Vekin & Prime 6 - จับคู่
ฉันกำลังนั่งทำหน้าเซ็งอยู่ที่โซฟากลางบ้าน รอพ่อแม่ที่กำลังแต่งตัวอยู่
ในวันนี้เป็นวันที่ฉันไม่มีเรียน แต่พ่อแม่กลับจะลากฉันออกไปข้างนอกเสียให้ได้ ไม่ว่าจะถามยังไงก็ไม่ยอมบอกว่าจะพาไปไหน นั่นทำให้ฉันรู้สึกหวาดหวั่นมากเลยทีเดียว
"พร้อมหรือยังลูก" คุณแม่เดินนำหน้าคุณพ่อตรงเข้ามาหาฉันและจับฉันหมุนตัวเพื่อสำรวจการแต่งตัว
"คุณแม่จะบอกพรีมได้หรือยังคะ ว่าจะพาไปไหน" ฉันยอมให้แม่จับหพลิกไปพลิกมาเหมือนตุ๊กตา และถามขึ้นว่าท่านจะพาฉันไปไหนกันแน่
"เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองน่า" และก็เหมือนเดิมที่ท่านไม่ยอมบอกฉันอีกแล้ว
"พรีมไม่ชอบเลยนะคะ คุณแม่จะจับคู่ให้พรีมอีกแล้วใช่ไหมคะ" ฉันจึงทำหน้างออย่างขัดใจ
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะลูกขา" คุณแม่จึงรีบแก้ต่าง ปฏิเสธว่าไม่ใช่แบบที่ฉันคิด
"พี่พร้อมละคะ" ฉันชะโงกไปมองหาพี่ชายตัวดี ที่ยังไม่ลงมา
"พี่ชายเราไม่ได้ไปจ๊ะ" และคำตอบจากคุณแม่ก็ทำให้ฉันหันขวับไปมองทันที
"แล้วทำไมพี่พร้อมไม่ได้ไปด้วยค่ะ" ฉันโอดครวญขึ้น รู้สึกเสียเปรียบพี่ชายที่ไม่ได้ไปด้วยกัน
"ก็พี่ชายเรามีธุระ เอาเถอะ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะสายนะคะลูกขา" แต่คุณแม่ก็พาเหตุผลมาปลอบฉันจนได้
"คุณแม่อ่ะ" ฉันมองค้อนคุณแม่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ติดตามท่านไป
จนกระทั่งมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านประจำเลยก็ว่าได้
พ่อแม่พาฉันมาที่โซนส่วนตัว และแจ้งห้องไป
จากนั้นเราทั้งสามคนก็เดินมายังห้องที่ว่า
"สวัสดีครับคุณเวนัย" พอเปิดประตูเข้าไป คนที่นั่งอยู่ก็คือคุณลุงเวนัย ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
"สวัสดีครับคุณพงษ์เทพ คุณอัศวดี" ลุงเวนัยรีบยืนขึ้นทักทายพ่อแม่ฉัน
"สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้คุณลุงอย่างนอบน้อม
"หนูพรีม ไม่ได้เจอเสียนานเลยนะ" คุณลุงเวนัยจึงหันมาทักทายฉันด้วยรอยยิ้มกว้าง
"ค่ะ" ฉันพยักหน้าและยิ้มรับ
"มาคนเดียวเหรอคะคุณเวนัย" พ่อของฉันเริ่มถามไถ่
"เดี๋ยวลูกชายผมก็ตามมาครับ" ลุงเวนัยจึงตอบกลับมา
นั่นทำให้ฉันตัวแข็งทื่อทันที
ลูกชายของคุณลุงเวนัยก็มีคนเดียว นั่นก็คือพี่คิดนั่นเอง
"ขอโทษที่มาช้าครับ" แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน
ทำให้ทุกคนหันไปมอง
"คุณลุง คุณป้า พรีม" ซึ่งก็คือพี่คินนั่นเอง เขามองมาที่ฉันและครอบครัวพร้อมกับขมวดคิ้ว
"เวคิณมาพอดีเลย มานั่ง ๆ" พ่อของฉันจึงเรียกให้เขามานั่ง
"ขอโทษที่ต้องให้รอนะครับ" พี่คินจึงเดินมาโทษทุกคนอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรเลย ลุงก็เพิ่งมา" แต่ก็ไม่มีใครถือสาเขาสักคน
"ผมเพิ่งรู้นะครับว่าคุณพงษ์รู้จักลูกชายผมด้วย" ลุงเวนัยกล่าวด้วยความงงงัน เขาไม่เคยรู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับเวลา
"เวคิณเคยอยู่บ้านใกล้ ๆ กับเราค่ะ ยัยพรีมก็เลยเป็นเพื่อนสนิทของหนูเวลาด้วย" เป็นคุณแม่ฉันที่ตอบ เป็นนัยบอกว่ารู้เรื่องราวของพี่คินมาตั้งแต่เด็ก
"อย่างนั้นเหรอครับ" ทำให้ลุงเวนัยหน้าเสียไปทันที
"สั่งอาหารกันก่อนเถอะครับ" เป็นคุณพ่อที่ทำให้บรรยากาศดีขึ้น โดยการชวนสั่งอาหาร
พออาหารมาเสิร์ฟ พวกเราก็เริ่มลงมือทานกัน
พอทานเสร็จก็ต้องมานั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันเรื่องงานต่อ
"ตอนนี้คินกำลังรับตำแหน่งรองประธานสินะ" จู่ ๆ พ่อฉันก็หันไปถามพี่คิน
"ครับ ตอนนี้กำลังศึกษางาน" เขาก็ตอบรับและเล่าให้ฟังว่าตอนนี้กำลังทำอะไรบ้าง
"ดีแล้ว คุณเวนัยจะได้มีคนช่วยงาน" คุณพ่อของฉันพยักหน้าเห็นด้วยในสิ่งที่พี่คินกำลังตัดสินใจ
"ตายจริง มานั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันคงจะอึดอัดแย่ ออกไปเดินเล่นดีไหมลูก" คุณแม่หันมามองฉันแล้วทำเป็นตกใจ ฉันแทบอย่างจะเอามือขึ้นก่ายหัวและบอกว่าไม่เนียน
"เอาสิครับ ให้เวคิณพาไปก็ได้" ส่วนลุงเวนัยก็ช่วยเสริมแม่ฉันเต็มที่ โยนไปให้พี่คินมาดูแลฉัน
"เอ่อ" แม้จะเบื่อแค่ไหนแต่ฉันก็รู้เกรงใจพี่คินอยู่ดี
"ไปไหม" แต่เหมือนว่าพี่คินจะไม่ได้คิดอะไร เขาหันมาถามฉันด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
"ไปค่ะ" ฉันจึงชั่งใจสักพัก และพยักหน้าให้กับเขา
สุดท้ายแล้วฉันก็ได้ออกมาเดินเล่นกับพี่คินจนได้
"พี่คินรู้ใช่ไหมคะว่าที่เรามาพบกันที่นี่คืออะไร" ฉันหันไปถามพี่คินว่าเขารู้เรื่องที่ผู้ใหญ่พยายามจับคู่ให้เราหรือเปล่า
"อื้ม" พี่คินพยักหน้ารับ
"พี่ไม่คิดอะไรเลยเหรอคะ" ฉันจึงถามต่อ และมองหน้าเขาอย่างลุ้น ๆ ในคำตอบ ว่าเขาจะตอบยังไง
"แปลกใจนิดหน่อย" ซึ่งคำตอบของเขาก็ไม่ได้ตรงกับที่ฉันหวังไว้
"แปลกใจเรื่องอะไรคะ" ทั้งยังทำให้งงอีก ฉันจึงถามกลับไป
"ก็เรื่องที่พ่อแม่ของพรีมยอมเล่นไปกับเขาด้วย" พี่คินกล่าวถึงพ่อแม่ฉันที่ยอมให้ฉันถูกจับคู่
"พี่คินรู้จักพ่อแม่พรีมน้อยไป" ฉันทำหน้ามุ่ยและพูดถึงพ่อแม่ที่ทำเหมือนฉันเป็นตุ๊กตา พาออกงานทีไรก็มักจะจับคู่ให้ตลอด
"แสดงว่ามีแบบนี้บ่อย" พี่คินหรี่ตามองฉันเล็กน้อย
"ก็ทุกครั้งที่พาออกมากินข้าวข้างนอกค่ะ" ฉันจึงทำหน้าเซ็ง บ่นให้เขาฟังว่าเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมาก และไม่ใช่แค่ฉันที่โดน พี่พร้อมเองก็โดนเหมือนกัน
"หึหึ" พี่คินมองหน้าฉันและหัวเราะออกมาเบา ๆ
"พี่คินหัวเราะอะไรคะ" ฉันมองพี่คินที่หัวเราะและเผลอยิ้มออกมาบ้าง
"เปล่า" ซึ่งพี่คินก็รีบปฏิเสธ จากนั้นเราสองคนก็เดินไปที่สวนรับรองแขกของร้านอาหารแห่งนี้
ในของฉันเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดพี่คินเลย อาจจะเพราะบรรยากาศที่มันสุดแสนจะโรแมนติก
พอเดินเล่นกันไปสักพัก พวกเราก็กลับไปหาผู้ใหญ่ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ
"คินเป็นยังไงบ้าง" ระหว่างที่กำลังนั่งรถกลับบ้าน แม่ก็ถามฉันขึ้น
"แม่หมายถึงอะไรคะ" ฉันหันไปมองด้วยความไม่เข้าใจในคำถาม
"ก็หมายความว่าคินเป็นยังไงบ้างในสายตาลูก" แม่จึงอธิบายให้ฉันเข้าใจ
พอถูกถามอย่างนี้ฉันก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที จากนั้นก็ตอบกลับไปเหมือนคนที่มีอารมณ์เฉยชา
"ก็ดีค่ะ"
"แล้วชอบไหม" แต่แม่เหมือนจะจับอารมณ์ฉันไม่ได้จากน้ำเสียง จึงหันมาถามจี้
"ทำไมแม่มาถามแบบนี้คะ" พอเป็นอย่างนี้ฉันก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
"แหนะ หน้าแดง แสดงว่าชอบสินะ" แม่เห็นว่าฉันหน้าแดงก็แซวซะฉันอยากจะกระโดดลงรถเสียเดี๋ยวนี้
"แม่คะ" ฉันมองค้อนแม่และกลั้นยิ้มแทบตาย พอถูกจับได้ฉันก็เมินหน้าหนี ป้องกันไม่ให้แม่แซว
พอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ตรงขึ้นไปบนห้อง และนั่งยิ้ม นึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ที่เจอกับพี่คิน