Vekin & Prime 5 - เปิดตัวลูกชาย
แม้ว่าจะไม่พอใจแค่ไหน แต่ทางคุณมลก็ไม่ยอมให้ผมมาเอาหน้าอยู่ฝ่ายเดียว เขาเดินตามหลังมาติด ๆ
จนกระทั่งมาถึงที่ห้องประชุม
ทันทีที่ผมก้าวขาเข้ามา ก็พบว่าสายตาของคนในห้องมองมายังผมเพียงคนเดียวเลย
คุณเวนัยส่งสายตามาให้ไปผมไปนั่งลงที่นั่งรองประธาน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่นั่งของภรรยาเขามาโดยตลอด จึงทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมคุณมลถึงได้โมโห และรู้สึกว่าตัวเองเสียอำนาจไปขนาดนั้น
"สวัสดีครับทุกคน" คุณเวนัยกล่าวทักทายผู้ถือหุ้นที่เข้ามาร่วมประชุมในวันนี้
"วันนี้ไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไร ทางคุณเวนัยจึงเรียกพวกเรามาประชุมแบบนี้" มีชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นและเหลือบสายตามามองผม
"ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนได้ทราบ" คุณเวนัยจึงเอ่ยเข้าเรื่องในทันที
"เกี่ยวกับพ่อหนุ่มคนนี้เหรอครับ" ทำให้สายตาหลายคู่ตกมาที่ผม
"นี่เวคิณ ลูกชายคนเดียวของผมเองครับ" คุณเวนัยจึงถือโอกาสแนะนำตัวผมเสียเลย
พอจบประโยคคนในห้องประชุมแห่งนี้ก็มีสีหน้าตกใจไปตาม ๆ กัน
"ลูกชายของคุณ" หลายคนที่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเวนัยเคยแต่งงานและหย่าก็มองมาที่ผม และมองไปที่คุณมล ซึ่งตอนนี้มีสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนักสลับกันไปมา
"ครับ เป็นลูกของผมกับภรรยาเก่า" คุณเวนัยไม่ได้ปิดบังว่าผมเป็นลูกของใคร
"ผมจำได้แล้ว เคยเจอตอนเด็ก ๆ นี่โตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย" ซึ่งในที่แห่งนี้ก็ย่อมมีคนที่จำแม่ผมได้ จึงร้องอ๋อขึ้นมา พร้อมกับยิ้มให้ผม
"ไปอยู่ไหนมาล่ะหลานชาย ทำไมถึงเพิ่งมาช่วยงาน" ตามด้วยอีกหลายคนที่ถามไถ่ชีวิตที่ผ่านมาของผม
ซึ่งผมก็ได้รับสายตาห้ามปรามจากคุณเวนัย เขาคงกลัวว่าผมจะพูดอะไรที่ทำให้เขาเสื่อมเสียละมั้ง
"ก่อนหน้านี้ผมก็ทำงานครับ" ผมจึงกระตุกยิ้มเล็กน้อย และตอบคำถามแต่ละคนอย่างใจเย็น
"เรียนจบอะไรมาล่ะ" มีหลายคนที่สนใจการเรียนของผม
"วิศวะครับ"
"โอ้ว ดีเลยแบบนี้ ดีใจด้วยนะคุณเวนัย มีลูกชายมาแบ่งเบาแล้ว" พอได้รับคำตอบก็หันไปกล่าวกับคุณเวนัยต่อ
"ขอบคุณครับ" คุณเวนัยก้มหัวขอบคุณทุกคนด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่แนะนำผมเสร็จแล้ว ก็เริ่มเข้าสู้การประชุม
ทำให้ผมรู้ว่าในตอนนี้บริษัทขาดสภาพคล่อง ซึ่งมันก็เป็นวิกฤติอย่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมต้องตัดสินใจแก้ไขหลังจากนี้
พอประชุมเสร็จ คุณเวนัยก็พาผมมาที่ห้องทำงานของผมเอง
"เป็นยังไงบ้าง" เขาถามถึงเรื่องการประชุม เพื่อขอความคิดเห็นจากผม
"ก็ถือว่าหนัก เอาเป็นว่าผมขอศึกษารายละเอียดก่อน" ผมส่ายหน้า เพราะสภาพคล่องของบริษัทแย่มากจริง ๆ
"อื้ม พรุ่งนี้มีนัดทานข้าวกับลูกค้า" คุณเวนัยพยักหน้าเข้าใจ และบอกกล่าวกับผม
นั่นทำให้ผมชะงัก
"ใคร" และถามเขากลับทันที
"ไปถึงเดี๋ยวแกก็รู้เองน่า" แต่คุณเวนัยไม่ยอมบอกอะไร
"อะไรที่คุณกำลังคิด ผมขอเตือนว่าให้ล้มเลิกซะ" ผมถอนหายใจออกมาและกล่าวเตือนไปตรง ๆ ให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะจับคู่ผมเสีย ไม่อย่างนั้นผมคงไม่สามารถทำงานให้เขาได้
"ฉันแค่นัดทานข้าวกับลูกค้า เพื่อแนะนำให้แกรู้จัก ต่อไปจะได้พึ่งพาอาศัยกัน" แต่คุณเวนัยก็ไม่ยอมบอก เขาหาข้ออ้างสารพัดมาอ้างกับผม
"ถ้ามันแค่นั้นก็ดีครับ" ผมกล่าวประชดประชันเขา เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรแค่นั้นแน่ ๆ
"ฉันจะส่งเลขามาดูแลแกอีกที" คุณเวนัยจึงเปลี่ยนเรื่องคุย เสนอจะให้เลขามาช่วยงานผม
"ไม่ต้อง ผมมีผู้ช่วยแล้ว" แต่ผมปฏิเสธ เนื่องจากว่ามีผู้ช่วยแล้วนั่นเอง
"ใคร" เขาจึงถามขึ้นทันที
"ผมมีก็แล้วกัน ขอเวลาให้ผมได้ทำงานด้วย" ผมไม่อยากบอกอะไรมาก จึงพูดปัด ๆ ไป และทำเชิงไล่เขา ขอเวลาให้ผมได้ทำงาน
"อยากได้อะไรก็ให้คนไปแจ้งก็แล้วกัน" คุณเวนัยจึงยอมออกไป พร้อมกับทิ้งท้ายเอาไว้