กวีบทที่ ๓ อู๋เสี่ยวเชียน [2]

1805 Words
"อึก จ..เจ็บ" "...." "คุณหนูเจ้าคะ อาหารพร้อม..แล้ว.. เอ่อ.." เป็นครั้งที่สองที่มีผู้เคราะห์ร้ายเดินเข้ามาเห็น แววตาเบิกกว้างอ้าปากค้างก่อนหัวเราะแห้ง "เอ่อ..ข้า..ข้าไม่รับกวนดีกว่าเจ้าค่ะ แฮะ แฮะ..." "จ..เจ้า ไม่ใช่..อย่างที่.." หญิงสาวปลีกตัววิ่งหายออกไปเป็นรายที่สองขณะร่างเล็กนอนหัวเราะคิกคักให้กับความโมโหของอีกฝ่ายที่ออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน "ฮิฮิ แหมะ คุณชาย คร่อมข้าไม่ยอมลุกเลยนะ" "อึก! ...." ร่างสูงรีบผละตัวลุกขึ้นยืนแล้วกำมือไว้แน่น "เจ้ามันน่ารำคาญ..." ฝีเท้าเดินย่ำหายออกไปจากสวนด้วยท่าทางหงุดหงิด เหลือไว้เพียงคุณหนูหมิงเยี่ยนหรือจือหาน ที่กำลังลุกขึ้นยืนกอดแมวตัวน้อยแล้วหัวเราะด้วยความสนุก "อ้า~ คอยดูเถอะนะ ฉันจะทำให้ความหยิ่งอีโก้ของเขามันหายไปให้หมดเลย ฮิฮิ.. เอาล่ะเจ้าแมว กลับไปหาเจ้าของได้แล้ว" ... ยามซวี ราตรีเข้าครอบคลุม ผู้คนในตระกูลหลิน ตอนนี้กำลังรวมตัวกันเพื่อทำพิธีบางอย่างที่ทำเป็นประจำในทุกๆ วันเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและไอปีศาจที่ครอบคลุมร่างกาย ใบหน้าฉงนจ้องมองเหล่าผู้คนที่กำลังตั้งมั่นกับพิธี จดจ้องด้วยแววตาสนอกสนใจ จนกระทั่งหญิงผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามาหา "เป็นอย่างไรบ้างหมิงเยี่ยน?" "อ่ะ...ท่านหลินเป้ยอี๋"จือหานค่อยๆก้มโค้งกล่าวทักทายเมื่อหญิงสาวท่าทางสง่างามเดินตรงเข้ามากล่าวทักทาย นางคือหลินเป้ยอี๋ผู้เป็นมารดาของคุณชายจื่อฝาน "อย่าเรียกข้าแบบนั้นสิ เจ้าอยู่ที่นี่ เรียกข้าว่าแม่เถอะ" "เอ๊ะ อ่ะ..ค..ค่ะ" "กับอาฝานเป็นยังไงบ้าง? พวกเจ้าเข้ากันดีหรือไม่? " หญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนถาม "อ่า... เอ่อ... ข้าว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าข้าเท่าไหร่ แบบว่า..ฮ่าฮ่า ข้าอาจทำตัวไม่สมกับเป็นสตรีที่ดี" "ข้าคิดว่าอาฝานชอบเจ้านะ ถึงเขาจะเป็นคนที่ถือทิฐิ ไม่ค่อยชอบยุ่งกับใคร แต่เขาไม่ใช่คนที่มักจะหลุดอารมณ์ของตัวเองได้ง่ายๆ เพียงแค่การยั่วยุเล็กน้อย" "เขาอาจจะเกลียดข้ามากก็ได้นะเจ้าคะ" จือหานยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป ก่อนมืออ่อนนุ่มของผู้เป็นแม่อย่างเป้ยอี๋จะค่อยๆ ยกมือของเขาขึ้นมาทาบและลูบมันอย่างอ่อนโยน "คนสองคนมีชะตาลิขิตต้องกัน ต่อให้อีกฝ่ายพยายามต้านมากเท่าไหร่ สุดท้ายกำแพงที่สร้างขึ้นจะค่อยๆ พังทลายลงและเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งคู่เอง" "....เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว" จือหานพยักหน้าเบาๆ แล้วยิ้มเป็นการตอบกลับ "เอาล่ะ ข้าเกรงว่าเจ้าคงเบื่อเสีย ทำไมไม่ไปเดินเที่ยวในเมืองดูล่ะ เวลานี้น่าจะกำลังคึกคัก ออกไปกับผู้ติดตามสิ" "เอ๊ะ ได้หรือเจ้าคะ?" "แน่นอนสิ" "อืม..งั้นข้าไม่เกรงใจนะ" ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างก่อนกล่าวลาแล้ววิ่งกลับออกไปจากพิธี ชายหนุ่มวิ่งตรงไปยังห้องของตัวเองแล้วลื้อค้นชุดเสื้อผ้าชายหอบกลับออกไป "เอาล่ะ หิ้วชุดไปเปลี่ยนข้างนอกดีกว่า เปลี่ยนในนี้แล้วเดินออกไปโท่งๆ มีหวังโดนคนสงสัย" จือหานวิ่งหิ้วห่อเสื้อผ้าแอบหลบหนีออกไปข้างนอกอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้มีผู้คนสงสัย "เอาล่ะนะ ทีนี้จือหานก็เริ่มออกโรง! อึก.." ระหว่างที่เปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จนั้น ร่างกายกลับเริ่มสั่นเทาเหมือนกับครั้งที่สัมผัสกระบี่จักรพรรดิมารนั่น "...อ..อีกแล้ว.." ฝีมือที่เริ่มแผงไอหมอกสีดำออกมา ราวกับว่ามันกำลังหาสิ่งมีชีวิตมาเติมเต็ม "บ้าน่า..อย่าพึ่งมาเป็นตอนนี้ได้ไหม.." "ว๊าก!!! ปีศาจ!!!" เสียงกรีดร้องดังมาจากในเมืองเหมือนกำลังเกิดความวุ่นวาย ร่างกระเสาะกระแสะค่อยๆ ค้ำกำแพงในมุมแคบๆ เพื่อตรงไปยังตำแหน่งของเสียงกรีดร้องนั่น ชาวบ้านวิ่งกันให้อลหมาดเมื่อพบกับชาวบ้านคนหนึ่งที่มีท่าทางแปลกๆ เหมือนถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าสิงสู่ "อึก..อ๊าก!!! " "ทุกคนถอยออกไป!!" ชายหนุ่มวิ่งประจันหน้ากับปีศาจชั่วร้ายที่กำลังทำร้ายชาวบ้าน มือถือกระบี่กำไว้แน่นชักกระบี่ขึ้นมาพร้อมต่อกรกับมัน "ค..คุณชาย! ร..ระวัง!" "อึก! บ้าเอ้ย!" ร่างกายเสียศูนย์ล้มตัวคุกเข่าเพื่อตั้งหลัก ครั้งนี้การต่อกรกับมันไม่ใช่เรื่อง่ายเลย "ปีศาจอะไรกัน..ไอปีศาจรอบๆ ตัวนั่นไม่ใช่เล่นๆ เลย ต้องลง...สะกดวิญาณไว้ชั่วคราวก่อน.." มือกำแน่นวาดอักษรบนอากาศพุ่งตรงไปยังศัตรูที่ไม่อาจเดาความสามารถได้ ปีศาจหยุดชะงักนิ่งอย่างที่อาคมนั่นได้ตรึงไว้ แต่ไม่นานนัก มันกลับพังทลายออกมาอย่างง่ายดาย "ชิ.. สะกดไว้ไม่อยู่ คงต้องต้านเอาไว้จนกว่าคนของตระกูลหลินจะมาที่นี่" "ค..คุณชายเสี่ยวเซียน แบบนี้ไม่ไหวแน่ พลังของมันมีมากเกินกว่าที่จะรับไหวนะขอครับ" "มันไม่มีทางอื่นนี่! อึก.." ร่างหลบจังหวะการจู่โจมของปีศาจได้อย่างง่ายดาย แต่การโจมตีของมันนั่นรวดเร็วมาก จึงมีโอกาสที่จะพลาดขึ้นได้ "อ..อั๊ก!" "คุณชาย!" "พาชาวบ้านไปหลบที่ปลอยภัยก่อนเถอะน่า!! อ้ะ!! อ้า!!" "คุณชาย!!" มันเข้ามาจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวและไม่มีทีท่าว่าจะหลบไปได้ทัน สายตาหลับลงเตรียมใจที่จะต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่ในตอนนั้นเองที่เวลาผ่านไปนาน แต่ร่างกายกลับไร้การถูกจู่โจม เสี่ยวเซียนค่อยๆ ปลือตาขึ้นมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงได้รู้ว่ามีใครบางคนยืนขวางเอาไว้ พร้อมกับใช้เพียงแค่มือเปล่า จู่โจมเข้าไปที่คอของปีศาจที่กำลังอาละวาด บีบไว้แน่นจนร่างของมันลอยเหนือพื้นดิน "อึก... อ่ะ.." ไอหมอกสีดำหลุดลอยระเหยออกมาจากร่างของชาวบ้านที่ไร้สติ เข้าสู่ร่างกายของชายอีกคนที่เข้ามาช่วยเหลือ จนปกคลุมไปทั้งร่างกายของเขาคนนั้น "...น..นี่มัน.. ทำไมเขาถึง..ดูดไอปีศาจนั่น..ข..เข้าร่างตนเอง" ปีศาจโอญร้องด้วยความทรมาณจนกระทั่งไอหมอกสีดำมืดนั่นหายออกไปจากร่างกาย เหลือเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ ที่หมดสติจากการถูกมันควบคุม ชายปริศนาผละมือออกจากคอนั่นทันทีก่อนหอบหายใจหนักพลางกุมขมับตัวเองเพื่อคืนสติ "ค..คุณชาย ปลอดภัยดีหรือไม่ขอรับ? " เสี่ยวเซียวพยุงตัวลุกขึ้นจ้องมองชายตรงหน้าอย่างสังสัยใคร่ครวญ "เจ้า..เจ้าน่ะ!" เขาตะโกนทักชายตรงหน้าที่หันหลังให้เขาก่อนชายผู้นั้นจะหันกลับมามอง "เจ้ามีนามว่าอะไร? " "เอ่อ.. อึก.. อื้อ.. ชื่อหรอ... ข้าชื่อจือหาน" "หมิง..จือหาน.. ห..ห้ะ! เฉินจือหาน! เจ้าคนคิดก่อกบฏ เข้าวิถีมารนั่นหรือ!!" ร่างกระโตกกระตากคว้ากระบี่ขึ้นจ่ออีกฝ่ายด้วยท่าทางตกใจกลัวต่อชื่อเสียงที่เคยได้ยิน "โว๊วๆ ใจเย๊น ใจเย็น เอ่อ..ข้าไม่ได้จะมาทำอะไรเจ้า โอเคไหม" "เฉินจือหาน เจ้ามันปีศาจร้ายอย่างที่ใครกล่าวไว้! " "เห้ย อะไรของนายเนี่ย? คนมาช่วยไม่คิดจะขอบคุณแต่มาบอกว่าเป็นปีศาจร้ายเนี่ยนะ? บ้าหรือเปล่า นี่ ถ้าฉัน.. ถ้าข้าจะฆ่าเจ้า สู้ข้าปล่อยให้เจ้านั่นจัดการเจ้าไม่ดีกว่าหรือไง?" แววตาคิดเป็นศัตรูเริ่มลดลงเพื่อฉุกคิด เป็นจริงอย่างที่ว่า ถ้าหากเฉินจือหานจะจัดการใครสักคน เขาไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยซ้ำ "...จริงอย่างว่า.. แต่ แต่เจ้ามัน!" "จะคิดอะไรก็ช่างเถอะ ที่รู้ๆ ข้าไม่ทำเรื่องเลวร้ายแบบสมัยนั้นแน่ ถ้ารู้ว่าคนจะพากันเกลียดขนาดนี้อ่ะนะ ไปล่ะ" จือหานทำหน้าเบื่อหน่ายพลางหันหลังกลับ แต่ตอนนั้นเองที่เสี่ยวเซียนวิ่งเข้ามาฉุดรั้งไว้ "ท..ท่าน.. ตกลง ตกลง ข้าไม่คิดร้ายกับท่านก็ได้ อย่างน้อยให้ข้าได้เลี้ยงเหล้าท่านเป็นการขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้า" "เอ่อ..." เหล้าหรอ? จะว่าไป ยังไม่เคยลองเหล้าของคนสมัยนี้เลยนี่นา แต่.. นี่มันก็นานแล้วที่ฉันออกมาโดยไม่บอกใคร พวกเขาต้องโกรธแน่ๆ "ขออภัยด้วย ข้าไม่อาจอยู่ให้ท่านเลี้ยงเหล้าได้ ขอรับเป็นคำขอบคุณก็เพียงพอ" "อ้าๆ งั้น.. เผิงจ้าน!" "ขอรับคุณชาย" "เอาเหล้าของสกุลอู๋ของข้าให้ท่านจือหาน" "อ..เอ๊ะ แต่..เหล้านี่ท่านชอบ.." "เถอะน่า ข้ากลับไปเอาที่เฟิงเยว่ก็ได้" เผิงจ้านพยักหน้าเบาๆ วิ่งกลับไปยังรถม้าเพื่อหยิบเหล้าส่วนตัวของเสี่ยวเซียนมาให้ "รับไว้เถอะ" เสี่ยวเซียนยิ้มเล็กน้อยขณะยื่นเหล้าที่ได้รับมาจากเผิงจ้าน "อ่ะ..อ้า ขอบคุณท่านมาก" "ข้าลืมแนะนำตัวข้าไปเลย ข้าอู๋เสี่ยวเซียน บุตรชายคนโตของตระกูลอู๋ ไว้ครั้งหน้าหากเราพบกันอีก โปรดเรียกข้าเซียนจื่อ" "อ่ะ.. ข้าจะจำไว้นะ ข้าขอตัวก่อนล่ะ" จือหานก้มโค้งด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนมองท้องฟ้าที่เวลาเริ่มผ่านมานานแล้วก่อนรีบก้าวเท้ายาวๆ เดินหายออกไป "....เผิงจ้าน" "ครับคุณชาย" "จดจือหานลงไปในรายชื่อด้วย ข้าจะเอาเขาเป็นศิษพี่ข้าล่ะ" "เอ๊ะ? ต..แต่ท่านมีรายชื่อคนที่ท่านอยากได้เป็นศิษพี่สามสิบสองรายชื่อแล้วนะขอรับ" "หรอ..." เสี่ยวเซียวล่นคิ้วอย่างเสียดายจ้องมองสมุดเล่มหนาอย่างคิดพิจารณา "งั้น! ลบสามสิบสองคนนั้นออก เอาศิษพี่จือหานเข้าไปแทน ข้าอยากได้เขาเป็นศิษพี่คนเดียวของข้าล่ะ" "อ..เอ๊ะ ข..คุณชาย~~ นี่หนังสือเล่มที่ห้าที่ข้าต้องทิ้งเพราะหน้ามันเต็มไปด้วยรายชื่อของท่านนะขอรับ T_T" ... "แฮกๆ อ้า เหนื่อย..." ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ วิ่งมาด้วยท่าทางลนลานหอบชุดเสื้อผ้าที่เปลี่ยนกลับมาไว้ที่เดิม "เฮ้อ.. จากในเมืองวิ่งมานี่เกือบๆ ครึ่งชั่วโมง ไม่ได้เดินดูอะไรสักนิด แต่.. ฮิฮิ ได้เหล้ามาด้วยแหละ" จือหานยิ้มอย่างมีความสุข เดินตรงหอบไหเหล้ากับห่อเสื้อผ้าลักลอบเข้ามาข้างในจนถึงห้องของตัวเอง "เอาล่ะ เข้าห้องๆ ไปกินเหล้าดีกว่า~" มือเลื่อนเปิดประตูห้องด้วยใบหน้ายิ้มกว้าง แต่ใครจะไปรู้กันว่า ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา จื่อฝานกลับมายืนต้อนรับอยู่ที่หน้าประตูอย่างไม่ทันตั้งตัว "ช..ชิบหาย" *ยามเหม่า คือช่วงเวลา 05:00-06:59 *ยามซวี คือช่วงเวลา 19:00-20:59
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD