กวีบทที่ ๓ อู๋เสี่ยวเชียน [1]

2047 Words
"อึก.. ย่า~ ปวดหัวชะมัดเลย" ใบหน้างัวเงียลืมตาตื่นขึ้นหลังจากแสงอาทิตย์ส่องเข้ามายังด้านในหน้าต่าง ร่างฉงนผละหน้าออกจากหนังสือที่นอนหนุนมาตลอดทั้งคืน "อ้าาา บ้าเอ๊ย หน้าฉัน... บ้าหรือเปล่าเอาหนังสือมาลองหน้าคนอื่นตอนหลับเนี่ย" สายตากวาดมองไปรอบๆห้อง แต่ดูเหมือนจื่อฝานจะออกไปตั้งนานแล้ว "อ่ะ.. เสื้อ? โห๊.. ก็ไม่ได้ปากร้ายซะทีเดียวหรอกนะ คุณชายจื่อฝาน~" จือหานผละตัวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ขณะมือกำเสื้อคลุมที่อีกฝ่ายเอามาคลุมตัวทิ้งไว้ให้ระหว่างที่หลับ "เอาล่ะ อาบน้ำดีกว่า ว่าแต่.. ห้องอาบน้ำอยู่ตรงไหน.." ร่างเดินจ้ำอ้าววิ่งตรงมายังประตูค่อยๆ เปิดออกอย่างระมัดระวังเหมือนกำลังคิดทำการร้ายบางอย่าง "ไม่มีใครอยู่แถวนี้สินะ" "ใช่ไหมล่ะ! คิคิ" "อึก" ร่างหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องทันทีเมื่อได้ยินเหล่าข้ารับใช้กำลังเดินผ่านเข้ามาทางนี้ "เมื่อวานนี้ เห็นสีหน้าของคุณชายจื่อฝานหรือเปล่าล่ะ?" "ใช่ๆ ข้าเห็น คุณชายรองทำหน้าตึงคิ้วขมวดตลอดทั้งงานเหมือนกับไม่อยากแต่งงาน ทำไมกันนะ ทั้งคู่แทบไม่ได้พบกันทำไมถึงจับแต่งงานกันล่ะ?" "ข้าเห็นว่า สกุลเฉิน เป็นฝ่ายมัดมือชกล่ะ" "เอ๊ะ? สกุลเฉินนี่ดีเด่นแต่เรื่องไม่ดีเสียจริง" พวกเขาคิดกันบ้างหรือเปล่า ว่ากำลังนินทาเสียงดังแล้วมาอยู่ส่วนไหนของที่นี่น่ะ แถมยัง..มาว่าสกุลเฉินหน้าตาเฉย ทั้งที่เจ้าสาวอยู่ในห้องเนี่ยนะ? "ยามเหม่าข้าเห็นคุณชายออกมาจากห้องหอ ทิ้งให้นางอยู่คนเดียวในห้อง สงสัยเมื่อคืนคงแทบจะไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันด้วยซ้ำ" เฮ้ยๆ ... นินทากันระยะเผาขนเลยนะยัยพวกนี้ จือหานแหงนมองหาอุปกรณ์แก้แค้น แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการเอาตัวเองเข้าไปแหย่ มือเล็กยกขึ้นขยี้ผมของตัวเองให้ดูฟูฟ่องเหมือนผ่านสมรภูมิรบมาอย่างดุเดือด นิ้วไล่ปาดลิปสติกให้ดูเลอะเทอะเล็กน้อยก่อนผละตัวเดินออกไปจากห้องด้วยท่าทางสะลึมสะลือ "อะแฮ่ม!" "หว๊าย! ค..คุณหนู" พวกเธอทำหน้าตาปะหลับปะเหลือกทันทีเมื่อจือหานในคราบหมิงเยี่ยนเดินออกมาจากห้องแบบกะทันหันทั้งที่พวกเธอกำลังนินทากันสนุกปากในระยะเผาขน "ขอโทษนะที่ข้าตื่นสาย พอดีเมื่อคืนควบม้ากันหนักไปหน่อย พอจะบอกได้ไหมว่าห้องอาบน้ำอยู่ตรงไหน?" "ท..ท...ทะ.." สีหน้าสับสนวุ่นวายจ้องหน้ากันไปมาแล้วกลอกตาด้วยความกลัว "ท....ทะอะไร?" "ทางนั้นเจ้าค่ะ! ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" ฝีเท้าสองสาววิ่งหลบหายออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังหายออกไปเรื่อยๆด้วยท่าทางกระสับกระส่ายตื่นตกใจยิ่งเสียกว่าเจอผี "ฮิฮิ ฮ่า ฮ่า.... ให้มันรู้ซะบ้างว่าตรงนี้ถิ่นใคร... เอาล่ะ ไปอาบน้ำกันดีกว่า!" ... หลังจากอาบน้ำจัดแจงชุดเสื้อผ้าได้ไม่นานนัก ฝีเท้าเดินก้าวตรงออกมายังทางเดินกว้างที่เงียบสงบไร้ผู้คนเดินผ่าน "อ้า.. ยังดีนะเนี่ยที่ได้สกิลวิชาแต่งหน้าทำผมมาจากน้องสาวตัวเองน่ะ มีผู้หญิงเป็นหัวหน้าครอบครัวนี่มันได้ประโยชน์ตรงนี้นี่เอง" จากประสบการที่ตัวเองนั้นใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาวและแม่ของตัวเองมาอย่างโชกโชนนั้น จึงทำให้เรื่องการแต่งหน้าทำผมที่หลีเหว่ยมักเป็นหนูทดลองให้น้องสาวตัวเองละเลงหน้าเล่นจนได้ความสามารถติดตัวมาด้วย "จะว่าไป บรรยากาศรอบๆ ของที่นี่เขียวไปหมด ใครไม่รู้คงนึกว่าที่นี่เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์ไม้แหง๋ๆ นู่นก็ต้นไม้ นี่ก็ดอกไม้ นั่นก็ใบหญ้า ตรงนู้นก็ต้นไม้อีก" ชายหนุ่มในคราบหญิงสาววิ่งเตร่ชมสถานที่รอบๆ ระหว่างที่ไม่รู้ว่ามีอะไรให้ตัวเองทำเมื่ออยู่ที่นี่ สายตาสนใจใคร่รู้จ้องมองไปหาเหล่าข้ารับใช้ที่เดินตรงไปยังด้านในห้องครัวเพื่อเตรียมตัวทำสำรับอาหารในเช้าของวันนี้ "วู้ว กลิ่นหอมเตะจมูกดีแฮะ" กลิ่นอาหารนำพามายังห้องครัวที่กำลังวุ่นวาย สายตาจ้องมองเหล่าอาหารวางตรงหน้าเพื่อรอเตรียมตัวเข้ากระเพาะน้อยๆ ของใครหลายคน "อ่ะ คุณหนูหมิงเยี่ยน" เมื่อรู้ถึงการมาของคุณหนูหมิงเยี่ยน ทุกคนที่ตั้งหน้าตั้งตากันอยู่นั้นจึงผละเวลาเพื่อกล่าวทักทาย "ม..ไม่เป็นไร ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ว่าแต่.. ทำอะไรกันอยู่หรอ?" "สำรับอาหารของเช้าวันนี้เจ้าค่ะ" หน้าชะโงกมองอาหารที่ถูกจัดอย่างสวยงาม แต่สีสันมันกลับดูจืดชืดพิกล "ขอข้าลองกินเจ้านี่ได้ไหม?" ใบหน้าซุกซนยื่นมือชี้ไปยังสำรับอาหารถ้วยหนึ่งที่กำลังร้อนๆ "เอ๊ะ? ม..ไม่ได้เจ้าค่ะยังไม่ถึงเวลา คุณหนูอดใจรอก่อนนะเจ้าคะ" "อ..อะไรกัน แค่ชิมนิดนึง งั้นผลไม้นี่ล่ะ" "ไม่ได้เจ้าค่ะ ตอนนี้.." "ทำไมล่ะ แค่ชิมเองนะ" "พวกเธอบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิเจ้าคะคุณหนู" เสียงหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นจากด้านหน้าประตู แต่เมื่อหลีเหว่ยหันกลับไปยังต้นตอของเจ้าของน้ำเสียงนั่น มันกลับทำให้เขาอ้าปากค้างจนไปไม่เป็น "ม...ม...แม่? " หญิงรับใช้ที่ดูเหมือนจะมีตำแหน่งสูง เธอเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางสง่างาม แต่ใบหน้าของเธอนั้นกลับคล้ายกับแม่ของหลีเหว่ยเมื่อครั้งปัจจุบันก่อนมาที่นี่ "ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รบกวนคุณหนู โปรดอดใจรอก่อน จนกว่าจะถึงเวลาอาหารเถอะนะเจ้าคะ" "เพราะเห็นเป็นคุณ..ท..ท่านหรอก.... ก..ก็ได้" ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าชาตินี้ฉันจะได้เจอท่านที่นี่ ถึงจะไม่ใช่แม่ตัวจริงของฉันก็เถอะ ร่างเล็กยิ้มเจื่อนๆ ก้มหน้าก้มตาเดินกลับออกไปเงียบๆ ก่อนหันกลับมามองหญิงคนนั้นอีกครั้งให้แน่ใจ "..... อย่างน้อย แม่ในตอนนี้ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอยู่บ้านล่ะนะ" จือหานยอมถอยออกมาแต่โดยดี "นี่!!! เหมี่ยนซิ่ว!! ใครใช้ให้เธอหันผักไปแบบนั้นกันห้ะ มันป่นขนาดนั้นจะกินลงเข้าไปยังไง? อยากโดนไม้ฟาดใช่ไหม!!" "กรี๊ด! ข..ขอโทษเจ้าค่ะ!!" แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงตะโกนด่าดังลั่นมาจากในครัว ".... ข...ขอคืนคำเมื่อกี้ดีกว่า" เอาล่ะ จะไปไหนกันดี เดินไปไหนก็เจอแต่ต้นไม้ หมดอารมณ์จะเดินจริง ฝีเท้าเดินตรงออกมาจากหน้าห้องครัว แทนที่ตนเองจะมายืนน้อยใจอยู่แต่หน้าประตูนั้น ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูเงียบสงบแตกต่างจากที่เคยเป็น ผ่าน มา "จะว่าไป อากาศที่นี่ดีจริงๆ หอมกลิ่นดิน กลิ่นน้ำชื้นๆ เย็นด้วย~" "เหมียว~" "เอ๊ะ.." ใบหน้ากวาดตามองรอบๆ เมื่อได้ยินเสียงของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ร้องดังอยู่ไม่ไกล "เสียง..แมว? " เท้าเร่งเดินตามหาเจ้าตัวเจ้าของเสียงร้องครางยาวๆ นั่น แต่มันกลับไร้วี่แววของมันเลย "เหมียว~" "เสียงอยู่แถวนี้นี่ มันจะไปอยู่ไหน.. อ่ะ หวา~" ใบหน้าแหงนมองต้นไม้สูง ถึงได้รู้ว่าเจ้าแมวตัวน้อยที่เอาแต่ร้องเสียงครวญครางอยู่นั้น กำลังร้องขอความช่วยเหลือ "ตายห่าแล้ว แล้วทำไมแกถึงไปอยู่บนนั้นนะเจ้าเหมียว ร..รอแปบนะ ฉันจะปีนขึ้นไป!" ... "อ่ะ! คุณชายจื่อฝาน อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ" "....." ใบหน้าพยักตอบรับเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร ท่าทางสง่างามเดินอย่างองอาจเรื่อยๆ มายังสวนด้านในไร้ผู้คนเพื่อหาที่สงบเงียบไว้พักพิงร่างกาย ร่างหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่สีเขียวสดซึ่งเป็นที่ที่จื่อฝานสามารถมาหยุดพักเรื่องราวความกังวลลงที่นี่ ใบหน้าไร้อารมณ์ นั่งอิงลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่พลางหยิบขลุ่ยไม้คู่กายที่มักถือติดตัวเป็นประจำขึ้นมาเป่าบรรเลงทำนองอ่อนๆ ที่ฟังแล้วชวนสงบจิตใจได้เป็นอย่างดี "ย้าส์ๆ เจ้าพุงน้อย!" "....." ดนตรีดังไพเราะหยุดชะงักลงเมื่อบรรยากาศแสนสงบถูกรบกวน ใบหน้าหันมองหาต้นตอของการรบกวนอันน่าหงุดหงิดนี้ขณะที่เสียงนั่นก็ยังดังอยู่ "ย้าๆ ขอจกพุงหน่อย เจ้าแมวอ้วน ฉันขึ้นมาช่วยแกบนต้นไม้ แต่ลืมไปเลยว่าฉันปืนขึ้นมาได้แต่ลงไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ชิบหายจริงๆ ...." ร่างถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแหงนหน้ามองไปยังด้านบนของต้นไม้ ถึงได้เห็นชายกระโปรงที่สั่นไหวยุกยิกไปมาอยู่บนนั้น "ระหว่างรอคนมาช่วย เราอยู่บนนี้กันเถอะนะเจ้าพุงน้อย" ใบหน้าเล็กไล่ซุกลงบนหน้าท้องของเจ้าแมวขนปุกปุยสีขาวนวลตัวอ้วนปุกอย่างซุกซนทั้งที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองทั้งคู่อยู่บนต้นไม้ ".....ไม่มีสตรีที่ใดทำตัวประหลาดเยี่ยงเจ้าหรอกนะหมิงเยี่ยน" "เหวอ! พระเจ้าโคตรแม่ผีหลอก ท..ท่านจื่อฝาน!" ใบหน้าหอบหายใจแฮกหลังสะดุ้งตัวด้วยความตกใจเมื่อพึ่งรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายที่อยู่ใต้ต้นไม้ "ท..ท่าน มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ! เอ๊ะ ย..อย่าบอกนะว่ามาแอบดูใต้กระโปรง!" "....เหลวไหล... ข้ามาอยู่ที่นี่เป่าขลุ่ยเสียงดัง แต่เจ้ากลับไม่รู้ว่าข้ามาหรือ?" "ส..เสียงเพลงเพราะๆ นั่นของท่านหรอกหรอ? โถ่ ก็นึกว่าใครมาเปิดเพลงรำไทเก๊กอยู่" "...พูดจาเหลวไหลฟังไม่รู้ความเลยสักนิด ลงมา" จื่อฝานกล่าวด้วยเสียงนิ่งแบบทุกครั้งพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย "ข้าขึ้นมาช่วยเจ้าแมวนี่ แต่ลงไปไม่ได้ ช่วยข้าลงไปทีสิ นะนะนะ นะคะนะนะ" "...ขึ้นเองได้ เจ้าก็ต้องลงเองได้" ก็ตูลงไม่ได้ไงเล่า!! "อ่ะ ..ข..ข้าลงไม่ได้ T T" จื่อฝ่านจ้องมองแล้วถอนหายใจอีกครั้ง "เอ๊ะ? อะไรของท่านเนี่ย? ข้าบอกให้พาข้าลงไป ไม่ใช่ให้ถอนหายใจ ตั้งแต่เมื่อวาน พอท่านเห็นข้าท่านก็ถอนหายใจ ถอนหายใจจนข้านับได้แล้วเนี่ยว่ากี่ครั้ง รู้สึกจะ..เมื่อวานสามรอบ วันนี้อีกสองรอบ" "...เฮ้อ..." "น่ะ ถอนหายใจอีกแล้ว!" "....." ใบหน้าหงุดหงิดหลับตาเพื่อกดกลั้นความโกรธก่อนตั้งท่าเดินผละออกไป "ด..เดี๋ยวก่อน ท่าจะไปไหนน่ะ? อ้ะ อ้า!!" ร่างพลิกตัวตกลงมาจากต้นไม้เต็มแรง แต่กลับรู้สึกเหมือนตกลงมาบนเบาะนุ่มๆ เสียมากกว่า "อึก..หัวๆ .." "..ถอย..ออก..ไป" "เอ๊ะ"จือหานเงยหน้าขึ้นมองขณะพึ่งรู้ตัวว่ากำลังล้มคร่อมร่างอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดพร้อมเดือดเต็มทน "อ่ะ อะไรกัน นึกว่าหล่นใส่เบาะรองนุ่มๆ ซะอีก ที่ไหนได้ คุณชายจื่อฝานสามีข้านี่เอง" จือหานพูดเย้าหยอกเล่นตามนิสัยของตัวเอง แต่อีกฝ่ายนั้นกลับมองด้วยสีหน้าที่เริ่มหมดความอดทนเรื่อยๆ "ลุกออกไป..จากตัวข้า" "ไม่ลุก" จือหานยกยิ้มกอดแมวไว้แน่น "...นี่เจ้า!" "คุณชายเจ้าคะ ได้เวลา... เอ่อ..." ข้ารับใช้เดินโพล่งเข้ามาไม่ทันมอง ใบหน้าซีดเซียวจ่องสถานการณ์ที่ไม่อาจตีไปในทิศทางอื่น "เอ่อ..คือ..ขออภัยเจ้าค่ะ เชิญทั้งคู่ต่อกันได้เลย..." ร่างรีบก้มหน้าก้มตาเดินผละออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่จื่อฝานพยายามจะทักท้วงหญิงสาวตรงหน้าแต่ไม่ทันการ "ฮิฮิ ย่าส์ ตายแล้วมีคนมาเห็น" "ลุกออกไป" "เอาข้าออกไปเองสิ" คุณชายจื่อฝานถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่จนนับครั้งไม่ได้ ใบหน้าขมวดคิ้วจ้องมองอีกฝ่ายที่ยังคงทำตัวเหมือนเล่นไปเรื่อยจนกระทั่งมือหนาจับไหล่ที่กำลังสั่นด้วยอาการขำผละร่างนั่นล้มลงใส่พื้นหญ้าแล้วขึ้นคร่อมเสียเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD