สามีของข้า(4)

1091 Words
กู้จิ่งหยวนถามเสียงเย็น “แล้วเจ้าจะลงนามหย่ากับข้าหรือไม่” น้ำเสียงครานี้มีความคุกคามอยู่หลายส่วน ซย่าซูเมิ่งเงยหน้ามองสามีของนาง เหมือนว่าเขาจะตัดสินใจทำอย่างที่กู้กุ้ยหนิงพูด สังหารนางให้ตาย และบอกใครต่อใครว่านางฆ่าตัวตายตามครอบครัว “ข้าย่อมหย่าให้ท่าน ท่านแม่ทัพ” ซย่าซูเมิ่งกล่าว ก้มมองตัวเอง “แต่ข้าสงสัยว่าท่านจะให้ข้าเดินออกจากจวนแม่ทัพไปในสภาพเช่นนี้กระนั้นหรือ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลจากการทรมาน” ผู้คุมที่นี่ลงมือกับนางไม่เบาเลยสักนิดเดียว บาดแผลปรากฏตรงผิวกายที่จำต้องเปิดเผยแก่สายตาผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นรอยแส้ที่ข้างแก้ม หรือว่ารอยแผลที่ลำคอ สองมือที่เต็มไปด้วยรอยถูกทรมานจากการรัดนิ้ว ผู้ใดมองนาง ก็ต้องทราบว่าเคยถูกจวนแม่ทัพทารุณ “เจ้าต้องการอะไร พูดให้ชัดเจนได้หรือไม่” กู้จิ่งหยวนไม่ชอบวาจาอ้อมค้อมของซย่าซูเมิ่งที่สุด ฮูหยินของเขาตอบ “ให้หมอมารักษาข้าจนหายดีเสียก่อน อย่างน้อยที่สุดจะต้องไม่พบบาดแผลบนร่างกายของข้า ผู้อื่นมองแล้วจะได้ไม่คิดว่าพวกท่านทรมานข้าเพื่อใบหย่านั้น และหลังจากที่ตระกูลซย่าถูกประหาร ข้าจะประกาศด้วยตัวเองว่าเป็นข้าที่ต้องการสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อหันหน้าเข้าหาพระพุทธศาสนา โกนหัวบวชชีเพื่อไถ่ถอนความผิดที่บิดาของข้าทำลงไป” กู้จิ่งหยวนได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที “เป็นวิธีที่ดี” หากเป็นเช่นนี้ก็สามารถรักษาชื่อเสียงดีงามของตระกูลกู้เอาไว้ได้ กู้จิ่งหยวนรู้สึกโล่งใจ ซย่าซูเมิ่งกล่าวว่า “เมื่อท่านแม่ทัพสนับสนุนให้ข้าปลงผมบวชชี เช่นนั้น ขอท่านช่วยสนับสนุนของใช้สำหรับการเข้าวัดปฏิบัติธรรมของข้าด้วย ข้าต้องการชุดขาว พระคัมภีร์ และเครื่องเขียนที่ไม่จำเป็นต้องหรูหรามาก และข้าวของเครื่องใช้อีกเล็กน้อย” “ได้” กู้จิ่งหยวนพยักหน้ารับ “ข้าจะจัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้า” เทียบกับสินเดิมจำนวนนั้น ของแค่นี้นับเป็นอะไร ซย่าซูเมิ่งลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงเบาหวิว “ในเรือนของข้ามีหนังสืออยู่เป็นจำนวนมาก ใส่เอาไว้ในหีบไม้ หากท่านแม่ทัพเมตตา ข้าขอนำมันไปอยู่วัดด้วย จะได้หรือไม่” “ได้สิ” กู้จิ่งหยวนรับปากโดยดี ฮูหยินของเขา ถึงจะไม่มีดีที่รูปโฉม แต่นับว่าเป็นสตรีมีความรู้ นางชอบอ่านหนังสือเป็นที่สุด ตอนแต่งให้เขา ในหมู่สินเดิมยาวนับสิบลี้ มีหีบใส่หนังสือขนาดใหญ่อยู่หนึ่งหีบ มารดาและน้องสาวของเขาไม่ชอบการอ่านหนังสือ จึงนับเป็นสินเดิมเพียงชิ้นเดียวของซย่าซูเมิ่งที่ไม่ถูกใครแตะต้อง ซย่าซูเมิ่งยิ้มบาง นางคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงโขกศีรษะให้บุรุษตรงหน้า กล่าวว่า “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ยอมปล่อยชีวิตข้า” กู้จิ่งหยวนเห็นเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไป ซย่าซูเมิ่งยังคงจรดหน้าผากแนบพื้นอันเย็นเยียบ ดีร้ายอย่างไรนางก็เป็นคนทำหน้าที่จัดการเรือนหลังให้เขามาถึงหนึ่งปีเต็ม ชายหนุ่มจึงทรุดตัวลงไปประคองนางขึ้นมา กล่าวว่า “เจ้าปล่อยวางได้ ก็นับว่าดีแล้ว” ซย่าซูเมิ่งสบตาเขา ก่อนจะแย้มรอยยิ้มให้ กู้จิ่งหยวนไม่ทันตั้งตัว นางก็คว้าดวงหน้าของเขาไปประกบริมฝีปากอย่างอาจหาญเป็นที่สุด กู้จิ่งหยวนตกใจ เร่งผลักร่างของนางออก ซย่าซูเมิ่งล้มลง และมองเขาด้วยแววตาเสียใจอย่างยิ่ง กู้จิ่งหยวนตัวสั่นสะท้านกับสายตา และสัมผัสเช่นนั้น เขาสะบัดแขนเสื้อเดินออกจากห้องขังไป ทหารยามเข้ามาลงล็อกกุญแจห้องขังของซย่าซูเมิ่ง ลับหลังสามี เด็กสาวพลันมีสายตาเย็นชา ซย่าซูเมิ่งกลับมานั่งที่มุมเดิมของห้อง กอดตัวเองเอาไว้อย่างเหม่อลอย หญิงชราที่สลบอยู่ กระซิบถามออกมาเบา ๆ “ได้มาหรือไม่” ซย่าซูเมิ่งลดมือลงข้างกาย หยิบยาขวดเล็กออกมา ดันผ่านลูกกรงไปให้นาง ทันทีที่กู้จิ่งหยวนก้าวเท้าออกมาจากคุกประจำจวนแม่ทัพ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ตรงรี่เข้ามาหาเขา พร้อมถามอย่างตื่นเต้นว่า “นางยอมหย่าแล้วใช่หรือไม่” กู้จิ่งหยวนพยักหน้ารับ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเต็มหน้า หันไปเอ่ยชื่นชมบุตรสาวคนเล็กของตนเองว่า “เพราะหนิงเอ๋อร์วางแผน ทำให้นางยอมจำนนในที่สุด เรื่องนี้เป็นความดีความชอบของเจ้าเชียวนะ!” กู้กุ้ยหนิงยิ้มสาสมใจ บอกว่า “คนรักศักดิ์ศรีอย่างซย่าซูเมิ่ง หากไม่ถูกข่มขู่ว่าจะต้องถูกย่ำยี นางไม่มีทางยอมลงนามในใบหย่าอย่างแน่นอน” กู้จิ่งหยวนมองน้องสาวคนเล็ก ถามว่า “เจ้าคงจะไม่ได้คิดจะทำเช่นนั้นจริง ๆ ใช่หรือไม่” กู้กุ้ยหนิงไม่ตอบ เพียงยิ้มอย่างเป็นปริศนา ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ไม่สนใจน้ำคำบุตรชาย บอกบุตรสาวคนเล็กว่า “ประเดี๋ยวแม่จะยกปิ่นไข่มุกราตรีให้เจ้าเป็นรางวัลนะ” ไข่มุกราตรีที่ซย่าซูเมิ่งนำมาจากตระกูลซย่า ถึงไม่มีค่าควรเมือง แต่ก็นับว่าเป็นของมีราคาหลายพันตำลึง หากสวมปิ่นประดับด้วยไข่มุกที่มีขนาดเท่าไข่นกกระทาจะต้องทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่นางแน่ กู้กุ้ยหนิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบพูด “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่” กู้กุ้ยอิงได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าไม่พอใจ เขย่าแขนมารดาว่า “ท่านแม่ แล้วข้าเล่าเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ไม่ตอบ เพียงยิ้มอ่อนจาง ด้วยลูกสาวคนโตไม่มีความดีความชอบใด กู้กุ้ยอิงเลยหันไปหาพี่ชาย “ท่านพี่ ข้าอยากได้ไข่มุกราตรี” กู้จิ่งหยวนกลับไม่สนใจนาง เพราะเขากำลังคิดได้บางอย่าง ดังนั้นจึงตะปบไปตามร่างกายของตนเอง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า แล้วรีบเดิน หน้าเครียดกลับไปยังคุก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD