยหนิง แม้ว่าครอบครัวของข้าจะต้องถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร แต่ข้านั้นแต่งเข้ามายังตระกูลกู้ด้วยพิธีรีตองที่ครบถ้วนสมบูรณ์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลกู้ ต่อให้ฝ่าบาทต้องการก็มิอาจประหารข้าได้ ตัวข้าอยู่ยังตระกูลของเจ้าก็ทำหน้าที่ของภรรยาอย่างไม่มีข้อบกพร่อง แล้วพี่ชายของเจ้าจะถือสิทธิ์อะไรมาหย่าข้าได้!? ข้าจัดการบ้านเรือนมิดีหรือ!? ข้าไม่เคารพต่อแม่สามีหรือ!? ข้าไม่ได้คอยดูแลพวกเจ้าพี่น้องเป็นอย่างดีรึอย่างไร!? ข้าอยากรู้นักว่าหากข้าไม่ยอมหย่า แล้วท่านแม่ทัพจะหย่าข้าได้อย่างไร!? ในเมื่อข้ามิได้ทำอะไรผิด! พวกเจ้าเสียอีก...” นางมองน้องสาวสามี “พอตระกูลซย่าของข้าล่มจม ก็รีบร้อนอยากให้ข้าหย่าออกไปใจจะขาด จับข้ามาทรมาน บีบบังคับให้ข้าหย่ากับท่านแม่ทัพ บีบบังคับให้ข้ามอบสินเดิมทั้งหมดให้พวกเจ้า หากมีใครใน เมืองหลวงทราบ ข้าก็อยากรู้นักว่าพี่ชายของเจ้า วงศ์ตระกูลของเจ้าจะยังรักษาชื่อเสียงอันดีงามไว้ได้อีกหรือไม่!?” กู้กุ้ยหนิงหน้าขาวซีด ขว้างถ้วยข้าวต้มที่นำมาป้อนให้พี่สะใภ้ จับดวงหน้าของซย่าซูเมิ่งแล้วกล่าวเสียงดังว่า “เจ้าจะเอาเช่นนี้ก็ได้ซย่าซูเมิ่ง พวกข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ให้เดินออกจากตระกูลกู้ดี ๆ ไม่ชอบ เช่นนั้น ข้าจะเรียกพวกบ่าวชายเข้ามา ให้พวกเขาเสพสุขกับร่างกายของเจ้าให้ครบทุกคน จากนั้นก็แขวนร่างของเจ้าไว้กับคาน แสร้งว่าเจ้าฆ่าตัวตายทันทีที่คนในตระกูลของตนถูกประหารเป็นเช่นไร เจ้าต้องการเช่นนั้นใช่หรือไม่!?” ซย่าซูเมิ่งทอดตามองนาง กู้กุ้ยหนิงยิ้มเยาะ ถ่มน้ำลายใส่นาง “หญิงโง่งม เจ้าไร้ค่าแล้วยังไม่เจียมตัวอีก!” กู้กุ้ยหนิงมองดวงหน้าของซย่าซูเมิ่งอย่างสาแก่ใจ จากนั้นจึงเดินนวยนาดออกจากห้องขังไป ซย่าซูเมิ่งรู้สึกอ่อนแรง นางนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องขัง โดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนกระทั่งผู้คุมนำอาหารเย็นมาให้ แต่เมื่อผู้คุมเอ่ยเรื่องตระกูลซย่าถูกประหาร นางก็ไม่รู้สึกอยากอาหารอีก ซย่าซูเมิ่งกอดตนเองที่อยู่ในเสื้อผ้าเก่าสกปรกเอาไว้ คิดถึงบิดามารดา พี่สาว น้องสาว และน้องชายทั้งสองของนาง “นำนางออกมา” เสียงของผู้คุมดังขึ้น ซย่าซูเมิ่งเงยหน้าจากหัวเข่าของตนเอง เห็นว่าผู้คุมเดินไปยังห้องขังด้านข้าง และลากตัวหญิงชราที่อยู่ในนั้นออกไปอย่างไม่ปราณี จากนั้น ภาพความรุนแรงที่เห็นเป็นประจำก็เกิดขึ้น ซย่าซูเมิ่งมักถูกเฆี่ยนตีในตอนเช้า ส่วนหญิงชราคนนั้นจะถูกทรมานในตอนเย็น จนถึงตอนกลางคืน วันนี้คนคุมใช้แส้เหล็กนำไปเผากับไฟจนร้อน ฟาดไปตามเรือนกายผอมบางของหญิงชรา เล่นเอานางอ้าปากที่ไม่เหลือฟันแม้แต่ซี่เดียว ส่งเสียงแหบโหยหวนดังลั่นห้องขัง ซย่าซูเมิ่งเห็นภาพอันน่าหวาดกลัวนั้น ไม่ว่าจะได้เห็นสักกี่ครั้ง ก็ยังไม่รู้สึกเคยชิน “เจ้าจะบอกได้หรือยัง!? ว่าเจ้านำของสิ่งนั้นไปซ่อนเอาไว้ที่ไหน!?” หญิงชราหอบหายใจด้วยความเจ็บ ดวงตาเลื่อนลอยมองดวงหน้าของผู้คุม จากนั้นเอ่ยเสียงแหบแห้ง “เข้ามา...ใกล้ ๆ ข้าสิ” ผู้คุมเอียงหน้าเข้าหา นางก็ถ่มน้ำลายใส่ดวงหน้าหยาบกร้านนั้น ทำให้ผู้คุมบันดาลโทสะ ตวัดมือตบเข้าที่ดวงหน้าผอมของหญิงชราอย่างแรง จากนั้นการทรมานก็เริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซย่าซูเมิ่งยกมือขึ้นปิดหู ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของหญิงชราที่โดนทารุณกรรม เวลาผ่านไปประมาณสองก้านธูป ร่างอันผอมของหญิงชราก็ถูกลากกลับมายังห้องขัง ซย่าซูเมิ่งมองหญิงชราคนนั้น เห็นสองมือของนางกุดด้วน และบาดแผลที่ถูกตัดมือก็ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี ส่งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เชิญชวนให้หนูหลายตัวมาด้อม ๆ มอง ๆ สภาพร่างกายส่วนใหญ่ก็ยับเยิน เต็มไปด้วยรอยบาดแผล นางสลบไปแล้ว ไม่มีปัญญามาไล่พวกหนูที่เข้ามาแทะบาดแผล ซย่าซูเมิ่งไม่รู้จักหญิงชราคนนั้น แต่นางมีความเวทนามากพอจะเอื้อมมือผ่านซี่ลูกกรงไปโบกไล่เหล่าหนูที่เข้ามาหวังกัดแทะแผลเพื่อนร่วมชะตากรรม เมื่อเหล่าคนคุมหมดหน้าที่ พวกเขาก็ไปนั่งเดินหมากฆ่าเวลา โดยที่ไม่สนใจพวกนางอีกต่อไป “...น้ำ...ขอน้ำ...” ซย่าซูเมิ่งตื่นในตอนที่ได้ยินเสียงแหบพร่าของหญิงชรา นางลืมตาขึ้นมา เพ่งผ่านความมืด พบว่าหญิงชราที่นอนอยู่ชิดติดลูกกรงกำลังขยับริมฝีปากแห้งแตก เปล่งเสียงเหมือนจะขาดใจตายได้ทุกเมื่อ ซย่าซูเมิ่งเอื้อมมือไปหยิบน้ำของฝั่งนาง วักน้ำด้วยมือ และหยดใส่ปากของหญิงชราคนนั้น หญิงชราดื่มน้ำอย่างกระหาย นางปรือตาขึ้นมอง คนช่วยเหลือก็คือเด็กสาวมอมแมมที่อยู่ห้องขังด้านข้าง นางยกยิ้มขึ้นมาเอ่ยว่า “ฮูหยิน...” ซย่าซูเมิ่งห่อไหล่ในทันที “อย่าเรียกข้าเช่นนั้นเลย” หญิงชราหัวเราะในลำคอ ซย่าซูเมิ่งมองนางฉงน สงสัยว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมของนางจะถูกทรมานจนเสียสติไปเสียแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงยังหัวเราะได้ ซย่าซูเมิ่งพิงลูกกรงเย็น ๆ นางครุ่นคิดว่าสุดท้ายแล้ว ตนเองก็คงจะต้องยอมหย่าให้สามีของนาง ตัวนางทนได้ หากต้องถูกสังหาร แต่นางคงจะทนไม่ได้แน่ ๆ หากว่ากู้กุ้ยหนิงพาบ่าวชายมาย่ำยีนาง ถึงอย่างไร ซย่าซูเมิ่งก็มีศักดิ์ศรี พอคิดได้ว่านางจะยอมหย่ากับกู้จิ่งหยวน ซย่าซูเมิ่งก็ปล่อยวางได้บางส่วน วักน้ำมาป้อนหญิงชราคนนั้นหลายคำ หญิงชราดื่มน้ำจนหมด จากนั้นนางจึงค่อย ๆ หยัดลุกขึ้นมานั่งกับพื้น ใช้เท้าของตนเองเขี่ยฟางที่ปลายเท้า เอาง่ามนิ้วเท้าคีบเหล็กแท่งเล็กออกมา ซย่าซูเมิ่งขมวดคิ้ว หญิงชรายักแย่ยักยันโน้มดวงหน้าไปใช้ปากกัดเหล็กแท่งนั้น ก่อนจะคาบเอาไป แล้วหยัดกายลุก เดินโซเซไปตรงประตูกรงขัง กลอนประตูกรงถูกลงกุญแจเอาไว้ แต่ไม่ได้คล้องแม่กุญแจ หญิงชรามองคนคุมทั้งสองที่กำลังนอนหลับอยู่ ใช้ปากของตนเองคาบเหล็กสะเดาะกลอน กระทำอยู่ครู่หนึ่ง ซย่าซูเมิ่งก็ได้ยินเสียงดังกึก และประตูก็เปิดออกอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะร่างกายที่ถูกทรมานนั้นอ่อนแอเกินไป หญิงชราผลักประตูแล้วหอบหายใจ กำลังจะก้าวเดินออกจากกรงขัง แต่ซย่าซูเมิ่งขว้างชามกระเบื้องของตนเองกระทบลูกกรงฝั่งตนดังปัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD