สามีของข้า(1)

1334 Words
อิสตรีที่ดี ยามเยาว์เชื่อฟังบิดา ออกเรือนเชื่อฟังสามี แก่ตัวเชื่อฟังบุตรชาย นั่นคือคำพูดที่บิดามารดากรอกหู ‘ซย่าซูเมิ่ง’ มาตั้งแต่เมื่อครั้งนางยังเยาว์ และยังมีคำกล่าวทำนองนี้ให้นางได้ยินอยู่เสมอ อาทิเช่น สตรีแคว้นเฉินเป็นสมบัติของสามี ไม่ว่าตนเองจะมีความรู้ความสามารถอะไร ล้วนต้องใช้มันเพื่อสามีของตนเอง และเพราะถูกปลูกฝังมาเช่นนั้น เมื่อซย่าซูเมิ่งแต่งงานกับ ‘กู้จิ่งหยวน’ ไม่ว่าทรัพย์สิน หรือความสามารถ นางล้วนใช้มันเพื่อสามีของตนเอง คาดหวังไมตรีจิตจากเขา ทว่าน่าเสียดาย กู้จิ่งหยวนผู้นั้น วันแต่งงาน...เขาไม่รักนาง จวบจนวันที่เขาโยนนางเข้าห้องขัง เขาก็ยังคงไม่รักนาง มีอาหารชั้นเลวถูกนำใส่ถ้วยกระเบื้องบิ่น โยนเข้ามาให้ในห้องขัง ประหนึ่งมอบอาหารให้สุนัข คนคุมห้องขังบอกว่า “ฮูหยินน้อย มากินข้าว!” ฮูหยินน้อย ใช่แล้ว นางยังเป็นฮูหยินน้อยของจวนแม่ทัพแห่งนี้ ซย่าซูเมิ่งขยับกายลุกจากมุมห้องขัง เดินมายังชามอาหารของตนเอง แย่งมันมาจากหนูดำตัวใหญ่ที่วิ่งมากินอาหารของนาง ใช้มือสกปรกกอบข้าวต้มเละๆ เข้าปาก ผู้คุมห้องขังหลายคนมองนางแล้วเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน บางคนก็ส่งสายตาเวทนา “ท่านแม่ทัพก็ใจร้ายเกินไปกระมัง อีกประเดี๋ยวตระกูลซย่าก็จะถูกประหารแล้ว เขาน่าจะให้นางกินของดีๆ...” “ถ้าท่านแม่ทัพไม่ใจดี เขาก็คงจะหย่านาง ให้นางกลับบ้านเดิมและถูกประหารพร้อมครอบครัว” เสียงสนทนาดังแว่วมาเข้าหูของซย่าซูเมิ่ง นางพาลกินอาหารไม่ลงจนต้องวางถ้วยลงที่เก่า หนูตัวเดิมที่คอยด้อมๆ มองๆ วิ่งเข้ามาทานอาหารของนางอย่างรวดเร็ว ซย่าซูเมิ่งกลับไปนั่งกอดเข่าในกรงขังที่เหน็บหนาว ตระกูลซย่าเป็นตระกูลของอัครเสนาบดีแห่งแคว้นเฉิน บิดาของนาง...ใต้เท้าซย่าสามารถปิดตะวันได้ด้วยมือเดียว อยู่ใต้คนเพียงหนึ่งคน แต่อยู่เหนือผู้คนอื่นอีกนับหมื่น ดังนั้นตระกูลซย่าจึงเป็นตระกูลที่เรียกลมได้ เรียกฝนได้ ซย่าซูเมิ่งเป็นบุตรสาวคนรองของตระกูลซย่า บิดาของนางเป็นขุนนางอันดับหนึ่ง มารดาของนางมาจากตระกูลนักรบ พี่สาวแท้ๆ ของนางนามว่า ‘ซย่าซูหนี่’ เป็นคู่หมั้นของ ‘องค์รัชทายาทเฉินโม่โฉว’ แห่งแคว้นเฉิน น้องชายของนางมีนามว่า ‘ซย่าซีซวน’ นางยังมีน้องสาวอีกหนึ่งคนที่เกิดจากอนุภรรยาของท่านพ่อ นามว่า ‘ซย่าซูฉี’ ที่มีโฉมงามปานล่มบ้านล่มเมือง และน้องชายจากเมียบ่าวของท่านพ่ออีกหนึ่งคน มีนามว่า ‘ซย่าซีหยาง’ ตระกูลซย่าของนางกำลังต้องโทษประหารชีวิตทั้งตระกูล ข่าวความผิดของตระกูลซย่านั้นประหนึ่งอัสนีบาตรผ่ากลางวันแสกๆ แต่ซย่าซูเมิ่งกลับระแคะระคายก่อนที่จะเกิดเรื่อง อาจจะเป็นเพราะจู่ๆ ก็มีทหารมาคุมตัวนางที่กำลังตรวจบัญชีของจวนตระกูลกู้เข้าไปในห้องขัง ในจวนของแม่ทัพใหญ่ ทำให้นางทั้งงุนงงสงสัย ทั้งร้อนรนและเสียกำลังใจ วันต่อมามีข่าวว่าฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการจำคุกตระกูลซย่าทั้งบนล่าง ในข้อหากบฏของแผ่นดิน ผลการพิจารณาคดีความคือตระกูลซย่าจะถูกประหารในฤดูใบไม้ผลิ ซย่าซูเมิ่งเอ่ยปากขอพบสามีของนาง หวังจะช่วยเหลือคนในครอบครัว ทว่าเขากลับยื่นคำขาดให้นางหย่ากับเขาเสีย ทำให้ซย่าซูเมิ่งนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น อีกสักพักใหญ่ นางจึงสามารถไตร่ตรองได้ กู้จิ่งหยวนทราบอยู่แล้วว่าจะมีการประหารชีวิตตระกูลซย่า ดังนั้นเขาจึงจับนางมาขังเอาไว้เสียก่อน โดยไม่หวาดกลัวว่าตระกูลของนางจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้นางแต่อย่างไร เพราะเขาทราบดีว่าตระกูลซย่าจะถูกจำคุก และประหารชีวิต ตอนที่ซย่าซูเมิ่งอยู่ในห้องขัง มีคนมาหานางมากมาย ทั้งแม่สามีของนางที่กล่าวว่าให้นางลงนามในหนังสือหย่ากับท่านแม่ทัพ โดยเขียนข้อความว่ายินยอมจะจากไปโดยไม่เอาอะไรไปจากตระกูลกู้แม้แต่อย่างเดียว...ไม่เอาอะไร แม้แต่สินเดิมของนาง คนที่สามที่มาหานางก็คือกู้กุ้ยอิง น้องสาวของกู้จิ่งหยวน ที่กล่าววาจาคาดคั้นให้นางหย่ากับพี่ชายของตนเองเสีย กู้จิ่งหยวนจะได้เป็นอิสระ และไปแต่งงานกับคุณหนูจวนเสิ่นกั๋วกง “เจ้าคงจะไม่คิดรั้งพี่ชายของข้าเอาไว้กับตัวนะ เพราะแต่เดิมที ก็เป็นเจ้าที่แย่งความรักของผู้อื่น!” กู้กุ้งอิงกล่าววาจาเช่นนี้ด้วยริมฝีปากสีแดงที่มักเหยียดออกเมื่อเจอพี่สะใภ้อย่างนางเสมอ ซย่าซูเมิ่งหวนคิดไปถึงเรื่องเก่าก่อนของตนเอง ใต้เท้าซย่าต้องการมีอำนาจทางการทหาร แต่เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น การจะสร้างอิทธิพลในค่ายทหารได้ เขาจะต้องเกี่ยวดองกับตระกูลขุนนางฝ่ายบู๋ น่าเสียดายที่แม้ภรรยาของเขาจะมาจากตระกูลแม่ทัพ แต่ว่าท่านตาของซย่าซูเมิ่งนั้นวางมือไปนานแล้ว ฮ่องเต้เองก็ถอนรากถอนโคนขุมอำนาจของแม่ทัพเฒ่าออกจากราชสำนักของตนเองอย่างเด็ดขาด จนแทบเรียกได้ว่า ‘วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ่อน กระต่ายม้วยย่างสุนัข’ [[1]] ดังนั้นการเกี่ยวดองกับตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊ ก็มีแต่จะต้องให้บุตรสาวคนใดคนหนึ่งแต่งงานกับขุนนางฝ่ายบู๊ที่ทรงอำนาจสักคนหนึ่ง ซึ่งซย่าซูหนี่นั้นหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทมาตั้งแต่ยังเยาว์ ไม่อาจจะออกเรือนได้ ส่วนซย่าซูฉีนั้น แม้จะงามล่มบ้านล่มเมือง แต่จวนอัครเสนาบดี ไม่ได้ปฏิบัติกับบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาคนนี้เป็นอย่างดี เกรงว่าหากให้นางแต่งออกไป จะยุยงให้สามีชิงชังคนตระกูลซย่ามากกว่าจะเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ จึงเหลือแต่ซย่าซูเมิ่งที่เกิดจากฮูหยินเอก และมีอุปนิสัยเสียสละเพื่อครอบครัว ที่เหมาะสมจะออกเรือนไปกับขุนนางฝ่ายบู๊ แต่หากให้เปรียบเทียบกันระหว่างบุตรสาวทั้งสามของตระกูลซย่า ซย่าซูเมิ่งนับว่ามีความงามที่ด้อยกว่าพี่น้อง อีกทั้งคนที่ใต้เท้าซย่าหมายมั่นปั้นมืออยากให้มาเป็นเขยก็คือกู้จิ่งหยวน มิได้สนใจในตัวซย่าซูเมิ่งเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะกู้จิ่งหยวนปันใจให้กับคุณหนูของเสิ่นกั๋วกงนาม ‘เสิ่นโหรว’ อยู่ก่อนแล้ว เขาจึงปฏิเสธที่จะแต่งงานกับซย่าซูเมิ่ง ฮ่องเต้ไม่มีทางพระราชทานงานมงคลสมรสที่จะเป็นตัวเพิ่มฐานอำนาจของตระกูลซย่า ใต้เท้าซย่าจึงได้วางแผน ให้กู้จิ่งหยวนเข้าไปในห้องนอนของซย่าซูเมิ่ง และพาแขกทั้งหลายไปพบเขา โดยที่แผนการนี้ ซย่าซูเมิ่งก็มิได้รู้เห็นด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่นางต้องรับรองความเกลียดชังของคนตระกูลกู้ ที่หาว่านางจับกู้จิ่งหยวนด้วยมารยา กู้จิ่งหยวนคิดเสมอว่านางร่วมมือวางแผนกับบิดา เขาจึงไม่แตะต้องนางตลอดเวลาหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกัน ตัวซย่าซูเมิ่งนั้น ต่อให้ปฏิบัติกับครอบครัวของสามีเป็นอย่างดีสักเท่าไร ก็มักจะถูกถากถางเรื่องในครั้งนั้นอยู่เสมอ ผู้อื่นก็ตราหน้าว่านางพรากคู่รักยวนยางให้ห่างจากกัน วันนี้ ในห้องขังอันเหน็บหนาว ซย่าซูเมิ่งตัดสินใจทำตัวแข็งกร้าวสักครั้งในชีวิต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD