สามีของข้า(3)

1419 Words
หญิงชราทิ้งตัวนอนบนพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทหารยามจะสะดุ้งตัวตื่น พอเห็นว่าประตูกรงขังเปิดออกอ้า เขาก็ตกใจ วิ่งเข้ามาดูสภาพภายในกรง สิ่งที่เห็นคือนักโทษยังอยู่ แต่ประตูกรงกลับเปิดออก ทหารยามจิกเส้นผมของหญิงชราขึ้นมา นางยังตัวพับตัวอ่อน หายใจรวยริน สภาพเข้าขั้นตรีทูต [2] ไม่น่าจะสามารถลุกขึ้นมาทำอะไรได้ ทหารยามคนนั้นถอนหายใจ พยักหน้าให้เพื่อน ก่อนจะล็อกกรงขังเหมือนเดิม คราวนี้เขาคล้องแม่กุญแจเอาไว้ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งประจำตำแหน่ง ครั้นมองอยู่นาน นักโทษทั้งสองก็ไม่มีท่าทางผิดปกติอะไร ก็ปิดตาลง เมื่อได้ยินเสียงกรนของทหารยามผู้เลินเล่อ หญิงชราคนนั้นก็เบิกตาโพลง คลานไปหาซย่าซูเมิ่งที่นั่งมองนาง ก่อนจะเอ่ยอย่างมีน้ำโห “ฮูหยินน้อยคิดจะทำอะไร เจ้าอยากตายที่นี่ก็ตายไปคนเดียวสิ จะลากข้ามาตายด้วยทำไม!?” ซย่าซูเมิ่งทอดตามองนาง ก่อนจะยกยิ้ม “เพราะข้าอยากรู้จักท่านยายให้มากกว่านี้น่ะสิ เราอยู่ร่วมกันมานาน แต่ข้าไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของท่านเลย” หญิงชราถลึงตาใส่นาง แล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ยอมต่อบทสนทนาอีกแม้แต่ครึ่งคำ ซย่าซูเมิ่งมองแผ่นหลังของนางเงียบ ๆ จากนั้นจึงบอกว่า “ที่นี่คือจวนแม่ทัพ ท่านหนีออกไปไม่ได้หรอก” หญิงชราแค่นเสียง “เหอะ เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าจะรู้ได้อย่างไร ขนาดคุกหลวงในพระราชวังต้องห้าม ข้ายังหนีออกมาแล้วเลย อีแค่จวนแม่ทัพ” ซย่าซูเมิ่งเบิกตากว้าง มองหญิงชราที่ยังไม่หันกลับมา นางทำใจเย็น เอ่ยว่า “ถึงท่านจะหนีออกไปได้ แต่สภาพเช่นนั้นก็คงจะไปได้ไม่ไกลหรอก ที่สุดแล้ว ท่านแม่ทัพก็ต้องจับท่านกลับมาอีกจนได้ ดีไม่ดี...ท่านแม่ทัพที่รู้กิตติศัพท์ของท่าน เขาอาจจะวางยาในอาหารของท่าน เป็นยาที่...ถ้าหากไม่ได้รับยาถอนพิษ ก็จะต้องตาย” ได้ผล หญิงชราตัวแข็งทื่อ ค่อย ๆ เหลียวมามองซย่าซูเมิ่ง ฮูหยินน้อยของจวนแม่ทัพใหญ่ กล่าวอย่างสงบว่า “เป็นวิธีการที่เหล่าชนชั้นสูงแคว้นเฉินชอบใช้ และข้าคิดว่าหากท่านมีชื่อเสียงขนาดนั้น คนรอบคอบอย่างท่านแม่ทัพ ย่อมต้องหาทางป้องกันเป็นธรรมดา” หญิงชรานิ่งค้างไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบระโหย “ข้าทราบว่าเขาทำแบบนั้น” ซย่าซูเมิ่งมองนาง หญิงชราเอาเท้าเขี่ยเอาเส้นลวดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมบอกว่า “แต่ข้าไม่ต้องการตายในห้องขังแห่งนี้ อีกทั้ง ไหน ๆ ก็จะต้องตายอยู่แล้ว ข้าจะขอแก้แค้นพวกมันสักหน่อย อย่างน้อยที่สุด ได้เผาจวนแม่ทัพก็ยังดี” นางก้มหน้าไปคาบลวดเส้นนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินอย่างไร้เสียงไปยังประตู พยายามจะใช้แขนที่ไร้มือ และปากทำการสะเดาะกลอนประตู ซย่าซูเมิ่งมองนางทำเรื่องเช่นนั้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ และบอกว่า “ถ้าหากว่าข้ามีวิธีช่วยให้ท่านหนีออกจากที่นี่ และสามารถล้างพิษในตัวท่านได้ล่ะ” หญิงชราชะงัก หันมามองซย่าซูเมิ่งด้วยแววตางุนงง ก่อนจะจุดประกาย เหมือนว่านางเองก็คิดอะไรได้เช่นเดียวกัน ซย่าซูเมิ่งยิ้ม กล่าวว่า “เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าต้องการให้ท่านช่วยเหลือข้า” “ข้าต้องการจะหย่ากับท่านแม่ทัพ” ทันทีที่ซย่าซูเมิ่งเอ่ยออกมา ทหารยามที่ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวกันเองว่า “ข้าจะต้องรีบไปแจ้งท่านแม่ทัพ...” “ช้าก่อน” ซย่าซูเมิ่งส่งเสียงออกมา “ข้าจะไม่หย่า หากว่าท่านแม่ทัพไม่มาพบข้าด้วยตัวเอง!” ทหารยามมองหน้ากัน จากนั้นทหารยามคนหนึ่งจึงไปรายงานแม่ทัพใหญ่ ฮูหยินน้อยเอ่ยปากว่าต้องการหย่ากับท่านแม่ทัพด้วยตัวเอง แต่นางต้องการพบสามีของนางเสียก่อน เพราะแสดงจุดประสงค์ต้องการหย่าขาดกับสามีด้วยตัวเอง ผู้คุมในคุกจึงมิได้เฆี่ยนตีซย่าซูเมิ่งเหมือนอย่างเคย นางนั่งอย่างสงบอยู่ในห้องขัง ทอดตามองหญิงชราที่นอนอยู่ข้างลูกกรง เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ร่างนั้นก็ประจักษ์แก่สายตาของนาง กู้จิ่งหยวนเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยาก อีกทั้งเขายังมีฝีมือในเชิงการศึกสงคราม อายุยังน้อย แต่ได้ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ที่ฮ่องเต้ และองค์รัชทายาทไว้วางใจ ข้อมูลเพียงเท่านี้ก็ทำให้สตรีสาวมากมายปรารถนาได้ครอบครองตำแหน่งฮูหยินของเขา อีกทั้งเขายังรักปักใจในตัวสตรีเพียงคนเดียว ชวนให้ซย่าซูเมิ่งนับถือไม่น้อย และหากว่าเขาไม่ให้ทหารมาจับนางเข้าคุก ทรมานนางเพียงเพื่อให้นางยอมหย่ากับเขา ซย่าซูเมิ่งก็คงจะไม่ได้เกลียดเขามากถึงเพียงนี้ กู้จิ่งหยวนเดินมาตรงหน้านาง เขากวาดตามองสตรีที่เขาแต่งงานด้วยมาหนึ่งปีเต็ม หากเทียบกับคนรักของเขาแล้ว ซย่าซูเมิ่งมิได้งดงามน่ามองเลยสักนิด นางชอบก้มหน้าก้มตาอย่างเจียมตัว ทำให้รู้สึกรำคาญ เขาถามหนึ่งคำ นางก็ตอบหนึ่งคำ เหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิตที่เขาจะจับไปตั้งตรงไหนก็ได้ แต่ในวันนี้ นางสวมเสื้อผ้าเก่าคร่ำ เนื้อผ้าฉีกวิ่นเห็นรอยแผลเป็นน่าเกลียด อีกทั้งยังผมเผ้ายุ่งเหยิง ทว่ากลับกล้าเงยหน้าสบสายตาของเขาตรง ๆ แววตาใสกระจ่างของภรรยาที่เขาไม่สนิทสนม ทำให้กู้จิ่งหยวนอดรู้สึกอึดอัดใจไม่ได้ “ข้ามาแล้ว เจ้าลงนามในใบหย่าให้กับข้าได้แล้วกระมัง” ซย่าซูเมิ่งยกยิ้มมุมปาก เขาเห็นสภาพสตรีที่เป็นวัวเป็นม้ารับใช้เขาและครอบครัวมาตลอดหนึ่งปีเต็มเป็นเช่นนี้ กลับไม่แสดงความเวทนาสงสารเลยสักนิด ช่างสมเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้าเสียจริง หากจะหวังให้เขารู้สึกผิดกับนางอยู่บ้าง คงจะเป็นการ...หวังมากไปกระมัง ซย่าซูเมิ่งรับใบหย่ามา ในนั้นระบุชัดเจนว่านางไม่ต้องการอะไรจากจวนแม่ทัพใหญ่ วันที่หย่านั้นคือหนึ่งวันหลังจากมีการประหารตระกูลซย่า นี่อาจจะเป็นไมตรีอย่างคนแซ่กู้อวดอ้างหนักหนาก็เป็นได้ พวกเขาเมตตาให้นางมีชีวิต แม้คนในครอบครัวจะตายหมดแล้ว และการได้รับชีวิตนั้นจะต้องจ่ายด้วยสินเดิมทั้งหมดของนาง ซย่าซูเมิ่งคิดว่าสำหรับคนแซ่กู้มันคือความยุติธรรม นางสมควรจะโขกศีรษะขอบคุณกระมัง กู้จิ่งหยวนมองภรรยาของตนเองทอดตามองใบหย่านั้น เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เจ้าคิดอันใดอยู่ เหตุใดจึงไม่รีบลงนามสักที” “ข้ากำลังคิดว่า หากว่าพวกเราหย่ากันแล้ว มันจะไม่เป็นการดีกับท่านแม่ทัพ ที่ชาวบ้านจะเห็นว่าข้าออกจากจวนแม่ทัพไปโดยไม่มีทรัพย์สินติดตัว” ซย่าซูเมิ่งกล่าวเสียงเบา นางถอนหายใจ “เกิดเรื่องกับตระกูลซย่าเช่นนั้น ตัวข้าย่อมตกเป็นเป้าสายตาไม่น้อย และหากว่าข้าออกจากตระกูลโดยที่มีบาดแผลเต็มตัว ไร้ซึ่งทรัพย์สิน ศัตรูของท่านแม่ทัพในราชสำนัก...คงจะสบโอกาสไม่น้อย” กู้จิ่งหยวนตัวแข็งทื่อ เป็นอย่างที่ฮูหยินของเขาบอก บ้านภรรยาล่มจม เขาก็รีบหย่าภรรยา อีกทั้งยังไม่มอบเงินทองติดตัวให้นางอีก ย่อมไม่พ้นคำครหา และอาจจะถูกศัตรูทั้งในที่ลับและที่แจ้งนำเรื่องนี้ให้ฮ่องเต้ทรงพิจารณาคุณธรรมของเขา แต่นับจากที่ซย่าซูเมิ่งถูกส่งตัวมายังคุกแห่งนี้ มารดาของเขาก็เร่งไปเอากุญแจคลังสมบัติส่วนตัวของนางมาเปิด ทั้งสำรวจ ยึดทรัพย์สิน และใช้จ่ายไปบางส่วนแล้ว เขาไม่อาจจะยึดเงินทองเหล่านั้นกลับมาคืนซย่าซูเมิ่งได้จริง ๆ ดังนั้นเลยได้แต่เขียนกำกับว่านางยินดีหย่ากับเขา โดยยอมยกสินเดิมทั้งหมดให้แก่เขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD