บทที่1/1วิวาห์ชั่วคืน

2642 Words
พ่อเลี้ยงปัฐทวีหรือเจ้าของไร่โสวราการณ์ ถือเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดเชียงใหม่และร่ำรวยติดอันดับของประเทศไทย โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายชาเมี่ยงหรือชาอัสสัม ทั้งแบบยอดสดและแปรรูปส่งออกต่างประเทศ ปัฐทวีขี่ม้าเคลื่อนตัวผ่านไร่ชาอันกว้างใหญ่ ดวงอาทิตย์ยามบ่ายสาดแสงทองอ่อน ๆ ลงมา ทำให้ใบชาทุกใบสะท้อนประกายระยิบระยับเหมือนเพชรที่อยู่ท่ามกลางความเขียวขจีของทุ่งชา ในทุก ๆ วันเขามักจะหนีออกมาขี่ม้าอยู่ไร่ชาแบบนี้ เพื่อหลีกหนีบรรดาตระกูลน้อยใหญ่ที่มาขอความช่วยเหลือจากเขา รวมถึงพวกที่เอาลูกสาวมาเสนอขายถึงที่ “ไอ้ยอด แกช่วยเข้าไปที่บ้านให้ฉันที ไปบอกให้ไอ้พวกผู้ดีตีนแดงมันไสหัวกลับไปซะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจมาจับให้หมด” “ครับป้อเลี้ยง ผมจะฟั่งไปตอนนี้เลย” ว่าแล้วหัวหน้าคนงานก็รีบขับรถซาเล้งไปที่บ้านใหญ่ทันที “ไอ้คนพวกนี้มันหน้าเงินกันจริง ๆ คิดเหรอว่าฉันจะโง่ให้พวกแกมาสูบเลือดสูบเนื้อฉันได้” “ป้อเลี้ยง!!! เกิดเรื่องใหญ่ละป้อเลี้ยง!” หัวหน้าคนงานอีกคนวิ่งตาลีตาเหลือกมาหาปัฐทวี “มีอะไรไอ้ชิ?” “มี...มีจาวชาวบ้านสะพายกระบุงเข้ามาในเขตบริเวณไฮ่ครับ ตอนนี้หมู่มันกำลังข้ามลำห้วยไปแล้วครับป้อเลี้ยง” หัวหน้าคนงานรีบรายงานเสียงแหบแห้ง “งั้นก็ไปหาคนมาแล้วเอาคนไปล้อมจับ ส่วนฉันจะนำไปก่อน” เมื่อสั่งการเสร็จพ่อเลี้ยงก็ควบม้าไปยังลำธารที่ว่าทันที ปัฐทวีควบม้าตรงไปตามทางคับแคบที่ลัดเลาะไปตามแนวต้นไม้สูงใหญ่ เสียงเหล็กเกือกม้าเคลื่อนที่กระทบกับพื้นดินกังวานไปในความเงียบของป่า ปัฐทวีหยุดม้าท่ามกลางเสียงสิงสาราสัตว์และเสียงสายน้ำของลำธารที่ไหล ซึ่งตรงนั้นมีรอยเท้าหลายคู่เดินทางตรงไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นที่ตั้งของไร่ปราณอังศา “ไปไร่ของไอ้พ่อเลี้ยงอมรสินะ ไอ้สาระชั่วเอ๊ย!!!” พ่อเลี้ยงสบถออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บใจ ที่ไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานสักแค่ไหน พวกมันก็ยังคงชั่วซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ไม่มีใครจัดการพวกมันได้แม้กระทั่งพวกตำรวจ “ป้อเลี้ยงครับ หมู่คนงานมากันแล้วครับ” “พาคนงานครึ่งหนึ่งอ้อมไปดักอีกฝั่ง ที่เหลือตามฉันมา” ปัฐทวีออกคำสั่งหนักแน่น ก่อนจะวาดขาลงจากหลังม้า “ระวังตัวกันให้ดี...บางทีพวกมันอาจจะมีอาวุธ” “ครับป้อเลี้ยง” ทั้งหมดเดินตามรอยเท้าของชาวบ้านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพ่อเลี้ยงปัฐทวีและคนงานได้ยินเสียงเจ้าของรอยเท้ากำลังพูดคุยกันเป็นภาษาถิ่น ซึ่งเป็นภาษาที่พ่อเลี้ยงฟังไม่ค่อยออก ทันใดนั้นเอง พ่อเลี้ยงก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ คนงานคนหนึ่งจากอีกกลุ่มย่องเข้าไปจากข้างหลัง ขณะที่เขาเองก็เคลื่อนไหวออกจากจุดที่ซ่อนตัว จนกระทั่งกลุ่มชาวบ้านที่สะพายกระบุงอยู่ในระยะใกล้มากพอที่จะจับตัวได้ “หยุด!” เสียงของพ่อเลี้ยงปัฐทวีดังขึ้นอย่างแข็งกร้าว และทันทีที่คำสั่งเปล่งออกมาชาวบ้านที่สะพายกระบุงใบใหญ่ก็สะดุ้งเฮือก แล้วหันมามองเห็นพ่อเลี้ยงที่กำลังยืนเล็งปืนอยู่ในระยะห่างเพียงไม่กี่ก้าว พร้อมกับลูกน้องอีกหลายสิบคนที่มีอาวุธครบมือ “ถอดกระบุงออก แล้ววางลงบนพื้น!!!” ชาวบ้านกลุ่มนั้นวางกระบุงลงบนพื้นอย่างว่าง่าย แล้วทันทีที่กระบุงสัมผัสกับพื้นดินชาวบ้านก็ยกมือขึ้นเหนือหัวอย่างไม่มีทางเลือก ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่พ่อเลี้ยงปัฐทวีด้วยความหวาดกลัว “ค้น!!!” “ครับป้อเลี้ยง” อาชิหัวหน้าคนงานของพ่อเลี้ยงรีบเข้าไปค้นกระบุงที่เต็มไปด้วยใบชา แล้วก็พบถุงพลาสติกสีขาวบาง ๆ ถูกซุกซ่อนอยู่ใต้ใบชา ซึ่งถุงนั้นมันบรรจุก้อนยางสีน้ำตาลแข็งที่เห็นได้ชัดว่าเป็นฝ**นดิบ “ป้อเลี้ยงครับ หมู่มันขนฝ**นมา” “เอาไปกำจัดให้หมด แต่ห้ามแจ้งตำรวจ” ว่าแล้วพ่อเลี้ยงก็หันมายังชาวบ้าน “ส่วนพวกมึงถ้าไม่อยากตาย...ก็ตามกูมา!!!” ☆*: .。.o*✿*o.。. :*☆ “คุณพ่อครับ พ่อเลี้ยงปัฐทวีเขาเป็นคนแบบที่คนอื่นเขาว่าจริง ๆ เหรอ?” ทัศเอ่ยถามผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล “แล้วถ้าวัลต้องไปอยู่ที่ไร่นั้นมันจะเป็นยังไง?” “พ่อก็ไม่รู้ แต่พ่อได้ยินเขาลือ ๆ กันมาว่าเป็นแบบนั้น” “ทำไมแม่ต้องไปยืมเงินกับคนแบบนั้นด้วย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า...ถ้าไม่มีเงินจ่าย ผลที่ตามมามันจะเป็นยังไง” “ก็เงินจำนวนเยอะขนาดนั้น แม้แต่ธนาคารก็ยังไม่ปล่อยกู้ และคนที่ให้แม่กู้มันไม่ใช่พ่อเลี้ยงปัฐทวีแต่เป็นแม่ของพ่อเลี้ยง เพราะสัญญาระหว่างครอบครัว ที่ว่าถ้าครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเกิดปัญหาจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเท่าที่จะทำได้ หรือไม่ก็ต้องส่งลูกของทั้งสองตระกูลไปแต่งงานกัน” คำตอบของผู้เป็นพ่อทำเอาทัศต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “งั้นก็แสดงว่าวัลจะต้องเข้าไปอยู่ในฐานะว่าเมียไม่ใช่คนงานสิครับ แล้วทำไมคุณแม่ถึงได้บอกแบบนั้นกับทัศ?” “ก็เพราะแม่ไม่อยากให้วัลแต่งงานไปอยู่กับคนแบบนั้น” “แล้วถ้าเกิดว่า...ทัศหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ล่ะครับ เรามีทางอื่นไหมที่จะช่วยวัล?” ผู้เป็นพ่อส่ายหัวไปมาเบา ๆ “ไม่มี...ถ้าครอบครัวเราไม่มีเงินไปคืนเขา เราก็ต้องส่งลูกไปแต่งงานแทนการใช้หนี้” “ไม่แต่ง! ให้ตายยังไงวัลก็ไม่แต่งงานกับไอ้บ้านนอกนั่น” ในขณะที่ทัศกับพ่อกำลังพูดคุยกัน วัลลูกสาวคนเล็กก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด เธอยืนยันว่าจะไม่แต่งกับนายปัฐทวีเด็ดขาด “ทำไมวัลจะต้องแต่งด้วย ทำไมพ่อกับแม่ไม่ส่งพี่ทัศไปแทนล่ะ?” พี่ทัศเขาเป็นผู้ชายจะไปแทนวัลได้ยังไง?” “เดี๋ยวนี้มันก็มีสมรสเท่าเทียมแล้วนิแต่งงานได้ทุกเพศ” เธอตอบออกไปเสียงดัง พร้อมกับรอยยิ้มที่แลดูมีความหวัง “พี่ทัศไปแทนวัลนะ อย่างน้อยพี่ก็เป็นผู้ชาย...น่าจะตรงสเปคพ่อเลี้ยงมากกว่าวัล” “ลูกพูดอะไรของลูกน่ะวัล” “คุณพ่ออย่ามาทำเป็นไม่รู้ ใคร ๆ เขาก็รู้กันว่าไอ้บ้านนอกนั่นชอบไม้ป่าเดียวกัน นายใหญ่คนก่อนยังเป็นผู้ชายเลย” “ใช่! ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง” คุณหญิงดาราลักษณ์ที่เดินมาได้ยินลูกสาวของเธอพูด ก็เกิดนึกวิธีที่จะช่วยลูกสาวของเธอออก “ก็ในเมื่อสัญญามันไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นผู้หญิงกับผู้ชายนิ ถ้าอย่างนั้นเราก็ส่งทัศไปแทนได้” “ไม่ได้ คุณจะไปเล่นแง่กับคุณปัฐทวีไม่ได้” “ฉันเล่นแง่ตรงไหนคะคุณพี่ ฉันก็กำลังจะทำตามสัญญาระหว่างสองครอบครัวอยู่นะคะ แล้วอีกอย่างพ่อเลี้ยงก็น่าจะชอบทัศมากกว่าลูกวัล” “แต่ทัศไม่ได้รักเขานะครับ” ทัศเอ่ยออกมาเสียงหนักแน่น ก่อนจะถอนหายใจและเอื้อมมือไปจับมือผู้เป็นมารดาเลี้ยงของตน “ทัศว่า...เราลองไปประณีประนอมดูก่อนดีกว่าไหมครับ? เผื่อว่าเขาจะเห็นแกความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล” “ประณีประนอม? แกคิดว่าแกกำลังอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์หรือยังไง แกรู้ไหมว่าฉันต้องแบกหน้าไปหามันมาแล้วกี่ครั้ง ฉันทำมาทุกวิธีแล้ว เหลือแค่การส่งแกไปแทนนี่แหละ รู้ไว้ซะด้วย!” “แล้วถ้าทัศไม่ยอมล่ะ?” “ไม่ยอมเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่รักษาพ่อของแกต่อ ปล่อยให้นอนจมกองขี้กองเหยี่ยวไป” “คุณแม่!!! คุณแม่พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง” “คุณ...นี่คุณถึงกับใช้ผมมาขู่บังคับลูกเลยเหรอ?” เสียงของธรรมราชนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับจากภรรยาของเขา “คุณนี่มะ...” แต่ก่อนที่พ่อจะพูดอะไรต่อไป วัลลูกสาวคนเล็กก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เย็นชาจนน่ากลัว “คุณแม่ไม่ได้ขู่หรอกนะคะคุณพ่อ แต่คุณแม่ทำจริงแน่ ถ้าพี่ทัศไม่ยอมแต่งงานแทนวัล แล้วไอ้ตำรวจนั้นก็จะตายด้วยน้ำมือของวัลด้วย!” ได้ยินอย่างนั้น ดวงตากลมของทัศก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะคลานเข่าเข้าไปหาน้องสาวเพื่ออ้อนวอนเธอ “ไม่ได้นะวัล วัลจะทำอะไรพี่ดอนไม่ได้ พี่ยอมแล้ว พี่จะแต่งงานกับพ่อเลี้ยงแทนวัลเอง ถ้าพ่อเลี้ยงยอมแต่งกับพี่” “ดี! งั้นแกก็ไปเตรียมตัวขัดสีฉวีวรรณให้ดี ๆ อีกสองวันพ่อเลี้ยงปัฐจะมาที่บ้านเรา เข้าใจไหม?” “ครับ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทัศก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมของผู้เป็นแม่เลี้ยงที่ได้มอบให้ เพื่อทดแทนบุญคุณที่เธอเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ทัศอายุ 5 ขวบ และเพื่อปกป้องคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจ ...สองวันต่อมา เป็นวันที่บ้านโสวราการณ์และอริชญย์สกุลจะได้มาพบกันตามนัดหมาย ทัศนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกด้วยท่าทางที่เงียบสงบโดยไม่มีบทสนทนาใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากสวยเลยสักคำ พร้อมกับพ่อและแม่เลี้ยงที่นั่งรออยู่ด้วย “นี่!!! ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย” คุณหญิงดาราลักษณ์เอ่ยตำหนิลูกเลี้ยงของตน “ทำหน้าอย่างกับเหม็นขี้ขนาดนั้น ถ้ามีใครเห็นเข้าจะคิดว่าเราเป็นบ้านที่ไม่มีมารยาท!” “ขอโทษครับ” คุณหญิงดาราลักษณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ท่าทางของเธอแสดงออกถึงความไม่พอใจในตัวทัศอย่างเห็นได้ชัดแต่ยังไม่ทันที่จะได้ต่อว่าอะไรเพิ่ม สาวใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก “พ่อเลี้ยงปัฐทวีมาแล้วค่ะคุณผู้หญิง!!!” ได้ยินอย่างนั้น คุณหญิงก็ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วเธอจึงยกยิ้มรอให้กับพ่อเลี้ยงที่กำลังจะเข้ามา ไม่นานนัก ชายที่มีรูปร่างสูงสง่าในเสื้อเชิ้ตลายสก็อตและกางเกงยีนที่พอดีตัวก็ก้าวย่างเข้ามาในห้องรับแขก ดวงตาคมดุของพ่อเลี้ยงปัฐทวีจ้องมองไปยังสมาชิกที่อยู่ภายในห้องรับแขก จนไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มหน้าหวาน ผิวกายขาวผ่องผิดไปจากสีผิวแทนกร้านแดดของเขา “ฉันพ่อเลี้ยงปัฐทวี โสวราการณ์ มาตามนัด” “เชิญนั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวแม่จะแนะนำทุกคนให้คุณปัฐรู้จัก” “ขอบคุณ แต่ฉันมีแม่แค่คนเดียว” ว่าแล้วพ่อเลี้ยงปัฐก็นั่งลงบนโซฟาราคาแพงโดยที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้น “บ้านหลังใหญ่ดีนะ บ้านฉันยังไม่ลิฟต์เลยเอาไว้ใช้เลย” พ่อเลี้ยงเสียดสีคนเป็นลูกหนี้ที่ใช้ชีวิตหรูหราเสียยิ่งกว่าเจ้าหนี้อย่างเขา “ทำไมไม่ขายบ้านหลังนี้ใช้หนี้ล่ะ จะได้ไม่ต้องขายลูกกิน แล้วฉันก็จะไม่ต้องมาทำตามสัญญาบ้า ๆ นี่ด้วย” “เอ่อออคือ...บ้านเรามีคนป่วยน่ะคะคุณปัฐ ก็เลยต้องใช้ลิฟต์เอาไว้ขึ้นลง” หล่อนเอ่ยแก้ตัว ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องเป็นพัลวัล “ทัศ สวัสดีคุณปัฐสิลูก” ผู้เป็นแม่เลี้ยงพูดขึ้น พลางถลึงตาใส่ลูกเลี้ยงของเธอที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแล้วไม่ยอมทักทายพ่อเลี้ยงที่มาเยือนเสียที “สะ...สวัสดีครับคุณปัฐทวี ผมชื่อธารันต์ หรือพ่อเลี้ยงจะเรียกผมว่าทัศก็ได้” พ่อเลี้ยงปัฐทวีหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อและน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม “ทัศงั้นเหรอ?” “ใช่จ้ะ ทัศเขาเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายมาก รับรองว่าถ้าแต่งกับพ่อเลี้ยงไปจะไม่สร้างความเดือดร้อนพ่อเลี้ยงแน่นอน” “แต่งกับฉัน? คุณหญิงหมายความว่ายังไง คนที่จะแต่งกับฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณเหรอ” “คือ...ลูกคนนั้นของน้าดื้อรั้นมาก หน้าตาก็ขี้ริ้วขี้เหร่ ถ้าแต่งงานกับพ่อเลี้ยงปัฐไป น้าคิดว่ามันคงจะไม่ดีต่อหน้าคุณปัฐ” พ่อเลี้ยงปัฐทวีขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว “แล้วที่คุณหญิงให้ฉันแต่งงานกับผู้ชาย มันดีต่อหน้าตาฉันอย่างนั้นเหรอ เล่นตลกกันอยู่รึไง!” ทัศที่เห็นว่าเหตุการณ์มันดูเหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาจึงตัดสินใจพูดคำมั่นสัญญาให้พ่อเลี้ยงปัฐอารมณ์เย็นขึ้นมาได้บ้าง “ผมสัญญาว่าผมจะไม่เสนอหน้าไปป่าวประกาศให้ใครรู้อย่างแน่นอน ผมจะอยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่ให้พ่อเลี้ยงขายขี้หน้า” เจ้าของดวงตาคมดุตวัดสายตามายังทัศ “นี่นายอยากแต่งกับฉันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? หิวเงินหรือหิวผู้ชายล่ะ” “นี่พ่อเลี้ยง! มันจะมากเกินไปแล้วนะ คุณคิดว่าคุณมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคนอื่นแบบนี้” ทัศลุกพรวดขึ้นจากโซฟาด้วยความโมโห มือทั้งสองของทัศกำเข้าหากันแน่นพร้อมกับดวงตาที่มองไปยังพ่อเลี้ยงปัฐทวีนั้นก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “มีสิ! คุณหนูทัศ ฉันมีสิทธิ์เพราะนายจะต้องแต่งมาอยู่ที่ไร่ของฉัน แล้วก็อยู่ใต้อาณัติของฉัน...ตลอดไป” พ่อเลี้ยงปัฐทวีว่าพลางเงยหน้ามองทัศด้วยแววตาที่เย็นชา “พ่อเลี้ยง ลูกผมก็ถือว่าเป็นคนคนหนึ่ง คุณไม่มีสิทธิ์บังคับเขาให้ต้องอยู่ในกรงของคุณนะ” ผู้เป็นพ่อที่นั่งฟังอยู่นานพูดแทรกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อเลี้ยงปัฐพูดออกมา “แล้วจะแต่งหรือไม่แต่ง?” “แต่งค่ะแต่ง เดี๋ยวน้าจะรีบหาฤกษ์ให้เลยนะคะ” “ไม่ต้องหา แต่งพรุ่งนี้เลย! ผมรีบ” คำพูดของพ่อเลี้ยงทำเอาคนทั้งบ้านอริชญย์สกุลตกใจไปตาม ๆ กัน ทั้งที่ตอนแรกปัฐทวีดูเหมือนจะไม่ยินดีกับงานแต่งนี้สักเท่าไหร่ ทว่าตอนนี้กับเร่งรัดงานแต่งให้เร็วขึ้นจนน่าตกใจ “พรุ่งนี้? มันจะไม่เร็วไปเหรอคะ?” “ถ้าเร็วไป งั้นก็ไม่ต้องแต่ง แล้วหาเงินมาใช้หนี้ฉันแทน” พ่อเลี้ยงประกาศกร้าวและมีทีท่าว่าจะลุกออกไป ถ้าทางบ้านอริชญย์สกุลปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้ “ไม่เร็ว ไม่เร็วเลยค่ะคุณปัฐ” “งั้นก็ดี งั้นวันนี้ฉันก็ขอตัวก่อนก็แล้วกัน” ว่าแล้วร่างแกร่งก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากบ้านทันที เมื่อคุณหญิงเห็นว่าพ่อเลี้ยงปัฐทวีได้ขับรถออกไปแล้ว เธอก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่เธอจะทิ้งกายลงบนโซฟาด้วยความสบายใจที่พ่อเลี้ยงปัฐยอมรับงานแต่งในครั้งนี้ “ตอนแรกฉันก็คิดว่าไอ้พ่อเลี้ยงบ้านนอกนี่ มันคงจะไม่ยอมรับแกง่าย ๆ แต่ที่ไหนได้มันกลับยอมรับ อีกทั้งยังเร่งงานแต่งเป็นวันพรุ่งนี้อีก ดูท่าไอ้พ่อเลี้ยงคงจะชอบไม้ป่าเดียวกันอย่างที่เขาลือจริง ๆ ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD