บนเขาสูงที่ล้อมรอบด้วยทุ่งชาเขียวขจี ในยามเช้าที่แสงแรกของพระอาทิตย์กำลังเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าผ่านหมอกบาง ๆ ทัศมองไปยังวิวทิวทัศน์ด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับมามองดอกบัวขาวที่เขากำลังพับกลีบดอกบัวทีละกลีบอย่างประณีต
ทว่าในขณะนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมกับในเวลาเดียวนั้นเองที่พ่อเลี้ยงปัฐทวีได้เดินออกมาสูดอากาศในยามเช้าแล้วได้ยินเสียงโทรศัพท์นั่นพอดีจึงได้ยืนฟังอยู่ห่าง ๆ
เมื่อทัศเห็นว่ารายชื่อที่แสดงผลเป็นชื่อพ่อของตน เขาเบิกตากว้างด้วยความดีใจ หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นปนไม่อยากเชื่อ นิ้วเรียวสั่นเล็กน้อยขณะกดรับสายด้วยความลนลาน แววตาทั้งเปล่งประกาย ทั้งร้อนผ่าวไปด้วยความรู้สึกที่ตีขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “คุณพ่อ!”
(เป็นยังไงบ้างลูก ไม่เห็นติดต่อมานานสบายดีไหม?)
“สบายดีมากครับคุณพ่อ ที่ทัศไม่ได้ติดต่อคุณพ่อไป เพราะบนนี้มันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่” เขาโกหกออกไป
(ไม่เป็นไรลูก...แล้วคุณปัฐเขาได้ทำอะไรลูกหรือเปล่า?)
ได้ยินคำถามของผู้เป็นพ่อก็ทำเอาทัศแทบสะอึกในอก เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะตอบออกไป “ดีสิครับคุณพ่อ คุณปัฐเขาปฏิบัติต่อทัศดีมาก เขาไม่เคยทำให้ทัศต้องลำบากเลยสักนิด”
“แน่ใจนะทัศ? ทัศไม่ได้กำลังโกหกพ่อใช่ไหม?”
“ทัศจะโกหกคุณพ่อไปเพื่ออะไรครับ?”
ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ราวกับกำลังใช้ความคิด อย่างนั้นทัศจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “คุณพ่อมีเงินพอใช้ไหมครับ?”
(ทัศไม่ต้องห่วงพ่อหรอก ลูกเก็บเงินเอาไว้ใช้เถอะ)
“อยู่ที่นี่ทัศอยู่ดีกินดีมากครับ คุณปัฐให้เงินทัศเอาไว้ใช้เยอะมากเลย ทัศก็อยากแบ่งให้คุณพ่อใช้บ้าง”
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่เขาได้เข้ามาอยู่ในบ้านโสวราการณ์ เขาไม่เคยใช้เงินที่ปัฐทวีให้เลยแม้แต่แดงเดียว เขาเก็บมันไว้ทุกบาททุกสตางค์ เพื่อเอาไว้ส่งให้พ่อผู้มีพระคุณของเขาเอาไว้รักษาตัว
“ทัศจะโอนไปให้คุณพ่อสักหมื่นเจ็ดก่อนนะครับ เดี๋ยวเอาไว้เดือนหน้าทัศจะโอนไปให้อีก”
(พ่อไม่เอาหรอกลูก พ่อเกรงใจ)
“ถ้าคุณพ่อไม่รับ ทัศจะเสียใจมากนะครับ” ทัศรีบพูดตัดบท ก่อนจะแสร้งทำเป็นว่าพ่อเลี้ยงปัฐทวีได้เรียกตนไปทานข้าว “สักครู่นะครับคุณปัฐ เดี๋ยวผมตามไปครับ”
“คุณพ่อครับทัศต้องไปแล้วนะครับ พอดีคุณปัฐเขาเรียกผมไปทานข้าว คุณพ่อก็รักษาสุขภาพให้ดีนะครับ” ทัศกล่าวจบก็กดตัดสายทันที ก่อนจะนำโทรศัพท์เข้ามากอดเอาไว้ในอก
“ขอโทษนะครับคุณพ่อ ที่ทัศต้องโกหกคุณพ่อไปแบบนั้น”
ทุกคำพูด... ทุกการโกหก... ล้วนแล่นเข้าสู่โสตประสาทของปัฐทวีอย่างชัดเจน ทำไมกัน...ทำไมทัศต้องโกหกแบบนั้นด้วย ทำไมไม่บอกความจริงกับครอบครัวของตนเองไปเลยว่าเขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง
ปัฐทวียืนนิ่งคิดถึงการกระทำของตัวเองในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มันเหมือนกับว่าเขากำลังมัดมือมัดเท้าของทัศด้วยบ่วงที่เขาสร้างขึ้น จนทำให้ทัศต้องทนทุกข์
หรือว่าเขาจะคิดผิด? คิดผิดที่คิดว่าทัศจะเป็นคนประเภทเดียวกันกับเกริก แล้วเงินเพียงน้อยนิดที่เขาให้กับทัศในทุก ๆ เดือน ทัศไม่เคยได้ใช้มันเลยอย่างนั้นเหรอ?
“นายเป็นคนยังไงกันแน่? ฉันจะเชื่อใจนายได้จริง ๆ ใช่ไหมทัศ?” ปัฐทวีขบกรามแน่นเมื่อความคิดนั้นแล่นผ่านเข้ามาในหัวแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปด้วยความรู้สึกผิดและสับสน
☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆
ร่างสูงเดินยกสำหรับอาหารมายังโต๊ะไม้ที่มีเจ้าของบ้านนั่งรออยู่ ดวงตาคมจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังวางสำหรับอาหารลงอย่างไม่วางตา ราวกับอยากจะหาคำตอบในดวงหน้านั้น
“วันนี้นายแม่ไปหาเพื่อนนะครับ บอกว่าจะกลับเย็น ๆ ” ทัศรายงานออกไป ก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนตัวเพื่อกลับไปยังครัว
“เดี๋ยว! จะไปไหน?”
เสียงของปัฐทวีทำให้ทัศต้องหยุดฝีเท้าไปในทันที เขาหันไปมองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “ทำงานครับ คุณปัฐทวีมีอะไรจะให้ผมรับใช้อีกเหรอครับ?”
“ก่อนทำงานก็ต้องกินข้าวก่อนสิ”
“ครับ เดี๋ยวผมเข้าไปกินในครัวกับคนอื่น ๆ ”
ได้ยินอย่างนั้นพ่อเลี้ยงก็ตวัดสายตาไปมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ “นายกินข้าวร่วมโต๊ะกับฉันมาตั้งหลายวัน แล้ววันนี้คิดยังไงถึงได้จะเข้าไปกินในครัว”
“ก็ตอนนี้ไม่มีนายแม่อยู่นิครับ ผมก็ไม่จำเป็นต้องเล่นละครอะไรอีกแล้ว”
“ฉันยังไม่ได้สั่งให้นายกลับไปทำเหมือนเดิม ไปตักข้าวมากินกับฉันเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันต้องรอนาน” ปัฐทวีสั่งเสียงเข้ม
ทัศลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบรับคำสั่งของคนเผด็จการ “ครับพ่อเลี้ยงปัฐทวี”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงช้อนที่กระทบกับจานเท่านั้นที่ดังเป็นเพื่อน เนื่องจากทั้งคู่ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ สายตาที่จ้องมองกันไปมาก็ชวนทำให้โต๊ะอาหารนี้อึดอัดมากขึ้นไปอีก
“ทัศ...”
“พ่อเลี้ยง...”
ทั้งคู่เอ่ยออกมาพร้อมกัน ราวกับอยากจะพูดอะไร เสียงเรียกนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบอีกครั้ง ก่อนที่ปัฐทวีจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมาก่อน
“นายพูดมาก่อน”
“ครับ ตอนนี้เหลือแค่ไม่กี่เดือนเราก็จะได้หย่ากันแล้ว ผมอยากจะขอร้องพ่อเลี้ยงอะไรสักอย่างได้ไหมครับ?”
...หย่า? นี่นายอยากหย่ากับฉันถึงขนาดนั้นเลยเหรอทัศ
“ว่ามา...”
“ผมอยากจะได้บ้านหลังเล็ก ๆ สักหลังที่นี่เอาไว้อยู่กับพ่อของผม ถ้าผมได้งานทำเมื่อไหร่ ผมจะคืนให้คุณทุกบาททุกสตางค์เลย จะทำสัญญากันเลยก็ได้” ทัศจำใจต้องเอ่ยขอร้องอีกฝ่าย ทั้งที่เกลียดและทั้ง ๆ ที่เขาเองก็รู้ว่าคนอย่างพ่อเลี้ยงปัฐทวีไม่เคยเมตตาเขาในฐานะคนเลยสักนิด
และที่เขาต้องการบ้านหลังใหม่ที่นี่ เพราะเขาอยากจะพาพ่อของเขามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยที่ไม่ต้องทนให้ผู้เป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวได้บงการชีวิตพ่อกับเขาไปตลอด แล้วครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำตามที่แม่เลี้ยงของตนสั่ง
“แล้วบ้านหลังใหญ่ของนายที่กรุงเทพล่ะ?” พ่อเลี้ยงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มันเป็นปัญหาในครอบครัวของผม ผมไม่อยากแพร่งพรายให้คนอื่นได้ยินมาก”
“นายมองฉันเป็นคนนอกงั้นเหรอ? ทั้ง ๆ ที่เราแต่งงานกันแล้วเนี่ยนะ”
“มันเป็นความต้องการคุณไม่ใช่เหรอครับ” ทัศตอบกลับไปทันที ด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เย็นชาจนน่าใจหาย
พ่อเลี้ยงปัฐทวีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พร้อมกับดวงตาที่มองไปยังคู่สมรสของด้วยความเจ็บปวด “ทำไมไม่เอาเพรชที่ฉันให้ไปขายล่ะ นั่นมันก็พอให้นายซื้อบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมืองได้เลยนะ”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่รับ ผมไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่เงินอีก”
“นายนี่มัน! ดื้อจริง ๆ ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ” ปัฐทวีเอ่ยออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเริ่มสงบสติอารมณ์ตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลองเก็บเอาไปคิดดูก่อน ได้หรือไม่ได้ฉันก็ไม่รู้นะ”
“ไม่เป็นไรครับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมไปหาที่อื่นก็ได้”
“ฉันยังไม่บอกเลยว่าได้หรือไม่ได้ จะรีบร้อนไปไหน”
“ผมรู้นะว่าคุณกำลังถ่วงเวลาเพื่อแกล้งผม คุณไม่อยากให้ผมสมหวังในอะไรทั้งสิ้นใช่ไหมล่ะ!”
“หยุดเพ้อเจ้อสักทีทัศ! นายเห็นฉันเป็นคนยังไงกัน!”
“พูดได้เหรอด้วยครับ” ทัศสวนขึ้นด้วยความแข็งกร้าว
“ก็ได้ฉันให้นายก็ได้ ฉันให้ได้แม้กระทั่งบ้านใหญ่ใจกลางเมือง ถ้านาย... จะอยู่ที่นี่กับฉันต่อ แล้วเริ่มต้นใหม่ไปด้วยกัน”
“อันนี้คือความต้องการของนายแม่หรือคุณครับ?”
“ก็ของฉ่ะ!...แม่ฉัน ใช่! แม่ฉันต้องการให้เราเริ่มเรียนรู้กันใหม่ แล้วก็ให้ฉันปฏิบัติต่อนายในฐานะนายใหญ่และคู่ชีวิต”
“คุณเป็นเจ้าของไร่ชา โตมากับไร่ชา คุณก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอครับว่า ถ้าปล่อยให้ใบชาอ่อนแตกใบแก่ นั่นก็แปลว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะเก็บเกี่ยว ผมก็เหมือนกับใบชาพวกนั่นแหละ ที่ไม่สามารถเริ่มต้นใหม่กับคุณได้แล้ว”
มือหนาเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายแน่น ก่อนจะเอ่ย “แต่ฉันจะไม่มีวันหย่ากับนายเด็ดขาด”
“เพราะอะไรครับ ก็ในเมื่อเราไม่ได้รักกันแล้วเราจะฝืนทนกันไปเพื่ออะไรครับ หรือเป็นเพราะนายแม่ของคุณ?”
“ไม่ใช่!!! แต่มันเป็นเพราะฉันที่...”
“ไอ้ปัฐ!!! กูพาสารวัตรมาปรึกษาเรื่อง” อัคราที่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับนายตำรวจหนุ่มต้องหยุดชะงักทันที เมื่อเห็นว่าปัฐทวีกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ดูโกรธเอาเรื่อง “กูเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าวะ?”
“เปล่าครับ เชิญพ่อเลี้ยงตามสบายนะครับ ผมมีงานต้องทำ” ว่าแล้วทัศก็เดินจากไปในทันที ท่ามกลางสายตาของทั้งสามที่จ้องมองมาที่เขา
“ทัศ!!!” แต่ไม่ทันที่ทัศจะได้เดินออกไปพ้นประตูห้องกินข้าว เสียงของดอนก็ดังขึ้นทำให้ทัศต้องหยุดฟังโดยไม่ได้หันหน้ากลับมา “สบายดีไหม?”
ทัศยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไป “สบายดีครับ สบายดีมาก ๆ เลย”