เช้าตรู่ในวันต่อมา ทัศในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดกำลังนั่งมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ โดยที่มีช่างแต่งหน้ากำลังประทินโฉมใบหน้าของเขาให้ดูดี เพื่อเตรียมพร้อมเข้าร่วมงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้
“เสร็จแล้วค่ะคุณทัศ คุณทัศชอบไหมคะ?” ช่างหน้าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี
“ครับ” คนที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานตอบออกไปสั้น ๆ รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของเขานั้นก็ดูขื่นขม จนคนรอบตัวก็ต่างสังเกตเห็นได้
“ทัศ” ผู้เป็นพ่อที่นั่งรถเข็นเข้ามาภายในห้องเอ่ยเรียกลูกชายของตนที่กำลังนั่งมองตัวเองอยู่ในกระจก “เสร็จหรือยังลูก?”
“คุณพ่อ...” ผู้เป็นลูกหันกลับมาหาพ่อ ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วทรุดตัวลงนั่งพับเพียบบนพื้นต่อหน้าผู้เป็นพ่อ “คุณพ่อครับ ทัศไม่อยากแต่งเลย ทัศอยากอยู่ดูแลคุณพ่อที่นี่”
“พ่อไม่เป็นอะไรหรอก ทัศไม่ต้องเป็นห่วงพ่อนะ พ่อยังมีแม่ยังมีวัลคอยดูแล แต่ถ้าวันไหนทัศถูกคนบ้านนั้นรังแก ทัศบอกพ่อนะ พ่อจะไปรับทัศกลับมาเอง”
ได้ยินอย่างนั้น ก็ทำให้ทัศไม่สามารถหักห้ามน้ำตาของตัวเองได้ เขาจึงซบหัวลงบนตักของพ่อด้วยความอาลัยอาวรณ์ “ทัศรักคุณพ่อนะครับ”
“พ่อก็รักทัศนะลูก พ่อขอโทษที่ทำให้ทัศต้องลำบาก”
“โอ๊ย! ร่ำลากันเสร็จรึยัง แขกมากันเต็มบ้านแล้ว ไม่คิดที่จะลงไปต้อนรับกันหน่อยหรือยังไง!” คุณหญิงดาราลักษณ์เอ่ยขึ้นเสียงดังทันทีที่เดินมาถึงห้องนอนของทัศ
มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา “เสร็จแล้วครับคุณแม่ ทัศจะรีบลงไปเดียวนี้”
“งั้นก็รีบตามฉันมา!”
ธารันต์ก้าวเท้าเข้าไปภายในงานที่มีแขกเหรื่อมากมาย เขายกมือไหว้ด้วยท่าทางที่นอบน้อม สมกับเป็นลูกตระกูลผู้ดีเก่า ก่อนที่สายตาของเขาจะไปสะดุดกับชายในชุดลายสก็อตที่เดินเข้ามาในงานพร้อมชาวบ้านอีกหลายสิบคนที่ถือกระบุงมาด้วย
“มาแล้วเหรอคะคุณปัฐ?” คุณหญิงของบ้านอริชญย์สกุล รีบวิ่งเข้าไปต้อนรับพ่อเลี้ยงปัฐทวีทันทีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ถ้ายังไม่มาคุณก็คงไม่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้หรอก”
รอยยิ้มที่เคยระบายบนใบหน้าอวบอิ่มหายไปในชั่วพริบตา แม้ในใจอยากจะสั่งสอนเรื่องมารยาทผู้ดีใส่สมองไอ้บ้านนอกนี่มากสักแค่ไหน ก็ทำได้แค่ฝืนยิ้มให้เท่านั้น เพราะกองหนี้ที่มันค้ำหัวเขาเอาไว้อยู่
“งั้น...คุณปัฐทวีก็เอาสินสอดไปตั้งไว้ตรงนั้นเลยค่ะ เราจะได้เริ่มพิธีเร็ว ๆ ”
“วางตรงนี้เลยใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ ตรงนี้เลย”
“งั้นก็เอาสินสอดไปเทได้เลย”
“ครับพ่อเลี้ยง” รับคำสั่งเสร็จ คนงานนับสิบคนก็ทยอยเข้าไปเทสิ่งที่อยู่ในกระบุงออกมา ทว่าสิ่งที่อยู่ในกระบุงมิใช่แก้วแหวนเงินทองแต่อย่างไร แต่มันคือก้อนกรวดเม็ดน้อยใหญ่ที่ถูกเทให้กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ ทำให้คนที่สวมชุดเจ้าบ่าวสีขาวเต็มยศในตอนนี้ต้องอับอายแขกทั้งงาน
เสียงซุบซิบดังระงมไปทั่วทั้งงาน ท่ามกลางบรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยความยินดี กลับเริ่มเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนและความสมเพช ทำให้คุณหญิงดาราลักษณ์รู้สึกอับอาย และรู้สึกเสียหน้าจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
ใบหน้าอวบอิ่มเบือนหน้ากลับไปมองพ่อเลี้ยงปัฐทวี ก่อนที่จะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “นี่มันหมายความว่ายังไงคะคุณปัฐ?”
“สินสอดไง ค่าตัวคุณหนูทัศ”
“ก้อนกรวดเนี่ยนะคะ! คุณปัฐกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่”
“ครอบครัวพวกคุณเอาเงินจากฉันไปเท่าไหร่แล้ว ฉันว่าก้อนกรวดพวกนั้นยังมีค่ามากกว่าลูกของคุณหญิงเลย”
สิ่งที่ประจักรอยู่ต่อหน้าทัศ ทำให้ทัศรับรู้ได้ทันทีเลยว่าตนเองไม่ได้กำลังจะเข้าสู่พิธีแต่งงาน แต่กำลังเข้าไปสู่นรกที่มีซาตานรออยู่ต่างหาก
“พ่อเลี้ยง นี่พ่อเลี้ยงเห็นลูกชายของผมมีค่าแค่เท่าก้อนกรวดเท่านั้นเหรอ ถ้าไม่อยากแต่งก็บอกกันมาตรง ๆ ไม่ใช่มาดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีกันแบบนี้ คุณมันไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด” ผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ จนเส้นเลือดบนขมับปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ใช่ ลูกชายของคุณไม่ได้มีค่าเท่าก้อนกรวดนะ” ปัฐทวีเดินเข้าไปหาคนสวมชุดเจ้าบ่าวที่ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่ว่าลูกชายของคุณ มีค่าน้อยกว่าก้อนกรวดที่อยู่ใต้ตีนของฉันซะอีก!!!”
เพียะ!!!
ฝ่ามือเรียวฟาดเข้ากับใบหน้าคมเข้มอย่างแรงต่อหน้าผู้คน จนมุมปากของพ่อเลี้ยงมีของเหลวสีแดงไหลออกมา
“สวะ!” ทัศตะคอกออกมาเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมกับดวงตาของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อผู้ชายตรงหน้า “คุณคิดว่าที่นี่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนของคุณเหรอ คุณถึงมาทำกิริยาต่ำ ๆ ต่อหน้าทุกคนแบบนี้”
“หึ แบบนี้สิค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย” มือหนายกขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนที่เสียงหัวเราะในลำคอของปัฐทวีจะดังขึ้น ราวกับไม่สะทกสะท้านใด ๆ ในคำก่นด่าของอีกฝ่าย “งั้นเรามาเริ่มพิธีกันเลยดีกว่า ฉันไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นาน เหม็นกลิ่นพวกผู้ดี! แล้วฉันก็อยากมีเมียเร็ว ๆ ด้วย”
พูดจบเขาก็ยื่นมือไปคว้าแขนของทัศและดึงให้เขาขึ้นไปบนเวทีโดยไม่สนสายตาใด ๆ ที่กำลังจ้องมองมาอย่างตกตะลึง จากนั้นเขาก็จับให้คนที่เด็กกว่านั่งลงบนโต๊ะรดน้ำสังฆ์ ก่อนเขาจะโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเนียนเบา ๆ
“ถ้าอยากแต่งกับฉันก็นั่งนิ่ง ๆ ไม่อย่างนั้น...การที่เธอเลิกกับไอ้ตำรวจนั่นมันจะศูนย์เปล่าเอานะ”
คำพูดของปัฐทวีทำเอาทัศแทบหยุดหายใจอยู่ตรงนั้น เพราะไม่คิดว่าคนอย่างพ่อเลี้ยงจะรู้เรื่องระหว่างเขากับพี่ดอน “คุณ...รู้ได้ยังไง?”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะรู้หรือไม่รู้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ นาย! ต้องอยู่นิ่ง ๆ อย่าทำให้ฉันต้องเสียเวลา”
พูดจบร่างสูงก็เดินไปยังหน้าเวที ก่อนจะยกกระดาษสัญญาระหว่างครอบครัวขึ้นมาให้ประจักษ์ต่อหน้าแขกในงาน แล้วประกาศเสียงดังลั่น
“แต่ก่อนที่ฉันจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ฉันอยากให้พวกคุณช่วยเป็นพยานให้ผมด้วยว่าการแต่งงานในครั้งนี้ของฉันกับลูกชายของบ้านอริชญย์สกุล มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรัก แต่มันเกิดขึ้นจากสัญญาฉบับนี้ที่พ่อของฉันได้ทำเอาไว้กับคุณธรรมราช ในสัญญาฉบับนี้ระบุเอาไว้ว่าถ้าฉันกับคู่สมรสของฉัน อยู่กินกันครบหนึ่งปีแล้วยังไม่เกิดความรักที่มีต่อกันก็สามารถทำการหย่ากันได้ในทันที”
การกระทำของคนตรงหน้าทำให้ทัศไม่เข้าใจเลยว่า อะไรที่ทำให้ปัฐทวีจงเกลียดจงชังเขาถึงขนาดนี้ หรือมันเป็นเพราะเขามีคนรักมาอยู่แล้ว แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ปัฐทวีเกลียดเขาได้
...เพราะเราทั้งคู่ไม่ได้รักกันเลยแม้แต่น้อย
พิธีแต่งงานผ่านไปได้ด้วยดี ในขณะที่แขกเริ่มทยอยกลับบ้านกันไปบ้างแล้ว พ่อเลี้ยงก็คว้าแขนบุคคลในสมรสให้มากับตน ต่อหน้าผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยงของทัศ
“ปล่อยผมนะ! คุณจะพาผมไปไหน?”
“กลับไร่ไง” เขาตอบพลางดึงอีกฝ่ายให้เดินตามตนมา
“แต่ผมยังไม่ได้ร่ำลาคุณพ่อกับคุณแม่ผมเลยนะคุณปัฐ!”
“รู้ไหมว่า...เวลาที่ฉันเสียไปกับนายวันนี้ มันมีมูลค่าเท่าไหร่ มันมากกว่าชีวิตของคุณหนูอย่างนายซะอีก”
“จะทำอะไรก็ช่วยให้เกียรติลูกชายผมด้วย! ลูกชายผมไม่ใช่ผักใช่ปลา” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห
“อ้าว ไม่ใช่หรอกเหรอ เห็นเอามาเร่ขายแบบนี้ก็คิดว่าใช่”
ผลัวะ!!!
จู่ ๆ ก็มีหมัดจากหนึ่งในแขกของงาน กระแทกเข้าที่ใบหน้าของพ่อเลี้ยงปัฐทวีอย่างจัง จนคนถูกกระทำล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า ใบหน้าของเขาก็พลันเปื้อนเลือดที่มุมปากซ้ำรอยแผลเดิมที่ทัศได้สร้างเอาไว้
“ไอ้สาระเลวเอ๊ย! คิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหนวะ!” เสียงดุดันตะโกนออกมาสนั่นลั่นงาน พร้อมสายตาของเขาที่จ้องมองไปที่ปัฐทวีด้วยความเกลียดชัง
“พี่ดอน!!!” ทัศเรียกชื่ออดีตคนรัก ก่อนจะเข้าไปห้ามไม่ให้นายตำรวจหนุ่มเข้าไปทำร้ายพ่อเลี้ยงปัฐอีก
ปัฐทวีที่ล้มอยู่บนพื้นรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า แต่เขากลับไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาแม้แต่น้อย มือที่เปื้อนเลือดยกขึ้นเช็ดมุมปาก ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้น พร้อมรอยยิ้มเหยียดหยันที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “คนนี้...ผัวเก่านายเหรอทัศ?”
“มึงจะเอาอีกใช่ไหม!!!” ดอนพยายามจะปรี่เข้าไปหาพ่อเลี้ยงปัฐอีกครั้ง แต่ก็ถูกคนที่ตนรักห้ามเอาไว้ “ปล่อยพี่ พี่จะสั่งสอนมันให้รู้จักการให้เกียรติคนอื่นซะบ้าง”
“หยุด! ทัศบอกให้หยุดได้แล้ว!” ทัศตวาดออกมาเสียงดังลั่น จนทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ
“แต่มันดูถูกทัศนะ ทัศจะยอมแบบนี้เหรอ?”
“เขาเป็นสามีของทัศ ถ้าทัศไม่ยอมเขา ทัศจะยอมใคร” เขากล่าวออกมาด้วยความกระอักกระอ่วนใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องพูดออกไป เพื่อให้ดอนตัดใจจากเขาไปเสียที
” ทัศ...”
“ใช่! ทัศเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉัน เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างนายไม่รู้เหรอว่า ไม่ควรมายุ่งกับเมียของคนอื่น” ปัฐทวีเอ่ยพร้อมมองดอนด้วยสายตาเย้ยหยัน ก่อนจะดึงชายหนุ่มอดีตคนรักของนายตำรวจเข้ามาหาตัว
“แต่...”
“พี่ก็ได้ยินแล้วนิครับ!” ยังไม่ทันที่ดอนจะได้พูดอะไรออกมา ทัศก็พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน “ตอนนี้ทัศแต่งงานแล้ว พี่ไม่ควรเข้ามายุ่ง ทางที่ดีพี่ควรรีบออกไปจากชีวิตผมจะดีกว่า”
“พี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าภายในเวลาแค่ชั่วข้ามคืนจะทำให้คนเราเปลี่ยนไปถึงขนาดนั้น”
“ผิดแล้วครับ คนเรามันเปลี่ยนได้เสมอ โดยเฉพาะคนอย่างทัศ” ทัศประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคน พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสอง
...ได้โปรดช่วยตัดใจจากทัศสักที ทัศไม่อยากให้พี่ต้องมาเดือดร้อนเพราะคนอย่างทัศอีก
“พี่ฟังให้ชัดนะครับ ว่าผมไม่ได้รักพี่แล้ว พี่เข้าใจไหม!”
...ทัศขอโทษ ที่ทัศอยู่เคียงข้างพี่ไม่ได้อีกแล้ว