“เป็นยังไงบ้าง?” พ่อเลี้ยงเอ่ยถามป้าแม่บ้านที่กำลังพัดวีให้ทัศที่หมดสติด้วยท่าทีที่ร้อนรน
“ท่าจะไข้กับเป็นลมแดดเจ้า เมื่อเจ้าเปิ้นยังบ่าได้กิ๋นข้าวกิ๋นปลาเลย”
“แล้วทำไมยังไม่กิน?”
“บ่าฮู้เจ้า ป้าหันเปิ้นฮ้องไห้ ท่าจะเกี้ยดจนบ่าได้กิ๋นข้าว” ป้ามาลาเอ่ยตอบออกมาตามที่เห็น เพราะตั้งแต่ที่ทัศออกมาจากห้องของพ่อเลี้ยงปัฐก็ดูนิ่งและไม่ค่อยพูดอีกทั้งยังแอบไปร้องไห้คนเดียวในห้องน้ำ
“งั้นก็...”
“พี่ดอน...พี่ดอนครับ ทัศขอโทษ” คนที่นอนซมอยู่บนเตียง ร่างกายร้อนผ่าวจากพิษไข้เผลอพึมพำชื่อคนรักออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ทัศ...ขอโทษ”
“ไอ้ดอนงั้นเหรอ” ปัฐทวีที่ได้ยินชื่อนั้นก็รู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า “เอาน้ำมา!!!”
“เอามายะหยังเจ้าป้อเลี้ยง?” ป้ามาลาเอ่ยถามก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นความโกรธที่ฉายชัดอยู่ในแววตาผู้เป็นนาย “ป้อเลี้ยงจะหื้อเอามาเช็ดตัวให้เปิ้นแม่นก่อเจ้า?”
“เปล่า แต่ฉันจะเอามาสาดแก้โรคสำออยยังไงล่ะ!”
“แต่ป้าว่าเปิ้นบ่าได้สำออยเน้อเจ้า ท่าจะไข้แต๊ ๆ ”
“ฉันบอกให้เอาน้ำมา สั่งไม่ได้ยินหรือยังไง!” เสียงคำสั่งที่ดังสนั่นทำให้เหล่าแม่บ้านและคนงานต่างพากันสะดุ้งโหยง
และในวินาทีเดียวกันนั้นเองที่ปัฐทวีหันไปเห็นถังน้ำถูพื้นที่ตั้งอยู่นอกห้อง ร่างแกร่งไม่ลังเลที่จะเดินไปยกมันเข้ามาแล้วสาดไปที่ร่างของคนนอนซมอยู่บนเตียง
“ว๊ายยยย!!!”
เสียงกรีดร้องโวยวายของแม่บ้านสาวน้อยใหญ่ดังขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่พ่อเลี้ยงอัคราเดินเข้ามาในห้องพร้อมหมอพอดี และได้เห็นภาพที่ปัฐทวียืนถือถังน้ำ ซึ่งน้ำในถังนั้นมันกระจายเต็มเตียงที่ทัศนอนอยู่
“ไอ้ปัฐมึงทำห่าอะไรของมึงวะเนี่ย!!!”
“แก้โรคสำออยไง!!!”
“แล้วมึงคิดว่าเขาจะสำออยไปเพื่ออะไร!”
“เพราะขี้เกียจทำงานไง เลยใช้วิธีนี้เพื่อที่จะอู้งาน กูรู้ทันเล่ห์กลของคนประเภทนี้ดี”
“กูไม่คิดเลยนะว่าโรคเกลียดคนกรุงโดยเฉพาะพวกผู้ดีของมึง มันจะทำให้ต่อมมนุษย์ธรรมของมึงมันฝ่อจนไม่เหลือความเป็นคนได้ถึงขนาดนี้!” อัคราชี้หน้าด่าเพื่อนสนิทของตน ก่อนจะรีบเข้าไปอุ้มทัศขึ้นมาจากเตียงที่เปียกไปด้วยน้ำ
“ถ้าทัศเป็นอะไรไปกูฆ่ามึงแน่ไอ้ปัฐ” เขาหันไปประกาศกร้าวต่อหน้าเพื่อนสนิท ก่อนจะหันกลับไปหาหมอที่กำลังเดินตามตนเองมาอยู่ “คุณหมอเชิญมาที่ไร่ของผมดีกว่าครับ”
“เห๊ยไอ้อัค มึงไม่มีสิทธิ์มาเอาคนของกูไปไหนนะเว๊ย”
อัคราไม่สนคำของเพื่อนเพียงแค่หันไปมองด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ก่อนจะเดินออกไปจากไร่โสวราการณ์ทันที
“คุณหมอครับ น้องเขาเป็นอะไรไปครับ?” พ่อเลี้ยงอัคราถามเสียงสั่นเครือด้วยความวิตกกังวล ขณะจ้องมองไปที่ทัศซึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว
“คนไข้น่าจะพักผ่อนน้อยและโหมงานหนักจนเป็นไข้ อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นโรคโลหิตจางด้วย ทางที่ดีควรพาคนไข้ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเพื่อความแน่ใจอีกทีนะครับ”
“ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณหมอ ไว้ผมจะพาน้องไปตรวจอีกทีนะครับ” พ่อเลี้ยงอัครายกมือไหว้คุณหมออย่างสุภาพ พร้อมกล่าวขอบคุณ
“งั้นหมอขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ครับ เดี๋ยวผมให้คนงานลงไปส่งนะครับ”
เมื่อหมอได้เดินออกจากห้องไปแล้วร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ยกมือหนาขึ้นทาบไปที่หน้าผากของทัศที่นอนอยู่ ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความร้อนจากผิวหนังที่ร้อนจัด ความวิตกกังวลก็ยิ่งทวีคูณขึ้นในใจ เขาหลับตาลงและถอนหายใจอย่างยาวเหยียด
“ไอ้ปัฐนะไอ้ปัฐ ทำไมมึงถึงได้ทำแบบนี้กับคนคนหนึ่งได้ลงคอวะ กูแม่งไม่เข้าใจมึงเลยจริง ๆ ” เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปสั่งแม่บ้านที่อยู่ในบ้าน “มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง!!! เอาน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้คุณทัศหน่อยเร็ว”
หลังจากที่เช็ดตัวทัศไปได้ไม่นานนัก ปัฐทวีก็มาที่บ้านของอัคราทันทีด้วยท่าทีที่ร้อนรนและกระวนกระวายชัดเจนในแววตา แต่ก่อนที่ปัฐทวีจะได้ก้าวเข้ามาในห้องที่ทัศนอนอยู่ อัคราก็เดินไปผลักไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาได้
“มึงออกไปเลยนะไอ้ปัฐ!!!”
“กูแค่จะมาดูว่าเขาตายไปหรือยัง...ไม่ได้เหรอวะ?”
คำพูดที่ดูไม่สะทกสะท้านทำให้ความโกรธของพ่อเลี้ยงอัครายิ่งทวีขึ้น เขากัดฟันกรอดและยืนขวางไม่ยอมให้ปัฐทวีเข้ามาใกล้ทัศอีกแม้แต่น้อย “งั้นมึงก็ออกจากบ้านกูไป”
“กูมารับคนของกูคืน มึงต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์กักขังเขาเอาไว้ในบ้านของมึง”
“กูก็เพิ่งรู้นะว่ามึงใส่ใจคนงานคนหนึ่งมากขนาดนี้ เหมือนกับว่าทัศไม่ได้มีสถานะเป็นแค่คนงานอย่างนั้นแหละ”
“สำหรับกู...ผู้ชายคนนี้ก็เป็นได้ขี้ข้าในบ้านกูเท่านั้น”
พ่อเลี้ยงอัครามองเพื่อนสนิทของตนด้วยความไม่เข้าใจ “มึงเกลียดอะไรน้องมันนักหนาวะปัฐ กูแม่งไม่เข้าใจมึงเลย”
“ก็ไม่ต้องเข้าใจดิ” ปัฐทวีว่าพร้อมผลักให้อีกฝ่ายออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะเข้าไปดูทัศที่ยังคงนอนสลบไสลอยู่บนเตียง “ยังไม่ฟื้นอีกเหรอ คิดจะนอนเป็นเจ้าชายนิทราเลยหรือยังไง”
“น้องทัศมีไข้ขึ้นสูงเพราะทำงานหนัก แล้วก็เลือดจาง”
“เลือดจางเหรอวะ?”
“เออ แต่หมอเขาให้เข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกทีนะ เพื่อความแน่ใจ” ว่าแล้วอัคราก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “กูไม่รู้หรอกนะเว๊ยว่ามึงมีปัญหาอะไรกับน้องทัศ แต่กูอยากให้มึงมองน้องมันเป็นคนคนหนึ่งเหมือนกับที่มึงมองมนุษย์โลกทั่วไปบ้าง มึงอย่าใจร้ายใจดำกับน้องมันมากนักเลย”
“แต่คนประเภทนี้มันไม่เหมาะให้กูทำดีด้วยหรอก”
“ป้ามาลาหื้อเปิ้นเอาเสื้อมาหื้ออ้ายเจ้า” แสงเดือนพูดพลางยื่นชุดสีแดงสดที่ดูเหมือนชุดของเธอเองให้กับทัศที่ยังไม่หายจากอาการไข้
“ขอบใจมากนะแสงเดือน” ทัศกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนที่มือเรียวจะยกขึ้นรับชุดจากมือเด็กสาว
“ยะหยังป้อเลี้ยงหื้ออ้ายใส่ชุดจ๊ะอี้เจ้า ตั้งตี้อ้ายแต่งงานเข้ามาตี้นี่แต้ ๆ เป็นหยังอ้ายบ่าได้ใส่ชุดนายใหญ่เหมือนอ้ายเกริกเปิ้น น้องบ่าเข้าใจ๋จริง ๆ ” แสงเดือนมองทัศด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่จะบ่นพึมพำเบา ๆ แม้เสียงมันจะไม่ดังมากนักแต่มันก็พอทำให้ทัศได้ยิน
“พี่บอกแล้วไง...ว่าพี่เป็นแค่คนใช้ ไม่ใช่นายใหญ่ของบ้านหลังนี้ มีสถานะเท่ากับแสงเดือนและคนอื่น ๆ เลย”
“น้องบ่าเข้าใจ๋ อ้ายแต่งงานเข้ามาตี้นี่อ้ายก๋าต้องเป็นนายใหญ่ บ่าแม่นคนใช้จ๊ะอี้”
“บางอย่างมันก็มีเหตุผลของมันนะแสงเดือน ที่พี่อยู่ในสถานะแบบนี้เพราะพี่ยินยอมรับมันมาตั้งแต่แรก มันโทษใครไม่ได้หรอก”
“เจ้า...น้องจะพยายามเข้าใจ๋ น้องไปจ๋วยข้างนอกยะก๋านก่อนเน้อ” ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปในครัวพลางเกาหัวแกรก ๆ
ในยามสายของวัน เหล่าแม่บ้านและพ่อบ้านร่วมถึงคนงานจำนวน 10 คน ต่างออกมายืนเรียงเป็นระเบียบอยู่บริเวณหน้าบ้านตามคำสั่งของพ่อเลี้ยงปัฐทวี ต่างคนต่างพูดคุยกันเป็นภาษาถิ่นอย่างสนุกสนาน จนอดไม่ได้ที่ทัศจะเผลอยิ้มไปด้วยแม้จะฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม
เมื่อพ่อเลี้ยงออกมาทุกคนก็ต่างพากันยืนนิ่งเป็นระเบียบ สายตาคมดุของพ่อเลี้ยงปัฐทวีปรายตามามองทัศเล็กน้อย ราวกับจะตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนที่เขาจะหันหลังและเดินนำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้พูดอะไร
ทั้งหมดเดินตามพ่อเลี้ยงปัฐทวีไปจนถึงบริเวณที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของลูกสาวคนเดียวของพ่อเลี้ยงอมรที่จัดขึ้นที่ไร่ปราณอังศา
บรรยากาศรอบ ๆ ดูคึกคักเต็มไปด้วยสีสันและเสียงหัวเราะ ผู้คนในงานต่างสวมชุดที่ดูหรูและสวยงามทั้งผู้หญิงและผู้ชาย บ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของผู้คนในงานได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวเจ้าของวันเกิดในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ ยิ้มอย่างมีความสุขอยู่กลางงาน เธอเดินไปทักทายแขกที่มาร่วมงานด้วยท่าทางที่เป็นกันเองและรอยยิ้มที่สดใสก่อนที่ดวงตาสวยนั้นจะมองมาทางพ่อเลี้ยงปัฐทวี
ร่างสูงของพ่อเลี้ยงปัฐทวีที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนทำให้ทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบตัวเป็นเพียงธาตุอากาศ สองขาบนรองเท้าแก้วเดินมาหาพ่อเลี้ยงด้วยท่าทางที่ดูสง่าและงดงาม
“พี่ปัฐมาแล้วเหรอคะ มาไวกว่าที่เอื้องคิดไว้ซะอีก” สองแขนเรียวถือวิสาสะโอบรัดแขนแกร่งต่อหน้าผู้คนโดยที่ปัฐทวีไม่ได้ขัดขืนอะไร
“ครับ”
ทัศมองไปยังทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยท่าทางที่สนิทสนมจากทางด้านหลัง ซึ่งรอยยิ้มและการปฏิบัตินั้นทัศไม่เคยที่จะได้รับมันสักครั้งจากชายที่ชื่อปัฐทวี
แล้วยิ่งในเวลาที่เขาป่วยเจียนจะตายอยู่รอมร่อ ปัฐทวีก็ยังคงใช้เขาทำงานหนักเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน หรือการทำงานต่าง ๆ ที่ต้องใช้แรงกายมากมาย และเขาก็เลือกที่จะทำตามคำสั่งนั้นโดยที่ไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ โดยที่ทัศเองก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังทนอยู่กับตัวอะไรกันแน่